สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 417 ขอร้องแทน
ตอนที่ 417 ขอร้องแทน
……….
แตกต่างจากที่ตำหนักฟางหนิงกง พระสนมเสวียนเฟยดูแลวังหลังการข่าวฉับไวกว่ามาก ไม่นานก็รู้ข่าวซินโย่วถูกไล่ล่าตัว
ปฏิกิริยาแรกตอนได้ยินของพระสนมเสวียนเฟยก็คือไม่เข้าใจ
กล่าวกันว่าฮ่องเต้แล้งน้ำพระทัย ทว่าแม้แต่องค์ชายรองชิ่งอ๋องที่ทำความผิดใหญ่โทษมหันต์ก็แค่ปลดเป็นสามัญชน แต่กับบุตรสาวเช่นคุณหนูซินถึงกับคิดสังหารทิ้ง
หรือว่าฮ่องเต้เสด็จลงใต้ไปก็ทำสมองตกลงแม่น้ำทางใต้ไปด้วย
“เป็นหลี่เหวยนำคนมาจริงหรือ”
ได้รับคำตอบแน่ชัดแล้ว พระสนมเสวียนเฟยก็ลูบเล็บที่ไว้ยาวไปมา
เล็บของนางไม่ได้ทาสีสวมปลอกงดงาม แต่ตัดแต่งเป็นทรงกลมเรียบร้อยสะอาดสอ้าน
หลังเงียบงันไปครู่หนึ่ง พระสนมเสวียนเฟยจึงค่อยเอ่ยว่า “เจ้าแอบลอบไปติดต่อคนด้านนอก บอกว่าฮ่องเต้พระราชทานโทษตายให้คุณหนูซิน ระวังตัวให้มาก อย่าให้คนรู้ว่ามาจากตำหนักกันเฉวียนกง…”
ขันทีรับคำ อดมองไปยังพระสนมเสวียนเฟยทีหนึ่งไม่ได้
พระสนมต้องการหาทางรอดให้คุณหนูซินหรือ
“รีบไปเร็ว”
ขันทีรับคำสั่งออกไป พระสนมเสวียนเฟยก็ยกน้ำชาขึ้นจิบ ถอนหายใจเบาๆ
เริ่มนึกเสียใจภายหลังแล้ว ตอนนี้ฮ่องเต้กำลังคลุ้มคลั่งเช่นนี้ เกิดตำหนักกันเฉวียนกงพลอยโดนฉุดร่วงลงไปด้วยกัน ทำร้ายบุตรชายตนเองเข้าจะทำอย่างไร
แต่การนิ่งดูดายก็อาจจะนึกเสียใจภายหลังกระมัง
พระสนมเสวียนเฟยกำแก้วชาแน่น ในใจแอบนึกถึงซินโย่ว ตำหนักกันเฉวียนกงทำได้เพียงแค่นี้เท่านั้น จะรอดหรือไม่ก็ขึ้นกับโชคชะตาของเจ้าแล้ว
วังหลังเป็นดังทะเลสาบที่มองไม่เห็นพื้นด้านล่าง ภายนอกสงบเงียบไร้คลื่นลม แต่ภายใต้กลับแอบมีคลื่นโหม สายตาทุกคู่กำลังจับจ้องเรื่องนี้
หลี่เหวยค้นหาอุทยานด้านหลังอยู่นานก็ไม่พบตัว ยามนี้ได้พบกับผู้บัญชาการเฝิงเหนียนประจำกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน
“หาไม่พบ?”
หลี่เหวยพยักหน้าเต็มแรง “อุทยานบุปผาด้านหลัง หาทั่วแล้ว ไม่พบ”
“นางต้องอยู่ในวังหลังอย่างแน่นอน ในเมื่ออุทยานด้านหลังไม่มี ก็ซ่อนตัวอยู่ตำหนักพระสนมใดสักแห่ง”
หลี่เหวยเผยสีหน้าสงสัย “ความหมายของใต้เท้าเฝิงก็คือ…ไปตรวจค้นตำหนักพระสนม?”
เฝิงเหนียนกระตุกมุมปาก “หลี่กงกงกล่าวผิดแล้ว เหตุใดเป็นความหมายของข้า ผู้ที่พระราชทานโทษตายให้ซินโย่วก็คือฝ่าบาท นี่คือพระประสงค์ฝ่าบาท”
“แต่…การตรวจค้นตำหนักพระสนมมิใช่เรื่องเล็ก…”
“หากยังเสียเวลาต่อไป ข่าวก็จะแพร่ออกไปนอกวัง ไม่แน่อาจเกิดเหตุขัดขวางอันใดขึ้น หลี่กงกง พวกเราตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือลงมือเร่งด่วน บรรลุพระประสงค์ของฮ่องเต้”
ซินโย่วตายไป นอกวังจะมีปฏิกิริยาก็ไร้ประโยชน์ อย่างไรคนตายไปแล้วไม่อาจฟื้นคืน
“นี่ก็มิใช่เพราะความเจ้าเล่ห์ของซินโย่วหรือ นางไม่หนีไปด้านหน้า แต่มุดหัวหนีเข้าวังหลัง ภารกิจนี้ได้แต่มอบให้หลี่กงกงแล้ว หลี่กงกง ฝ่าบาทยังทรงรออยู่นะ ท่านอย่าได้ทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวัง”
หลี่เหวยกัดฟัน “ได้ ข้าจะนำคนไปมากหน่อย ไปตรวจค้นแต่ละตำหนักด้วยตนเอง!”
ในยามนี้ ข่าวซินโย่วถูกลงโทษตายไม่รู้เริ่มแพร่จากผู้ใด แพร่ไปดังกระแสลมไปถึงที่ทำการต่างๆ รอบวังหลวง
สำนักกั๋วจื่อเจี้ยนอยู่ข้างพระราชวัง เมิ่งจี้จิ่วได้ยินข่าวก็รีบเร่งมาถึง มีคนไม่น้อยมาออกันอยู่หน้าประตูตงหวาเหมินขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กันแล้ว
เมิ่งจี้จิ่วเห็นหัวหน้าเซี่ยก็รีบก้าวเข้าไปหา “พี่ไหวผิง ข่าวลือเป็นเรื่องจริงหรือ”
หัวหน้าเซี่ยสีหน้าเคร่งขรึม “น่าจะใช่ ได้ยินว่าหลี่เหวยนำบรรดาขันทีกำลังตรวจค้นในวังหลังอย่างเหิมเกริม…”
เมิ่งจี้จิ่วมองดูองครักษ์หน้าประตูวังทีหนึ่งเอ่ยเบาๆ ว่า “ฝ่าบาทไม่ให้เข้าเฝ้า?”
หัวหน้าเซี่ยส่ายหน้าเคร่งเครียด “บอกว่าพระพลานามัยไม่ค่อยดี”
“ตั้งแต่ฝ่าบาทกลับมาเมืองหลวง ก็ว่าพระพลานามัยไม่ดี ไม่ได้ออกว่าราชการท้องพระโรง แต่วันนี้ให้คุณหนูซินเข้าเฝ้า แล้วก็รับสั่งพระราชทานโทษตาย…” เมิ่งจี้จิ่วยิ่งพูดสีหน้าก็ยิ่งย่ำแย่ “นี่มันช่างเหลวไหลจริง”
เสนาบดีกรมคลังเอ่ยแทรกขึ้น “ฝ่าบาทอยู่ๆ มีราชโองการยกเลิกนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ ก็ทำให้หลายคนคิดไม่ตก คุณหนูซินจึงได้เข้าวังมาเข้าเฝ้า…ไม่ว่าอย่างไร วันนี้จะต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทให้ได้!”
ความคิดเสนาบดีกรมคลังก็คือความคิดของคนส่วนใหญ่ ณ ที่แห่งนี้
พวกเขาไม่ได้มาเพื่อซินโย่วอย่างเดียว แต่เพราะไม่ได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มาตลอด ในใจรู้สึกสงสัย ตอนนี้อาศัยเรื่องของซินโย่วมารวมตัวกันที่นี่
มีเสียงโต้เถียงดังขึ้น “เฝิงเหนียน เจ้าถือสิทธิ์อันใดไม่ให้พวกข้าเข้าเฝ้าฮ่องเต้?”
เฝิงเหนียนยืนอยู่นอกประตูวัง ยิ้มเอ่ยว่า “อันกั๋วกง พูดเช่นนี้รุนแรงเกินไปแล้ว ข้าเป็นผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ฟังคำสั่งฮ่องเต้เท่านั้น ฮ่องเต้พระพลานามัยไม่ค่อยดี ไม่อยากพบใต้เท้าทุกท่าน ข้าเพียงแต่รับคำสั่งปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น”
อันกั๋วกงเคยติดตามฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ออกรบร่วมเป็นร่วมตาย นิสัยมุทะลุโทสะรุนแรง ตวาดขึ้นทันที “ถุย! เจ้ารับคำสั่งฮ่องเต้ก็พอ ข้าสงสัยว่าเจ้าถือโอกาสที่พระพลานามัยฮ่องเต้ไม่ค่อยดีควบคุมฮ่องเต้ไว้! อย่างไรวันนี้ข้าต้องได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ ฮ่องเต้คิดสังหารผู้ใด ข้าไม่สน แต่ข้าต้องแน่ใจว่าฮ่องเต้ทรงปลอดภัยดี!”
เฝิงเหนียนถูกระเบิดอารมณ์ใส่เช่นนี้ก็ไม่อาจนิ่งเฉยไม่สนใจได้
อันกั๋วกงมิใช่ชนชั้นสูงไร้พิษสง เป็นถึงผู้บัญชาการฝ่ายซ้ายกองกำลังหนุน
เฝิงเหนียนจำต้องเอ่ยว่า “ทุกใต้เท้าท่านโปรดใจเย็นก่อน ข้าไปทูลฝ่าบาทก่อน”
ผ่านไปครู่หนึ่ง องครักษ์ประตูตงหวาเหมินก็แหวกทางออก เฝิงเหนียนเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ “ฝ่าบาทให้ใต้เท้าทุกท่านเข้าเฝ้าได้”
ทุกคนต่างสบตากันทีหนึ่ง ความตึงเครียดผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ทุกคนไปถึงตำหนักได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ภายใต้การเดินนำของเฝิงเหนียน
บนแท่นที่ประทับ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พิงพนักที่ประทับ พระพักตร์ตอบเล็กน้อย ท่าทางเหมือนคนป่วย
แม้ว่าไม่ถูกต้องตามธรรมเนียม อันกั๋วกงมองฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อย่างละเอียดทีหนึ่ง แน่ใจว่าเขาก็คือพี่น้องคนเดิมของเขา ก็ถามน้ำเสียงดังกังวานขึ้น “ฝ่าบาท ตอนนี้พระพลานามัยเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กำลังจะตรัสก็ไอโขลกๆ รุนแรงขึ้นก่อน ขุนนางบุ๋นบู๊ในตำหนักพากันสีหน้าแปรเปลี่ยน ในแววตามีแต่ความกังวล
ฮ่องเต้ดูแล้วทรงมิค่อยดีนักจริงๆ…
“เราไม่เป็นไร พักฟื้นอีกสักระยะหนึ่งก็หายแล้ว”
“เช่นนั้นกระหม่อมก็วางใจ ขอเพียงฝ่าบาทรับสั่ง กระหม่อมแม้ตายก็ไม่รอช้า!”
บรรดาขุนนางพากันเห็นชอบ “กระหม่อมแม้ตายก็ไม่รอช้า!”
แทบจะกล่าวชัดเจนแล้วว่า หากฮ่องเต้ถูกขุนนางชั่วควบคุมตัวไว้ ก็ให้รีบส่งสัญญาณ
“แค็ก แค็ก” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรบรรดาขุนนางทีหนึ่ง “พวกเจ้าให้เราพักผ่อนสงบๆ ก็พอ”
พอตรัสเช่นนี้ บรรดาขุนนางก็พากันเก้กัง
อันกั๋วกงรีบแสดงท่าทีขอทูลลา เสนาบดีกรมคลังลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ก้าวออกมา “ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินว่าทรงมีราชโองการพระราชทานโทษตายแก่ซินโย่ว ไม่ทราบว่าซินไต้จ้าวทำความผิดอันใดพ่ะย่ะค่ะ”
“ซินโย่วไร้เจ้านายไร้บิดาในสายตา มีโทษล่วงเกินเบื้องสูง”
เสนาบดีกรมคลังคุกเข่าลง “ซินไต้จ้าวอายุยังน้อย หนุ่มสาวพูดจาบางทีอาจตรงและล่วงเกินไปบ้าง ขอฝ่าบาทเห็นแก่ความดีความชอบซินไต้จ้าว โปรดลงโทษสถานเบา”
หัวหน้าเซี่ยกับเมิ่งจี้จิ่วเองก็คุกเข่าขอร้องแทนซินโย่ว
พระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ซีดขาว ระเบิดโทสะตรัสดังขึ้น “ความหมายของพวกเจ้าก็คือนางมีความดีความชอบก็ลงโทษไม่ได้? ยังเห็นกฎหมายต้าซย่าอยู่ในสายตาอีกหรือไม่”
“ฝ่าบาท…”
“ไม่ต้องพูดอีกแล้ว เราตัดสินใจแล้ว พวกเจ้าออกไปได้แล้ว!”
ยามนี้ขันทีทูลรายงาน “ฝ่าบาท ซิ่วอ๋องขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ให้เข้ามา”
ไม่นานซิ่วอ๋องเข้ามา ยกชุดลงคุกเข่า
“เจ้ามีเรื่องอันใด” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถาม
“กระหม่อมขอร้องเสด็จพ่อ ละเว้นโทษตายซินโย่วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรซิ่วอ๋องทีหนึ่ง ความเหน็ดเหนื่อยฉายชัดก่อนจะสบถออกมาว่า “ไม่อนุญาต”
……….