สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 412 เปลี่ยนแปลงกะทันหัน
ตอนที่ 412 เปลี่ยนแปลงกะทันหัน
……….
“เดินทางระวังความปลอดภัยด้วย” เฮ่อชิงเซียวมองไปยังท้องนาหลังเก็บเกี่ยวแล้ว ก็กำชับอย่างอ่อนโยน
เขานึกถึงเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้วตอนซินโย่วเอ่ยกับเขา นัดกับเขาว่าปีนี้จะฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงด้วยกันอีกครั้ง
“อาโย่ว”
“หืม?”
“รอไว้กลับถึงเมืองหลวง ข้าจะเรียนทำขนมไหว้พระจันทร์กับน้ากุ้ย พอถึงเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงพวกเราจะได้ชิมด้วยกัน”
“ตกลง” ซินโย่วแย้มยิ้ม “ข้าชอบไส้ซานจาที่สุด เจ้าอย่าลืม”
“ไม่มีทางลืม”
ทั้งสองยืนเคียงกันไม่เอ่ยอันใดอีก
วันรุ่งขึ้นฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็มาส่งด้วยพระองค์เอง หยุดไปครู่หนึ่งก็กำชับซิ่วอ๋อง “ดูแลอาโย่วให้ดี”
“เสด็จพ่อวางใจ กระหม่อมจะดูแลอาโย่วให้ดี”
“ไปเถอะ ทำงานเสร็จก็รีบกลับเมืองหลวง” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้โบกพระหัตถ์
ขบวนเดินทางไปกว่างเฉิงขึ้นเรือแล้วก็เดินทางลงใต้
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ประทับอยู่ริมฝั่งมองไปยังเรือใหญ่ที่ค่อยๆ หายลับไประหว่างสบท้องฟ้ากับผืนน้ำ ปล่อยให้สายลมพัดชายฉลองพระองค์
“ฝ่าบาท ยามเช้าลมชายทะเลแรง รีบเสด็จกลับเถอะพ่ะย่ะค่ะ” ซุนเหยียนทูลเตือน
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ถอนสายพระเนตรกลับ กวาดสายพระเนตรไปยังเฮ่อชิงเซียวที่ยืนนิ่งเงียบอยู่ทีหนึ่ง มองไปเห็นสีหน้าอาลัยอาวรณ์จากใบหน้าของอีกฝ่าย
เป็นคนที่มองไม่กระจ่าง เช่นนั้นเขาก็จะต้องมองให้ดี
“ฉางเล่อโหว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เส้นทางขากลับเมืองหลวง เจ้ามานั่งกับเรา เล่าเรื่องที่ผ่านมาในอำเภอเวินให้เราฟัง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ขบวนซินโย่วลงจากเรือเปลี่ยนม้า สิบกว่าวันก็ถึงกว่างเฉิง
เทียบกับอำเภอเวินที่มีแต่ป่าเขา กว่างเฉิงรุ่งเรืองกว่ามาก
ที่นี่คือชายทะเล คนบนท้องถนนขวักไขว่ มีชาวต่างชาติจมูกโด่งนัยน์ตาลึกเดินผ่านไปมาเป็นระยะ
ความรุ่งเรืองในกว่างเฉิงก่อให้เกิดความรู้สึกสบายไร้สิ่งผูกมัดดังฟ้าสูงแผ่นดินกว้างใหญ่ ความรู้สึกแตกต่างจากเมืองหลวงอย่างสิ้นเชิง
แม้ซินโย่วเดินทางมามากมายหลายแห่ง แต่เป็นครั้งแรกที่มากว่างเฉิง พอได้เห็นก็รู้สึกตื่นเต้น
หัวหน้าหกดีใจที่ได้กลับมาเยือนอีกครา เล่าประเพณีการกินความเป็นอยู่กว่างเฉิงให้ซินโย่วฟังอย่างตื่นเต้น
จือฝู่ประจำเมืองกว่างเฉิงแซ่เหยียน เชิญพวกซินโย่วเข้าไปยังที่ทำการอย่างนอบน้อม
ขุนนางในที่ทำการต่างพากันมาคารวะ ได้ยินซินโย่วกล่าวว่ามาตรวจดูโรงต่อเรือ เห็นชัดว่าคนไม่น้อยพากันถอนหายใจโล่งอก
สำหรับขุนนางท้องถิ่นแล้ว ผู้ที่ไม่อยากพบมากที่สุดก็คือขุนนางใหญ่ผู้แทนพระองค์พลันปรากฏตัว ผู้ใดจะรู้ว่าจะตรวจพบเรื่องใดที่ทำให้ตนประสบเคราะห์
ตรวจดูโรงต่อเรือก็ดี เพราะปีที่แล้วมีคณะขุนนางเดินทางออกทะเล จึงได้ซ่อมแซมในส่วนที่ควรซ่อมแซม เปลี่ยนจุดที่ควรเปลี่ยน ตอนนี้นำออกมาให้ชมได้ ไม่ต้องกลัวคณะผู้แทนพระองค์ตรวจสอบเหล่านี้
เหยียนจือฝู่จัดงานเลี้ยงต้อนรับ พักผ่อนได้หนึ่งวันแล้วก็นำคณะซินโย่วไปยังโรงต่อเรือด้วยตนเอง
กว่างเฉิงมีโรงต่อเรืองขนาดใหญ่หลายโรง หนึ่งในนั้นเป็นโรงต่อเรือของราชสำนัก พวกซินโย่วไปที่นี่ก่อนอันดับแรก
“ซิ่วอ๋อง คุณหนูซิน นี่ก็คือโรงต่อเรือหลวงของต้าซย่าเราโดยเฉพาะ…”
ภายใต้การนำชมของเหยียนจือฝู่ ซินโย่วได้เห็นคนงานกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น เรือสูงใหญ่หลายสิบลำ กองไม้ต่อเรือเท่าภูเขา ในใจก็นึกอุทาน มีเพียงได้เห็นด้วยตาจึงจะเข้าใจได้
ยามได้เห็นเรือลำสูงใหญ่ต่อด้วยแผ่นไม้ทีละแผ่นขึ้นมา การคำนวณดังแมลงวันในเมืองหลวงเหล่านั้นก็ไร้ค่าไปหมดสิ้น
ติดกับโรงต่อเรือก็คือโรงซ่อม ยังมีโรงทำผ้าใบ โรงเหล็ก โรงทำเชือก พื้นที่ปลูกมะเยาทำน้ำมันทาไม้
ใช้เวลาสองสามวันก็ดูที่เหล่านี้จนครบ ก่อนจะไปโรงต่อเรืออื่น
ในโรงต่อเรือที่ต่อเรือให้ทางการและต่อเรือให้ชาวบ้านแห่งหนึ่ง หัวหน้าหกแอบชี้ไป “คุณหนู ท่านดู นั่นก็คือเรือของพวกเรา”
ซินโย่วเงยหน้าขึ้นมองเรือที่เป็นของนาง
เป็นเรือขนาดใหญ่ลำหนึ่ง กว้างขวางและสูงใหญ่ บรรทุกได้มากจนน่าตกใจ ในต้าซย่านับว่าเป็นวิทยาการต่อเรือที่ใหม่ที่สุดก็ว่าได้ มีกำลังทานแรงลมและคลื่นทะเลเพียงพอนำเจ้านายของมันออกสู่ทะเล
ซินโย่วนิ่งเงียบไปนาน พยายามระงับอารมณ์ตื่นเต้น
ระหว่างกลับที่ทำการ หัวหน้าหกก็เอ่ยอย่างตื่นเต้นขึ้นมา “คุณหนู เมื่อใดจะได้ออกทะเลอีกครั้ง”
“ดินแดนโพ้นทะเลดีเพียงนั้นหรือ” เสี่ยวเหลียนถาม
หัวหน้าหกถูกถามจนพูดไม่ออก คิดจริงจังแล้วก็ตอบว่า “แม้ดินแดนโพ้นทะเลมีหลายแผ่นดิน แต่ยังไม่เคยเห็นที่รุ่งเรืองกว่าต้าซย่าเรา”
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าเอาแต่คิดออกทะเล”
หัวหน้าหกเกาศีรษะ “สนุกกระมัง ได้เห็นคนต่างชาติผมแดงกับผมเหลือง และได้เห็นของกินประหลาดมากมาย ได้เห็นประเพณีที่คาดไม่ถึง ยังได้นำของล้ำค่าจากดินแดนโพ้นทะเลกลับมาต้าซย่าเราอีกด้วย…”
ได้ยินหัวหน้าหกเอ่ยไม่หยุด เสี่ยวเหลียนก็หาจังหวะแทรกไม่ได้ แต่ก็ถามถึงเรื่องออกทะเลขึ้นมา
“ฝ่าบาทส่งพวกข้ามาตรวจกว่างเฉิง กำหนดการออกทะเลครั้งหน้าอาจจะอีกไม่นานแล้ว”
ซินโย่วคาดเดาเช่นนี้ ตอนเพิ่งมาถึงที่ทำการก็เห็นคนรีบก้าวออกมา เห็นนางก็เอ่ยอย่างรีบร้อนว่า “คุณหนูซิน ซิ่วอ๋องเชิญท่านรีบไปพบเขาด่วน”
ในใจซินโย่วกระตุกวาบ รีบเร่งไปหาซิ่วอ๋องยังที่พักชั่วคราว
ซิ่วอ๋องเดินไปมาท่าทางร้อนใจ พอเห็นซินโย่วเข้ามาก็ให้คนอื่นๆ ออกไป คว้าข้อมือนางมาเอ่ยว่า “อาโย่ว เกิดเรื่องแล้ว!”
ซิ่วอ๋องให้ภาพลักษณ์อ่อนโยนสุขุมต่อผู้อื่นเสมอ แต่ยามนี้เป็นครั้งแรกที่ซินโย่วเห็นเขาสูญเสียการควบคุมกิริยาตนเอง
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นเพคะ” ซินโย่วถามอย่างสงบนิ่ง
มือที่กุมข้อมือนางไว้บีบแน่นขึ้นไม่รู้ตัว ซิ่วอ๋องน้ำเสียงสั่นเทา เบาจนแทบไม่ได้ยิน “เมื่อครู่ได้ข่าวมาว่า ระหว่างกลับ เรือเสด็จพ่อเกิดเพลิงไหม้ เสด็จพ่อตกลงไปในแม่น้ำ…”
ซินโย่วสีหน้าแปรเปลี่ยน พยายามระงับอาการตกใจดังคลื่นโหมกระหน่ำในใจ “หาพบแล้วหรือยัง คนอื่นๆ เล่า”
นางยอมรับว่านางเห็นแก่ตัว ได้ยินว่าคนผู้นั้นเกิดเรื่อง ความคิดแรกก็คือเฮ่อชิงเซียว
“รายงานด่วนมีเพียงเท่านี้ อาโย่ว พวกเรารีบกลับกันเถอะ!”
“ได้…” ซินโย่วสูดลมหายใจเข้าก่อนจะพยายามบังคับน้ำเสียงให้สงบนิ่ง “คนอื่นๆ อยู่ต่อ พวกเรานำองครักษ์จำนวนหนึ่งออกเดินทางได้เลย”
ทั้งสองจะไปจากกว่างเฉิง แต่มิได้บอกความจริงกระจ่างต่อพวกเหยียนจือฝู่ ซินโย่วรีบมอบหมายให้หัวหน้าหกดูแลเสี่ยวเหลียน ทำงานเรื่องต่อไป ก่อนจะออกเดินทางด้วยม้าด่วนไปยังสถานที่เกิดเหตุกับซิ่วอ๋อง
กำลังอยู่ในฤดูที่อากาศไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป เหมาะแก่การเดินทาง แต่ทว่าอากาศดีเพียงใด ก็ไม่อาจทนรับการเดินทางตรากตรำเช้าค่ำโดยไม่พักได้
ซิ่วอ๋องมีตุ่มน้ำพองบริเวณต้นขาด้านในซึ่งเกิดจากการเสียดสี ต้องพักผ่อนชั่วคราว มองไปยังสาวน้อยที่กำลังดื่มน้ำด้วยสีหน้าเรียบเฉยตรงหน้า
“อาโย่ว เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
ซินโย่วดื่มไปสองสามคำก็หยุด พยักหน้าเล็กน้อย “ไม่เป็นไรเพคะ”
ซิ่วอ๋องริมฝีปากแตก น้ำเสียงแหบพร่า “พักผ่อนให้มากอีกหน่อยเถอะ อย่าได้ตรากตรำล้มป่วยไป”
ซินโย่วมองซิ่วอ๋องก่อนพยักหน้า “อืม”
ซิ่วอ๋องส่งขวดเล็กใบหนึ่งให้
ซินโย่วมองด้วยสายตาไม่เข้าใจ
“บ๊วยเปรี้ยว เร่งเดินทางดื่มน้ำมากไม่ได้ อมไว้สักเม็ดก็จะรู้สึกสบายขึ้น”
ซินโย่วเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะรับมา “ขอบพระทัยเพคะ”
พอบ๊วยเข้าปาก รสเปรี้ยวอมหวาน ก็เหมือนดังความรู้สึกตอนซินโย่วได้อยู่ร่วมกับเฮ่อชิงเซียว แต่ตอนนี้อารมณ์นางมีเพียงแค่ความเคร่งเครียดหนักอึ้ง
ด้วยความเข้าใจของนางที่มีต่อเฮ่อชิงเซียว หากคนผู้นั้นเกิดเรื่อง เขาจะต้องทุ่มเทช่วยเหลือด้วยชีวิตตนเอง ตอนนี้เขาปลอดภัยอยู่ไหม
แม้นางไม่ยินดีใกล้ชิดคนผู้นั้น แต่ก็กระจ่างใจดีว่ามีคนผู้นั้นอยู่ นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่จึงจะมีแรงผลักดัน จึงจะมีความเป็นไปได้ที่จะปลดคำสั่งปิดกั้นเส้นทางทางทะเล
หากตำแหน่งนั้นเปลี่ยนคน…นางมองไปที่ซิ่วอ๋องทีหนึ่ง ก่อนจะหลุบตาลงเงียบงัน
“อาโย่ว”
ซินโย่วเหลือบตาขึ้น
“เจ้าอย่าได้กังวลเกินไป เสด็จพ่อเป็นโอรสสวรรค์ ผู้เปี่ยมวาสนาย่อมได้รับความคุ้มครองจากฟ้า”
ซินโย่วพยักหน้าเล็กน้อย