สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 416 ตอบแทนคุณ
ตอนที่ 416 ตอบแทนคุณ
……….
สาวน้อยในชุดนางกำนัล ตอนแบกนางกำนัลค้อมตัวก้มศีรษะคล้ายว่าไม่มีตัวตน แต่ยามนี้กลับเป็นการดำรงอยู่ที่น่าตกใจ
คมกริบดังกระบี่แหลม ยืนอยู่ท่ามกลางหมู่สตรีอ่อนหวานเรียบร้อย โดดเด่นไม่เข้าพวกอย่างมาก
มาถึงตอนนี้ องค์หญิงเสวียนยังคิดว่าฝันไป
“คุณ…คุณหนูซิน” เลือกคำเรียกขานที่เหมาะสมที่สุดแล้ว องค์หญิงเสวียนก็ถามขึ้นเบาๆ “เกิดเรื่องอันใด เหตุใดเจ้า…”
จึงถูกเสด็จพ่อพระราชทานโทษตายได้?
องค์หญิงเสวียนไม่ได้เอ่ยออกมา นางไม่เข้าใจเหตุผลที่ไปที่มา นางคิดว่าการที่เสด็จพ่อพระราชทานโทษตายคุณหนูซินเป็นเรื่องเหลวไหลเกินไปแล้ว
แม้สีหน้าซินโย่วสงบนิ่ง แต่ในใจยังคงตื่นตระหนก
การเลือกหนีมาวังหลังก็เพื่อยืดเวลาให้นานขึ้น นางคาดไม่ถึงว่าจะได้รับปกป้องจากองค์หญิงเสวียน
นี่คือเด็กสาวที่อายุเท่ากับนาง ในสายตาผู้อื่นเป็นองค์หญิงพระองค์โตอ่อนแอไร้แรงกำลัง พอตั้งสติได้ว่านางถูกไล่ล่าจับกุมตัว ก็ชี้ไปยังต้นไม้โบราณข้างภูเขาต้นหนึ่งอย่างไม่ลังเล แสดงท่าทางให้นางไปหลบซ่อนตัว จากนั้นก็กรีดขานางกำนัลจนบาดเจ็บ แล้วผลักนางกำนัลเข้าไปในถ้ำ
หลังจากประเมินดูครู่หนึ่ง ซินโย่วก็เลือกที่จะเชื่อใจสาวน้อยตรงหน้า
“หม่อมฉันพูดกับองค์หญิงได้เพียงแค่คนเดียว”
องค์หญิงเสวียนสั่งนางกำนัลให้ออกไป พริบตาในห้องก็เหลือเพียงสองคน
ซินโย่วหรี่เสียงเบาลง “หม่อมฉันสงสัยว่าฝ่าบาทถูกควบคุม ถึงกับ…”
“ถึงกับอันใด”
“ถึงกับมิใช่คนเดิม”
องค์หญิงเสวียนอุดปากระงับเสียงร้องตกใจ ใบหน้าซีดไร้สีเลือด “คะ คุณหนูซิน กำลังพูดเรื่องล้อเล่นหรือ”
ซินโย่วแค่นเยาะ “องค์หญิงคิดว่าหม่อมฉันเป็นคนชอบล้อเล่นหรือเพคะ”
“แต่…จะเป็นไปได้อย่างไร…” องค์หญิงเสวียนพึมพำ ลังเลไม่กล้าเชื่อ
“เรือพระที่นั่งฝ่าบาทเกิดเพลิงไหม้ ฝ่าบาทตกน้ำไปหลายวันก่อนจะถูกหาพบ พอหม่อมฉันกับซิ่วอ๋องกลับจากกว่างเฉิง ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว จากนั้นก็กลับมาเมืองหลวงได้พบฝ่าบาทเพียงครั้งเดียว…” ซินโย่วน้ำเสียงสงบนิ่ง คล้ายว่ากำลังกล่าวให้องค์หญิงเสวียนฟังไปพร้อมกับจัดระเบียบความคิดตนเอง
“หากเป็นดังคุณหนูซินกล่าว เสด็จย่ากับเสด็จอาก็ได้พบเสด็จพ่อแล้ว หรือว่าจำไม่ได้”
“อาจจำไม่ได้จริงๆ” ซินโย่วน้ำเสียงมั่นใจอยู่ไม่น้อย “ตอนนี้ต่างรู้ว่าพระพลานามัยฝ่าบาทอ่อนแอ คนที่ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาทมีไม่มาก บรรดาขุนนางใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท ตามธรรมเนียมไม่อาจจ้องมองฝ่าบาทได้ ไทเฮากับองค์หญิงใหญ่ได้พบฝ่าบาทก็เพียงแค่แวบเดียว ไม่ได้เข้าใกล้…”
“เช่นนั้นหากเสด็จพ่อ…เป็นตัวปลอม แล้วเสด็จพ่อพระองค์จริงอยู่ที่ใด”
ซินโย่วส่ายหน้า
ยามนี้นางคิดว่าไม่ค่อยได้การแล้ว
ตอนนี้คนในตำหนักเฉียนชิงกงอาจจะเป็นตัวปลอม เพียงแต่การคาดเดาของนาง หากเดาไม่ผิด คนผู้นั้นที่หายตัวไปไม่รู้ชะตากรรมยังมีชีวิตอยู่ก็ดี แต่หากไม่อยู่แล้ว ตัวปลอมก็จะกลายเป็นตัวจริงไป
สถานะมารดาของไทเฮาและน้องสาวขององค์หญิงเจาหยางสูงส่งได้เพราะคนผู้นั้น หากคนผู้นั้นไม่คิดแยแส ก็ย่อมกลายเป็นเพียงแค่ดวงจันทร์กลางน้ำไร้ตัวตน
“คุณหนูซิน นี่ล้วนเป็นการคาดเดาของเจ้าหรือ” องค์หญิงเสวียนทำใจสงบลงได้แล้วก็ถามขึ้น
ซินโย่วเงียบงันไปนานก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “ใช่ เพียงแต่วันนี้หม่อมฉันได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท ก็เริ่มคาดเดาเช่นนี้”
กับองค์หญิงเสวียนที่ให้การปกป้องนางอย่างไม่ลังเล นางไม่คิดหลอกอีกฝ่าย
องค์หญิงเสวียนก้มหน้าลงเล็กน้อย เป็นนานก่อนจะได้ยินเสียงคลื่อนไหวนอกประตู
“องค์หญิงเพคะ หลิงเอ๋อร์กับหวนเอ๋อร์กลับมาแล้วเพคะ”
องค์หญิงเสวียนที่กำลังเคร่งเครียดก็ผ่อนคลายลง มองไปทางซินโย่ว “จากนี้ไปจะทำอย่างไรดี”
“ออกไปจากวังก่อนค่อยคุยกันเพคะ”
ไม่ว่าตำหนักเฉียนชิงกงคนผู้นั้นตัวจริงหรือตัวปลอม นางถูกกักไว้ในวังก็มีแต่รอความตาย จำต้องหนีออกจากวัง จึงจะมีโอกาสมากขึ้น
มาถึงยามนี้ ซินโย่วเริ่มคิดว่าการคาดเอาของคนเองถูกต้อง
คนผู้นั้นรีบร้อนลงมือสังหารนาง แม้แต่การเสแสร้งก็ไม่คิดทำ
“ออกไปจากวัง..” องค์หญิงเสวียนครุ่นคิด “สองวันนี้ย่อมไม่ได้ เจ้าไปหลบในห้องข้าก่อน รอให้ข้าดูสถานการณ์ก่อน”
“ขอบพระทัยองค์หญิง”
องค์หญิงเสวียนลังเลเล็กน้อย กลืนคำพูดว่าซินโย่วไม่ต้องเรียกนางว่า ‘องค์หญิง’ กลับคืน
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาดึงดันเรื่องนี้
จัดการที่พักให้ซินโย่วเรียบร้อย องค์หญิงเสวียนก็ไปเข้าเฝ้าพระสนมลี่ผิน
สองสามเดือนมานี้ พระสนมลี่ผินอารมณ์ดีทุกวัน เตรียมงานแต่งให้บุตรสาว
“เสวียนเอ๋อร์มาแล้ว” พระสนมลี่ผินเห็นองค์หญิงเสวียนมาก็ยิ้มแย้มดีใจ
“เสด็จแม่ เสวียนเอ๋อร์มีเรื่องคุยกับเสด็จแม่เพคะ”
พระสนมลี่ผินโบกมือให้นางกำนัลออกไป
“เสวียนเอ๋อร์มีเรื่องอันใดหรือ” เห็นบุตรสาวนั่งติดนาง พระสนมลี่ผินก็รู้สึกอบอุ่นเต็มหัวใจ
“หลี่เหวยหลี่กงกงข้างพระวรกายเสด็จพ่อ นำคนมากมายกำลังออกค้นหาตัวคุณหนูซินที่อุทยานด้านหลังเพคะ”
พระสนมลี่ผินตกใจ “คุณหนูซิน? เกิดอันใดขึ้น”
แต่ไรมาเจ้านายตำหนักฟางหนิงกงเก็บตัวสงบเสงี่ยมไม่คิดแย่งชิง ชินกับการปิดประตูเงียบๆ กอปรกับเรื่องเกิดกะทันหัน พระสนมลี่ผินยังไม่ได้ยินข่าว
“บอกว่าคุณหนูซินไม่เคารพเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการพระราชทานโทษตายนาง คุณหนูซินหนีไปที่อุทยานด้านหลัง…”
พระสนมลี่ผินได้ยินก็หรี่ม่านตาสูดลมหายใจแล้วก็เอ่ยว่า “ฮ่องเต้? เป็นไปได้อย่างไร!”
“เสด็จแม่…” องค์หญิงเสวียนเรียกพระสนมลี่ผินเบาๆ กล่าวเบาๆ จนแทบไม่ได้ยิน “หม่อมฉันพาคุณหนูซินไปซ่อน”
“อะไรนะ” พระสนมลี่ผินผุดลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าตกใจ
องค์หญิงเสวียนหลุบตาลงอย่างรู้สึกผิด “คุณหนูซินอยู่ในห้องของเสวียนเอ๋อร์เพคะ”
พระสนมลี่ผินหน้ามืดยืนโงนเงน
องค์หญิงเสวียนรีบเข้าไปประคองนางไว้ “เสด็จแม่ ไม่เป็นไรใช่ไหมเพคะ”
“ข้าไม่เป็นไร…ไม่ เป็น!” พระสนมลี่ผินหนาวยะเยือกไปทั้งตัว ราวกับตกลงสู่ธารน้ำแข็ง “เสวียนเอ๋อร์ เจ้า เจ้า…”
องค์หญิงเสวียนคุกเข่าลงเอ่ยว่า “หม่อมฉันไม่ดี หาเรื่องเดือดร้อนให้เสด็จแม่แล้วเพคะ”
พระสนมลี่ผินนั่งอึ้งอยู่บนเก้าอี้นอนผ่อนอารมณ์หวาดกลัวลงช้า ๆ ผ่านไปครู่หนึ่งก็ตั้งสติได้ ดึงตัวองค์หญิงเสวียนขึ้นมา
มือพระสนมลี่ผินเย็นเยียบและเปียกชื้น องค์หญิงเสวียนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ “เสด็จแม่ ขอทรงโปรดอภัยด้วยเพคะ”
พระสนมลี่ผินน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย “เสวียนเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงได้ใจกล้าเช่นนี้”
“เสวียนเอ๋อร์ไม่ใช่ใจกล้า แต่ตอนนั้นได้เห็นคุณหนูซินถูกไล่จับกุม ก็ไม่อาจสนใจอันใดอีก…”
พอตั้งสติคืนมา นางก็ได้ตัดสินใจทำเช่นนี้ไปแล้ว
มาถึงตอนนี้นางไม่รู้สึกนึกเสียใจภายหลัง มีเพียงความหวาดกลัว
หวาดกลัวว่าจะตาย หวาดกลัวว่าจะทำให้เสด็จแม่ตนเองเดือดร้อนไปด้วย
“ฮ่องเต้จะต้องการพระราชทานโทษตายให้คุณหนูซินได้อย่างไร” พระสนมลี่ผินยากจะเข้าใจ
ความโปรดปรานของฮ่องเต้ต่อฮองเฮาซิน นางอยู่วังหลังมาหลายปีย่อมรู้ได้นานแล้ว หลังตามหาตัวคุณหนูซินกลับมาได้ก็โปรดปรานเพียงนาง จะกลับหน้ามือเป็นหลังมือกะทันหันเช่นนี้ได้อย่างไร
และยังมิใช่โทษอื่น แต่เป็นโทษตาย เรื่องนี้ทำให้พระสนมลี่ผินรู้สึกหนาวยะเยือก
กับคุณหนูซินที่เป็นดังแก้วตาดวงใจยังทำเช่นนี้ แล้วกับผู้อื่นเล่า
องค์หญิงเสวียนส่ายหน้าไม่ได้เอ่ยการคาดเดาของซินโย่วออกมา
“คุณหนูซินได้บอกไหมว่าจากไปนี้จะทำอย่างไร”
“คุณหนูซินคิดหาโอกาสออกจากวัง”
พระสนมลี่ผินกำมือแน่น จิกเล็บลงในฝ่ามือ ความเจ็บปวดไม่เท่ากับความหวาดกลัว ทำให้นางยิ่งมีสติมากขึ้น
“เสวียนเอ๋อร์ คุณหนูซินซ่อนตัวอยู่ที่ห้องเจ้าไม่ได้”
องค์หญิงเสวียนสีหน้าแปรเปลี่ยน “เสด็จแม่ ท่านคิดมอบตัวคุณหนูซินหรือ”
พระสนมลี่ผินนิ่งอึ้ง อยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก อยากจะร้องไห้ก็ร้องไห้ไม่ออก “เจ้าลูกคนนี้ เห็นแม่เป็นคนเช่นไร ตอนนั้นหากเจ้าวางตัวอยู่วงนอกก็แล้วไป แต่ในเมื่อเลือกช่วยคนแล้ว เช่นนี้ก็ย่อมต้องช่วยแท้จริง”
หลี่เหวยนั่นมิได้มีคุณธรรมเหมือนซุนเหยียน แม้ตอนนี้มอบตัวซินโย่วไปก็ล่วงเกินเขา ทันทีที่เขาทูลต่อฮ่องเต้ ผลก็ยากคาดเดา
นับประสาอันใดกับพวกนางสองแม่ลูกเคยติดหนี้บุญคุณจากคุณหนูซิน ได้เวลาตอบแทนแล้ว
……….