สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 409 ฮ่องเต้เสด็จด้วยพระองค์เอง
ตอนที่ 409 ฮ่องเต้เสด็จด้วยพระองค์เอง
……….
ฮ่องเต้จะลงใต้?
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสออกมาทำให้ในใจบรรดาขุนนางดังคลื่นโหมกระหน่ำ
ควรรู้ว่ายามนี้แม้มิใช่ยามสงครามแย่งชิง แต่ฮ่องเต้จะเสด็จออกตรวจพื้นที่ก็มิใช่ตรัสว่าจะเสด็จก็เสด็จได้ทันที
ยามนั้นก็มีขุนนางใหญ่คัดค้าน “ฝ่าบาท เสด็จใต้ไปกลับใช้เวลามาก ส่งผลกระทบต่อราชกิจมากมาย …”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รอให้เขาพูดจบ ก็ตรัสพระสุรเสียงเรียบเฉยว่า “ทุกหน่วยงานมีคนดูแลอยู่ งานปกติก็จัดการไปตามปกติ หากเรื่องสำคัญเร่งด่วนก็ส่งไปให้เราก็ได้”
“แต่ฝ่าบาทไม่อยู่เมืองหลวง เกรงว่าผู้คนจะกระวนกระวาย…”
“เราตัดสินใจแล้ว ให้องค์หญิงเจาหยางดูแลราชกิจแทน”
องค์หญิงใหญ่ดูแลราชกิจแทน?
บรรดาขุนนางมองหน้ากันไปมา
ให้ผู้หญิงดูแลราชกิจ รู้สึกแปลกๆ แต่ทว่าองค์หญิงเจาหยางเป็นพระขนิษฐาแท้ๆ เพียงพระองค์เดียวของฮ่องเต้ คล้ายว่ามีเหตุผลพอรับได้…
ความจริงยามนี้ในใจบรรดาขุนนางก็มีองค์ชายใหญ่ซิ่วอ๋องเป็นตัวเลือกผุดขึ้นมาในความคิดอย่างมิได้นัดหมาย
แต่ทว่าไม่มีคนกล้าเสนอ
ฮ่องเต้ไม่อยู่ รัชทายาทดูแลราชกิจเป็นเรื่องสมเหตุสมผล แต่ซิ่วอ๋องอย่างไรก็ยังมิใช่รัชทายาท หากเสนอให้เขามาดูแลราชกิจ จะแสดงความคิดตนเองเด่นชัดเกินไป
เรื่องน่ากลัวที่สุดในวงการขุนนางคืออันใด ย่อมเป็นเรื่องที่แสดงความคิดตนเองเด่นชัดต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ แต่กลับไม่รู้ความคิดในพระทัยฮ่องเต้!
เกิดฮ่องเต้ไม่ยินดีให้ซิ่วอ๋องเป็นรัชทายาท?
เสนาบดีกรมคลังก้าวออกมา “ฝ่าบาท ฮ่องเต้เสด็จออกนอกวังมิใช่เรื่องเล็ก จำต้องมีกองกำลังจำนวนมากตามเสด็จ ขอฝ่าบาทโปรดไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
กว่าจะเก็บภาษีให้มากขึ้นได้ คลังหลวงไม่ได้ว่างเปล่าแล้ว เหตุใดฮ่องเต้จึงคิดใช้เงินฟุ่มเฟือยกัน!
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พยักพระพักตร์ “การเดินทางไกลต้องไตร่ตรองให้รอบคอบจริง”
เสนาบดีกรมคลังมุมปากกระดกเล็กน้อย ชื่นชมอย่างมาก
ฮ่องเต้ยังทรงฟังคำทูลเตือนของเขา
“เราไตร่ตรองมาแล้ว ฮ่องเต้เสด็จออกนอกวังต้องใช้เงินทองไม่น้อย แต่ทว่าการเดินทางไปครั้งนี้คุ้มค่า หรือว่าไม่อยากตามเราไปดูให้เห็นกับตา ดูของล้ำค่าที่ปลูกออกมา ของที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ราษฎรเรือนแสนได้”
คำกราบทูลเตือนของเสนาบดีกรมคลังพลันชะงักงัน
ฮ่องเต้ตรัสว่าจะพาเขาไปด้วย!
เสนาบดีกรมคลังเงียบไม่ตอบ คนอื่นๆ ต่างกำลังคิด จากนั้นก็ไม่มีคนคัดค้านอีก
“ในเมื่อขุนนางทุกท่านต่างไม่คัดค้าน เช่นนั้นก็หารือรายละเอียดเดินทางลงใต้กันเถอะ”
ต้องนำผู้ใดไปบ้าง เดินทางเส้นทางใด มีมาตรการอันใด เมืองหลวงจะจัดการอย่างไร ก็ล้วนต้องหารือทีละข้อ
การหารือนี้ต่อเนื่องไปถึงตอนบ่ายจึงได้จบลง
จากนั้นข่าวฮ่องเต้จะเสด็จลงใต้ก็แพร่กระจายออกไป
จากนั้นก็ต้องเตรียมการเรื่องต่างๆ อย่างเป็นขั้นตอน ระยะนี้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยังได้รับจดหมายจากซุนเหยียน ในจดหมายเล่าเรื่องซินโย่วถูกลอบสังหาร
ผ่านไปอีกวันหนึ่ง ก็ได้จดหมายฉบับที่สองจากซุนเหยียน บอกว่าไป๋อิงถูกขัดขวางขณะเดินทางไปขอกำลังช่วยเหลือจากกองกำลังฉางผิง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กริ้วหนักมาก เร่งให้เลื่อนเวลาเดินทางขึ้นมาอีกสองสามวัน
ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูกาลที่ดีในการลงใต้ ใช้เส้นทางน้ำสะดวกและสบาย วันออกเดินทางวันนั้นขบวนเรือพระที่นั่งลอยลำอยู่บนแม่น้ำใหญ่อย่างอลังการ มีเพียงองค์หญิงเจาหยางที่มายืนส่งเดียวดายอยู่ริมฝั่งด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก
นางเองก็คิดถึงอาโย่วแล้ว นางเองก็อยากเห็นของล้ำค่าที่อาโย่วปลูก ถือสิทธิ์อันใดให้นางอยู่เฝ้าเมืองหลวงดูแลราชกิจ?
ในความคิดองค์หญิงเจาหยาง การดูแลราชกิจเป็นเรื่องเปลืองแรงและไม่ได้ประโยชน์อันใด
“เป็นถึงผู้ปกครองแผ่นดิน สูงศักดิ์เหนือสามัญ ไม่อยู่ให้ปลอดภัยในเมืองหลวง แต่แล่นลงใต้ไปทำอันใดกัน! ข้ามองออกนานแล้วว่านังเด็กนั่นเป็นพวกชอบก่อเรื่อง…”
ด่าซินโย่วเสร็จก็ด่าบุตรสาวต่อ “ให้นางดูแลราชกิจ? พี่ชายนางลำเอียงยกให้นาง นางก็ไม่รู้จักปฏิเสธ ไม่เคยเห็นบุตรสาวตระกูลใดออกเรือนไปแล้วยังกลับมาสั่งการตระกูลเดิมได้…”
แม้ไม่มีคนที่เหมาะสมจริงๆ นางผู้เป็นมารดาก็ยังอยู่มิใช่หรือ ไยถึงต้องถึงมือสตรีออกเรือนแล้วด้วย!
บ่าวคนสนิทได้ยินไทเฮาพร่ำบ่นก็ไม่อาจเห็นด้วยจริงๆ
เรื่องปกครองแผ่นดินกับเรื่องครอบครัวเหมือนกันหรือ
ไม่ว่ามารดากับน้องสาวอยู่ในอารมณ์ใด แต่ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยิ่งใกล้อำเภอเวินก็ยิ่งรู้สึกเฝ้ารอ
ข่าวฮ่องเต้เสด็จลงใต้ไปถึงอำเภอเวินนานแล้ว การซ่อมแซมท่าเรือใหม่ ปรับเส้นทางให้ราบเรียบ การเตรียมการที่แสดงถึงการให้ความสำคัญต่อการเสด็จของฮ่องเต้ล้วนเตรียมการอย่างเร่งด่วน
นายอำเภอจางว่างก็ไปยืนอยู่ริมน้ำอยู่ตลอดเวลา คอยมองดูเส้นทางที่มาจากเมืองหลวงหลายครั้ง แอบรู้สึกโชคดีที่ตนเองฟังคำของคุณหนูซิน ไม่เช่นนั้นก็คงจบสิ้นแล้ว!
เข้าสู่เดือนสาม ต้นหยางต้นหลิ่วเขียวชอุ่ม บุปผาแบ่งบานแรกแย้ม
ได้รับข่าวว่าขบวนเรือพระที่นั่งใกล้จะมาถึงแล้ว นายอำเภอจางนำทุกคนในอำเภอ พร้อมพวกซินโย่วไปเข้าแถวรอยาว
รอตั้งแต่เช้าถึงบ่าย
มิใช่ว่าข่าวผิดพลาด แต่เพราะตั้งใจมาก่อนเวลาเพื่อแสดงความเคารพ
แม่น้ำใหญ่มองไปสุดสายตา แสงตะวันสาดส่องผิวน้ำส่องประกายคลื่นสีทองระยิบ เรือใหญ่ลำหนึ่งค่อยๆ แล่นมาสู่สายตาของผู้คน
“มาแล้ว มาแล้ว!”
คนที่รออยู่ริมท่าพากันส่งเสียงฮือดัง ยากระงับความตื่นเต้น
แม้อำเภอเวินมิใช่อำเภอห่างไกล แต่ก็ห่างไกลจากความเจริญมาก จะได้พบขุนนางใหญ่สักคนก็มิใช่เรื่องง่าย อย่าว่าแต่ฮ่องเต้เสด็จมาด้วยพระองค์เอง
ในบรรดาคนเหล่านี้ ซินโย่วสีหน้าสงบนิ่งมองไปยังขบวนเรือที่อยู่ไกลออกไป
แต่ในใจนางกลับไม่สงบนิ่งดังสีหน้า
ยินดีที่ในที่สุดการเพาะปลูกมันหวานก็ได้เวลาเก็บเกี่ยว แต่ก็รู้สึกอาลัยกับช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกับเฮ่อชิงเซียวเช้าค่ำที่จะสิ้นสุดลงแล้ว
จากนี้ไป นางและเขาก็จะกลับไปยังกรงที่เรียกว่าเมืองหลวงนั่น ความอบอุ่นหวานล้ำที่ได้จูงมือกันเดินไปบนท้องนาก็เหลือเพียงแค่ความฝันแล้ว
ขบวนเรือค่อยๆ เข้ามาใกล้ เหลือระยะทางอีกระยะหนึ่ง นายอำเภอจางก็ลงคุกเข่าก่อน ก่อนจะถวายบังคมดัง
คนอื่นๆ เองก็คุกเข่า ไม่นานก็มีเสียงถวายบังคมดังกึกก้อง ทำให้บรรดานกบนผิวน้ำพากันตกใจกระพือปีกบินขึ้นสูง
ซินโย่วได้แต่คุกเข่าลง ให้ความชื้นของผืนน้ำกระทบหัวเข่า
ในที่สุดขบวนเรือเทียบท่า มีคนประคองฮ่องเต้ซิงหยวนตี้หน้าหลังลงมาถึงท่าเรือ
ท่าเรือนี้เป็นท่าเรือสร้างใหม่ มีกองทหารคุ้มกันแน่นหนาก่อนหน้านี้แล้ว พวกไม่เกี่ยวข้องไม่อาจเข้าใกล้ได้
พอฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เหยียบลงพื้น ทอดพระเนตรไปยังคนที่คุกเข่าอยู่ก็เห็นซินโย่วทันที ก็มิได้เกี่ยวกับสายตาดีหรือไม่ แต่ในบรรดาคนที่มาต้อนรับมีสตรีเพียงผู้เดียว ย่อมสะดุดตาอย่างมิต้องสงสัย
ค่อยๆ เหลือบสายพระเนตรไป ก็เห็นเฮ่อชิงเซียวดังคาด
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พระเนตรจ้องมองชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนตรัสเรียกขึ้น “อาโย่ว”
ขุนนางใหญ่และชนชั้นสูงศักดิ์ที่ติดตามมา รวมทั้งซิ่วอ๋อง อดมองไปยังสาวน้อยที่ก้าวออกมาจากแถวไม่ได้
“เพคะ”
“มาข้างกายเรา”
ซินโย่วเดินมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน
นายอำเภอจางด้านหลังนางลอบมองอย่างตกใจ ในใจคิดว่าคุณหนูซินถึงกับได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้มากยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้ รู้สึกโชคดีอีกครั้งกับการตัดสินใจในตอนนั้นของตนเอง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ประเมินมองสาวน้อยที่เดินมาตรงหน้า พระโอษฐ์แย้มสรวลเล็กน้อย “ผอมลง และก็คล้ำขึ้น ระยะนี้ลำบากเจ้าแล้ว”
“หม่อมฉันไม่ลำบากเพคะ ได้ปลูกมันหวานด้วยตนเอง ถือเป็นเกียรติของหม่อมฉัน”
มันหวาน?
ทุกคนได้ยินชื่อประหลาดนี้แล้วก็พากันลอบสบตากันไปมา มาถึงยามนี้จึงรู้ว่าของล้ำค่าที่ซินโย่วปลูกชื่อว่าอันใด
แต่ทว่ามันหวานนี่ฟังดูแล้วเป็นพืชเกษตร ไม่เหมือนว่าเป็นของล้ำค่า หรือว่าเป็นของล้ำค่าแบบโสมคนหรือเห็ดหลิงจือกัน
แต่แม้เป็นโสมคนหรือเห็ดหลิงจือ ก็ไม่ควรค่าให้ฮ่องเต้ถึงกับเสด็จลงใต้เอิกเกริกเช่นนี้กระมัง
พอได้ยินคำว่า ‘มันหวาน’ พระอารมณ์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ยิ่งตื่นเต้น ทอดพระเนตรกวาดมองพลางตรัสถามว่า “ผู้ใดคือนายอำเภอประจำอำเภอเวิน?”
นายอำเภอจางรีบคลานเข่าออกมา “กระหม่อมจางเหวยหมินนายอำเภอประจำอำเภอเวิน ถวายบังคมฝ่าบาท”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พยักพระพักตร์ ให้นายอำเภอจางนำคณะขุนนางอำเภอเวินนำทางไปยังที่พัก
……….