สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 411 แยกจากกันอีกครั้ง
ตอนที่ 411 แยกจากกันอีกครั้ง
……….
ครั้งนี้ไม่รอให้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถาม ขุนนางใหญ่หลายคนอดถามไม่ได้ “เสนาบดีอวี๋ ทั้งหมดเท่าไร”
มองดูมันหวานแต่ละกระบุง ก็รู้ว่าจำนวนไม่น้อย แต่ทว่าตัวเลขชัดเจนยังคงต้องถามคนคำนวณ
“ยี่สิบห้าต้าน!” เสนาบดีกรมคลังกลั้นจนหน้าแดงก่ำ ตะโกนตัวเลขน่าตกใจออกมา
เสียงสูดลมหายใจดังขึ้นทั่ว
ไม่ว่าดีใจที่มีมันหวานที่ให้ผลผลิตสูงปรากฏขึ้น หรือว่าในใจคิดระงับอาการมิให้แสดงออก ยามนี้ต่างอยู่ในอาการตกใจเหมือนกันทั้งหมด
ยี่สิบห้าต้าน ผลผลิตต่อหมู่ได้ถึงยี่สิบห้าต้าน!
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงผุดลุกขึ้นทันที “ยี่สิบห้าต้านจริงหรือ”
“ทูลฝ่าบาท จริงแท้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ยี่สิบห้าต้าน!” เสนาบดีกรมคลังเสียงสั่น ขอบตาแดงก่ำ
หากนำมันหวานนี้ไปปลูกทั่วต้าซย่า แม้ผลผลิตลดลงสักหน่อย แต่ชาวบ้านที่ตายเพราะหิวโหยก็จะต้องลดฮวบลงอย่างแน่นอน
คุณหนูซินมีความดีความชอบยิ่งใหญ่โดยแท้!
เสนาบดีกรมคลังตื่นเต้นจนไม่อาจควบคุมตนเอง พลันคำนับซินโย่วนอบน้อม “ซินไต้จ้าว มันหวานนี้จะต้องสร้างวาสนาสุขให้ราษฎรมากมายนับไม่ถ้วน โปรดรับการคารวะจากข้าด้วย!”
บรรดาขุนนางอึ้งมองเสนาบดีกรมคลัง พลันไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตะลึงไปครู่หนึ่งก็ทรงพระสรวลดัง “ต้าซย่ามีมันหวานได้ ซินไต้จ้าวมีความชอบอันดับหนึ่งจริงๆ!”
บรรดาขุนนางราวกับฝันไป เอ่ยวาจาสรรเสริญยกย่องกันไม่หยุด
ซิ่วอ๋องได้ยินทุกคนชื่นชมยกย่องซินโย่ว ก็อมยิ้มประสานมือให้นาง
ซินโย่วตอบกลับ แต่กลับไม่ได้รู้สึกหลงใหลไปกับเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญนี้
นางย่อมไม่คิดว่าทุกคนล้วนยินดีต้อนรับการปรากฏขึ้นของมันหวาน
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงดีพระทัยอย่างมาก จึงทรงประกาศจัดงานเลี้ยงในสวนที่พัก ฮ่องเต้กับขุนนางร่วมสังสรรค์
งานเลี้ยงค่ำ พระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มีแต่รอยแย้มสรวลเต็มเปี่ยม หลังร่ำสุราไปจนถึงช่วงท้าย ฮ่องเต้ที่ทรงอำนาจต่อหน้าผู้คนผู้นี้ก็เผยให้เห็นพระอาการเมากรึ่มอย่างหาได้ยากยิ่ง
“อาโย่ว”
“เพคะ”
“เราดีใจจริงๆ ต้าซย่ามีมันหวานแล้ว วันหน้าราษฎรมากมายก็จะไม่ต้องหิวโหย ล้วนเป็นเพราะเจ้า!”
หลังร่ำสุราไป ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ยิ่งตรัสวาจาจากพระทัยแท้จริง
บรรดาขุนนางแอบลอบสบตากัน ในใจคิดว่าวันหน้าซินโย่วในพระทัยฮ่องเต้ก็คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ล้วงเข้าไปในอกฉลองพระองค์หยิบเอาของสิ่งหนึ่งออกมา “เราพระราชทานคทาหรูอี้ให้เจ้า วันนั้นเจ้านำคทาหรูอี้ส่งคืนกลับมา เพื่อให้ละเว้นโทษตายของฉางเล่อโหว วันนี้เราพระราชทานให้เจ้าอีกครั้ง ให้คำสัญญากับเจ้าอีกหนึ่งประการ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรทุกคนโดยรอบทีหนึ่งก่อนตรัสต่อว่า “ส่วนความชอบที่สร้างผลงานของล้ำค่าอันดับหนึ่งให้กับต้าซย่าเรานี้ ไว้รอกลับถึงเมืองหลวงค่อยๆ พระราชทานความชอบให้ทุกคน!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ซินโย่วรับคทาหรูอี้
พวกเฮ่อชิงเซียวเองก็ลุกขึ้นขอบพระทัย
ตอนงานเลี้ยงเลิกก็ค่ำมากแล้ว ทุกคนบ้างก็ดื่มมากเกินไปจริงๆ บ้างก็แสร้งเมา เดินส่ายโงนเงนกันออกไป
ณ ลานเล็กแห่งหนึ่ง เสนาบดีกรมพิธีการถูกประคองเข้ามานั่งในห้อง แววตากลับคืนสู่ความกระจ่างใสดังเดิม
“หลังจากวันนี้ไป ซินโย่วคิดจะทำอันใดย่อมได้รับการสนับสนุนจากฮ่องเต้อย่างแน่นอน”
“นางยังทำไม่พออีกหรือ” สีหน้าคนผู้หนึ่งดำทะมึน “ผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ยังไม่พอใจ ยังนำมันหวานมาจากดินแดนโพ้นทะเลอีก!”
มีคนไม่เข้าใจ “มันหวานนี้เป็นของล้ำค่าจริง ให้ผลผลิตสูงและยังไม่เลือกพื้นที่เพาะปลูก”
“นี่จึงเป็นเรื่องเลวร้าย! ราษฎรอาศัยเพียงผืนนาชั้นเลวเล็กๆ ก็อิ่มท้องได้ พวกเราจะเอาที่ดินมาจากที่ใดได้อีก”
หลังคนผู้นั้นตกใจแล้วก็เข้าใจทันที
“กลัวก็แต่ว่านางไม่พึงพอใจเพียงแค่มันหวาน…”
ก็เป็นดังที่คนเหล่านี้กังวล วันรุ่งขึ้นฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ทรงเรียกทุกคนเข้าเฝ้า ซินโย่วกล่าวว่า “แม้มันหวานทำให้อิ่มท้อง แต่ก็ยังมีไม่พอ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้คาดไม่ถึงว่าซินโย่วจะกล่าวเช่นนี้ “อ้อ อันใดไม่พอหรือ”
ผู้อื่นมีแต่จะเรียกร้องความชอบ มีแต่อาโย่ว เหตุใดนางจึงใสซื่อเพียงนี้
“มันหวานกินมากจะท้องอืดง่าย และระยะเวลาเก็บรักษาสั้นกว่าธัญพืชเช่นข้าวเจ้าและข้าวสาลี”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินก็แย้มสรวลตรัสว่า “ท้องอืดไม่เป็นอันใด เติมเต็มให้อิ่มท้องได้ก็เพียงพอแล้ว”
ในความคิดเขา มันหวานรับรองชีวิตให้ชาวบ้านได้ อันดับแรกก็คือไม่หิวตายก่อน ค่อยเอ่ยถึง ความอยากอาหาร
“ระยะเวลาเก็บรักษาเป็นปัญหาจริง แต่ราษฎรเองก็คงไม่นำที่นาทั้งหมดไปปลูกมันหวาน กินมันหวานก่อนก็แล้วกัน…” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงรับรู้ไว ตรัสไปตรัสมาก็ชะงัก “หรืออาโย่วมีวิธีแก้ไข”
ซินโย่วชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของมันหวาน ก็เพื่อรอโอกาสนี้ “หม่อมฉันได้ยินท่านแม่เอ่ยถึงพืชชนิดหนึ่ง เป็นอาหารหลักได้เหมาะยิ่งกว่ามันหวาน”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พลันนึกสนพระทัยขึ้นมา “พืชใด”
“พืชนี้ชื่อว่ามันถู่โต้ว[1] มีความทนต่อสภาพภูมิอากาศได้ดีกว่ามันหวาน ระยะเวลาเติบโตก็สั้นกว่า ผลผลิตก็สูงยิ่งกว่า…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินว่าผลผลิตสูงยิ่งกว่าก็นั่งไม่ติดแล้ว รีบตรัสถามทันที “มันถู่โต้วเป็นพืชจากโพ้นทะเลอีกหรือ”
“เพคะ”
“เหตุใดไม่ให้จูลิ่วนำกลับมาพร้อมกัน”
ซินโย่วถอนหายใจ “ไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน คิดอยากได้มันถู่โต้ว ต้องไปทางตะวันออกอีกนิด ลงใต้ไปอีกหน่อย ต้องเดินเรือไกลกว่า…”
การให้คนได้เห็นมันหวานที่เก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์ด้วยตาตนเอง จอบที่ปักลงไปในดินเหล่านั้นได้สั่นคลอนคำสั่งปิดกั้นเส้นทางทางทะเล ทำให้เขารู้ว่าโพ้นทะเลไกลโพ้นยังมีของมีค่ามากมาย นำผลประโยชน์มาสู่ต้าซย่าได้อีกมาก ดังเช่นการปักจอบลงไปอีกมุมหนึ่งของพื้นที่
“ที่ไกลยิ่งกว่า…” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้งอพระดัชนีเคาะโต๊ะ เริ่มสนพระทัยแล้ว
หากดินแดนโพ้นทะเลมีของล้ำค่าที่ช่วยแก้ปัญหาปากท้องราษฎรได้เหมือนมันหวานนี้ แน่นอนว่าต้าซย่าก็ควรมีไว้ครอบครอง
เดิมเขาก็เป็นปฐมฮ่องเต้ นโยบายการปกครองบ้างก็หยิบยืมจากราชวงศ์ก่อน บ้างก็ฟังจากข้อเสนอของขุนนางใหญ่ หากมีที่ดีกว่า แน่นอนว่าย่อมไม่ยึดติดจนไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
นโยบายแผ่นดินที่เขากำหนดไว้เหล่านี้ก็เพื่อต้าซย่า มิใช่เพื่อถูกนโยบายหวนกลับมาผูกมัดเอาไว้
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไตร่ตรองอยู่นานก่อนจะตรัสขึ้นว่า “ต้องคิดเดินทางทะเลให้ไกลขึ้น ไม่เพียงแต่ต้องฝึกทหารเรือ ยังต้องสร้างเรือใหญ่ที่เหมาะกับการเดินทางไกล ล้วนไม่อาจมองข้ามเรื่องเหล่านี้กระมัง อาโย่ว เจ้าไปที่กว่างเฉิงสำรวจโรงต่อเรือให้เราสักหน่อย”
จากอำเภอเวินไปกว่างเฉิงไม่นับว่าไกลนัก แต่ทว่าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เป็นผู้ปกครองแผ่นดิน ก็ไม่อาจเดินทางไปได้ จำต้องกลับเมืองหลวงในเร็ววันนี้แล้ว คนที่คอยดูแลทางเมืองหลวงไม่สะดวกจัดการงานราชกิจบางอย่าง
“ผู้ร่วมเดินทาง…” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ชะงัก “ให้ซิ่วอ๋องร่วมเดินทางไปกับเจ้าก็แล้วกัน”
มุมปากซินโย่วกระตุกเล็กน้อย
นี่ทรงพนันว่านางต้องการขอให้เฮ่อชิงเซียวไปกับนาง
นางเหลือบตาเล็กน้อยขึ้นสบกับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ ในชั่วขณะที่สบตากันสั้นๆ ก็พลันเข้าใจความคิดอีกฝ่าย
เพราะกลัวว่านางถึงกว่างเฉิงก็จะหนีไปกับเฮ่อชิงเซียว ต้องทิ้งเฮ่อชิงเซียวไว้ข้างกายเขาเพื่อบังคับนาง
นางกำลังเป็นดังว่าวที่ถูกปล่อยให้ขึ้นสูง เฮ่อชิงเซียวดังสายที่ถูกถือเอาไว้ในมือดังที่นางเคยคาดไว้ หากรู้ความคิดนาง เฮ่อชิงเซียวก็จะกลายเป็นเครื่องมือบังคับนาง
ซินโย่วหัวเราะขำในใจ
ผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ เปิดเส้นทางทางทะเล เป็นความประสงค์ของท่านแม่ และเป็นเส้นทางที่นางเลือก หากยังไม่สำเร็จ ไม่มีสายจูงนางไว้ นางก็จะไม่ไปไหน
ไม่นานก็กำหนดบุคคลที่จะไปกว่างเฉิง นอกจากซินโย่วกับซิ่วอ๋อง ยังมีขุนนางซื่อหลางจากกรมโยธาหนึ่งท่าน และองครักษ์ทำหน้าที่คุ้มกันอีกจำนวนหนึ่ง
ได้ยินว่าซินโย่วจะเดินทางไปกว่างเฉิงกับซิ่วอ๋อง มีคนยินดีที่ฮ่องเต้เริ่มฝึกซิ่วอ๋อง มีคนกังวลเป้าหมายที่ซินโย่วเดินทางไปกว่างเฉิง
ก่อนออกเดินทางหนึ่งวัน ซินโย่วไปแปลงมันหวานกับเฮ่อชิงเซียว
แปลงปลูกที่เดิมมีสีเขียวขจีทอดตัวพ้นดินสีเหลืองเต็มพื้นที่ ยามนี้ว่างเปล่ารอคอยการเพาะปลูกรอบใหม่ ไม่มีแม้เงาชาวนาที่ยุ่งกับการเพาะปลูก
ทุกอย่างตรงหน้าทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคย
“เฮ่อชิงเซียว รอตอนพบกันอีกครั้ง อาจใกล้ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว”
[1] มันฝรั่ง