สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 419 ยอมตาย
ตอนที่ 419 ยอมตาย
……….
องค์หญิงเจาหยางอยู่บนหลังม้า มองดูกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่กำลังสับสนอลหม่านด้วยสายตาเยียบเย็น “เช่นนั้นฮ่องเต้ตัวปลอมในวังก็คือพวกโจรชั่วเฝิงเหนียนให้คนปลอมตัวมา คิดแย่งชิงราชบัลลังก์ ตอนนี้ฮ่องเต้ตัวจริงกลับเข้าวังแล้ว พวกเจ้าถูกเฝิงเหนียนหลอกแล้ว ผู้ไม่รู้ไม่มีโทษ แต่หากยังเลอะเลือนต่อไป ก็จะมีโทษประหารเก้าชั่วโคตร!”
เฝิงเหนียนตะโกนเสียงดังขึ้น “องค์หญิงเจาหยางก็คือผู้ก่อกบฏ นางกล่าวเช่นนี้เพื่อหลอกให้พวกเขายอมวางอาวุธ!”
องค์หญิงเจาหยางแค่นเยาะ “ข้ามีบุตรชายเพียงคนเดียว แซ่ข่ง อาศัยเพียงทหารในจวนก่อกบฏก็จะผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน เปลี่ยนแซ่ผู้ครองแผ่นดินได้หรือ แม้ได้เปรียบชั่วขณะ แต่ขุนนางทั้งราชสำนักจะยอมรับหรือ เฝิงเหนียน เจ้าพูดจาเช่นนี้ไม่รู้สึกน่าขันหรือ”
ยามนี้หลิวเจินส่งเสียงดังขึ้นว่า “เฝิงเหนียนจิตชั่วคิดละโมบ ถูกเปิดโปงแผนชั่วแล้ว องค์หญิงใหญ่บอกกับพวกเจ้า ก็เพราะทนเห็นพวกเจ้าเอาชีวิตไปทิ้งอย่างไม่รู้เรื่องอันใดมิได้ มิใช่ว่าจัดการจับกุมพวกเจ้าไม่ได้ พวกเจ้าคิดว่ากองกำลังรักษาเมืองหลวงที่ข้านำมาเป็นแค่เครื่องประดับหรือ”
“รองผู้บัญชาการหลิวลงมือเถอะ ต้าซย่าไม่ต้องการองครักษ์ประจำพระองค์ที่ติดตามรับใช้โจรกบฏอย่างขาดสติ!”
องค์หญิงเจาหยางกล่าวจบก็ได้ยินเสียงเคร้งดังขึ้น เสียงอาวุธถูกโยนลงพื้น
ทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งทิ้งดาบลงคุกเข่า สองมือยกขึ้นสูง “ข้าน้อยไม่รู้เรื่องอันใดด้วย ข้าน้อยไม่มีทางคิดกบฏเด็ดขาด!”
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเดิมเป็นองครักษ์ประจำพระวรกายฮ่องเต้ แต่มีจำนวนไม่มากนักที่คิดติดตามเฝิงเหนียน แต่ส่วนใหญ่ล้วนภักดีต่อฮ่องเต้อย่างแทรกลึกฝังกระดูก พวกเขามาที่นี่ก็คิดว่ามาจับโจรกบฏ ผู้ใดจะคิดว่าตนเองก็คือโจรกบฏเสียเอง
อาจกล่าวได้ว่าหลังเกิดความสงสัยในตัวเฝิงเหนียนแล้ว ในใจกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็กระตุกวาบ มีคนนำก่อน จากนั้นเสียงอาวุธตกลงพื้นดังเคร้งคร้างไปทั่วบริเวณ พริบตาก็คุกเข่าลงทั้งแถบ เหลือเพียงเฝิงเหนียนยืนโดดเดี่ยวผู้เดียว
องค์หญิงเจาหยางมองเฝิงเหนียนด้วยสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก
เฝิงเหนียนนั่งอยู่บนหลังม้าเป็นนาน ก่อนจะโดดลงจากหลังม้าไม่เอ่ยอันใด ลงคุกเข่าเช่นกัน
องค์หญิงเจาหยางพยักพระพักตร์ “นำตัวไป!”
…
ในวัง หลี่เหวยนำขันทีกลุ่มหนึ่งเข้าตรวจค้นตำหนักฟางหนิงกง
ปกติเขามิได้มีท่าทีเหิมเกริมเช่นนี้ แต่ทว่าการคิดอยากทำอันใดก็ทำเช่นนี้เป็นอำนาจน่าลุ่มหลงเสียจริง ปกติต้องคอยเอาใจและนบนอบเจ้านาย บรรดาพระสนมต่างมีสีหน้าซีดท่าทางหวาดกลัว มองแล้วสะใจจริง
องค์หญิงเสวียนกัดริมฝีปากแน่น มองกลุ่มขันทีค้นตำหนักของนาง แม้แต่ห้องบรรทมก็ไม่ปล่อยผ่าน ในใจก็นึกหวาดกลัวขึ้นมา
หากคุณหนูซินซ่อนอยู่ตำหนักนาง เกรงว่าก็คงถูกค้นพบแล้ว
“ไม่มี?” หลี่เหวยได้ยินรายงาน ก็มององค์หญิงเสวียนทีหนึ่ง ก่อนก้าวไปยังตำหนักบรรทมพระสนมลี่ผิน
องค์หญิงเสวียนไล่ตามไปขวางหน้าหลี่เหวยไว้ “เสด็จแม่ประชวร ขอหลี่กงกงอย่าได้รบกวน”
หลี่เหวยกระตุกมุมปากยิ้ม “พระสนมลี่ผิน พระสนมสุขภาพไม่ดี พวกเราก็เบามือหน่อย หากไม่ตรวจค้นก็ไม่อาจไปกราบทูลฮ่องเต้ ได้ยินกันแล้วใช่หรือไม่ เคลื่อนไหวเบาหน่อย!”
“ขอรับ”
บรรดาขันทีรับคำ แบ่งออกเป็นสองสามส่วนออกค้นหา ประสานความร่วมมือกันอย่างคุ้นเคย
เวลาผ่านไปทีละน้อย สุดท้ายขันทีกลุ่มหนึ่งก็มารายงาน “หาไม่พบ”
“กล่าวเช่นนี้ ก็เหลือเพียงห้องของพระสนมลี่ผินที่ยังไม่ตรวจค้น” หลี่เหวยมองเข้าไปด้านใน โบกมือเอ่ยว่า “เข้าไปดูหน่อย!”
พริบตากลุ่มขันทีนำโดยหลี่เหวยก็บุกเข้าไปในห้องบรรทมพระสนมลี่ผิน
ในห้องบรรทมกลิ่นยาอบอวล ม่านสีเขียวหม่นทิ้งตัวรอบเตียง มองเห็นร่างหนึ่งในนั้นเลือนราง
“พวกเจ้าทำอันใด”
“นี่คือห้องบรรทมพระสนม พวกเจ้าบุกเข้ามาเช่นนี้ได้อย่างไร!”
ในห้องบรรทมนางกำนัลสองคนก้าวออกมาขวางหลี่เหวยไว้
หลี่เหวยสีหน้าเคร่งเครียด “ผู้ใดขัดขวางการตรวจค้น โทษอาญาเท่าผู้กระทำผิด!”
มีเสียงเคลื่อนไหวดังมาจากในมุ้ง
นางกำนัลผู้หนึ่งรีบเลิกชายมุ้งขึ้น นางกำนัลอีกคนถามว่า “พระสนม มีอันใดรับสั่งเพคะ”
พระสนมลี่ผินนอนเอนตัวอยู่บนเตียงมองหลี่เหวย
หลี่เหวยพยายามฉีกยิ้ม “พระสนมลี่ผิน พระสนมประชวรหรือพ่ะย่ะค่ะ วันนี้บ่าวยังได้พบกับองค์หญิงที่อุทยานบุปผาด้านหลัง”
ความหมายก็คือ มารดาป่วย บุตรสาวยังมีกะจิตกะใจไปเดินเล่นในสวนดอกไม้?
พระสนมลี่ผินพระพักตร์ขาวเล็กน้อย ได้ยินเช่นนี้ก็เผยสีหน้าไม่พอใจ “ทุกเดือนข้าก็จะมีอาการไม่สบายอยู่สองสามวัน ไม่อาจเรียกว่าป่วย เหตุใดหลี่กงกงตรวจค้นตำหนักฟางหนิงกงข้า”
หลี่เหวยมององค์หญิงเสวียนทีหนึ่งด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “พระสนมลี่ผิน พระสนมน่าจะได้ยินแล้วกระมัง ซินโย่วไม่เห็นเจ้านายและบิดาในสายตา ฝ่าบาทพระราชทานโทษตายให้นาง นางกลับขัดราชโองการ หนีมายังอุทยานด้านหลัง บ่าวรับพระบัญชามาตรวจค้น ยังหาตัวไม่พบ จึงไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท ฝ่าบาทมีดำรัส ตรวจสอบวังหลังทุกซอกมุม ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจขัดขวาง!”
พระสนมลี่ผินขมวดคิ้วเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลี่กงกงก็ตรวจค้นให้ละเอียดเถอะ”
“ขอบคุณพระสนมที่ให้ความร่วมมือ” หลี่เหวยประสานมือคำนับ ขยิบตาให้ลูกน้อง
พระสนมลี่ผินเอนกายพิงอยู่หัวเตียง มองบรรดาขันทีค้นหีบไปถึงตู้ รู้สึกถูกลบหลู่เกียรติอย่างที่สุด
เข้าวังมายี่สิบปีแม้ไม่เป็นที่โปรดปราน แต่พระสนมอื่นก็มิได้เป็นที่โปรดปราน แม้ฮ่องเต้ไม่มีใจให้พวกนาง แต่ก็มิได้เหยียบย่ำพวกนางจนปล่อยให้บ่าวมาตรวจค้นตำหนักเช่นนี้
ฮ่องเต้แท้จริงทรงเป็นอันใดกันแน่
“หลี่กงกงตรวจเสร็จแล้ว?”
ยามนี้หลี่เหวยกดดันไม่น้อย
ตรวจค้นตำหนักบรรทมพระสนมหลายตำหนักแล้ว ยังคงหาตัวซินโย่วไม่พบ หากในตำหนักฟางหนิงกงยังหาไม่พบ สถานการณ์ก็คงไม่ดีแล้ว
เขาไม่คิดว่าพระสนมชั้นต่ำพวกนี้จะกล้าให้การปกป้องซินโย่ว
ความจริงในใจหลี่เหวย ที่สงสัยที่สุดก็คือตำหนักฟางหนิงกง ตอนนั้นราชาซีหลิงส่งราชทูตมาขออภิเษกองค์หญิงต้าซย่า ซินโย่วออกหน้าพูดแทนองค์หญิงเสวียน ทุกคนล้วนรู้เรื่องนี้
แน่นอนซินโย่วยังเคยช่วยองค์ชายสามไว้ เทียบกันแล้ว บุญคุณต่อตำหนักกันเฉวียนกงมากกว่า แต่ทว่าองค์ชายต่างจากองค์หญิง หากมีโอกาสแย่งชิงตำแหน่งนั้น เขาไม่คิดว่าพระสนมเสวียนเฟยจะโง่เขลาช่วยซินโย่ว
เขาไปตำหนักกันเฉวียนกงก่อน ก็เพื่อให้ตรวจค้นตำหนักอื่นแล้วไม่มีผู้ใดกล้าขัดขวาง
ยามเผชิญหน้ากับคำถามพระสนมลี่ผิน หลี่เหวยยิ้มเอ่ยว่า “ที่อื่นตรวจค้นหมดแล้ว แต่ทว่ายังมีอีกที่ยังมิได้ตรวจค้นพะย่ะค่ะ”
พระสนมลี่ผินขมวดคิ้ว “เมื่อครู่หลี่กงกงตรวจค้นแม้แต่ในห้องบรรทมข้า ยังมีที่ใดไม่ได้ตรวจค้นอีกหรือ”
หลี่เหวยมองเหลือบไปยังเตียงพระสนมลี่ผิน ยิ้มเอ่ยว่า “ยังมิได้ตรวจค้นพระแท่นบรรทมของพระสนมพ่ะย่ะค่ะ”
พอเอ่ยเช่นนี้ ม่านตาพระสนมลี่ผินพลันหดเกร็ง ใบหน้าแดงก่ำ “หลี่เหวย เจ้าบังอาจเกินไปแล้ว!”
“พระสนมไม่ให้ความร่วมมือตรวจค้น?”
สีพระพักตร์พระสนมลี่ผินโกรธจัดจนมือสั่น “เจ้าอย่าได้คิดทูลรายงานว่าข้าไม่ให้ความร่วมมือ อย่างไรข้าก็ให้กำเนิดองค์หญิงเสวียน เข้าวังมายี่สิบปี ดำรงตนสงบเสงี่ยม มาบัดนี้ แม้แต่เตียงนอนยังต้องถูกค้นตรวจค้น ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดีหรือ!”
“บ่าวเพียงแค่รับพระบัญชาปฏิบัติงาน หากพระสนมไม่สะดวกลุกขึ้น บ่าวจะประคองพระสนม…” หลี่เหวยชะงัก
พระสนมลี่ผินดึงปิ่นปักผมมาถือไว้ในมือ จี้ไปที่ลำคอขาวเนียนของตนเอง
“พระสนมลี่ผิน พระสนมทำอันใด”
พระสนมลี่ผินเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ “หากหลี่กงกงคิดตรวจค้นเตียงข้า ก็ข้ามศพข้าไปก่อน ข้าไม่มีทางยอมรับการหลู่เกียรติเช่นนี้เด็ดขาด!”
“เสด็จแม่!” องค์หญิงเสวียนร้องไห้เสียงดัง
หลี่เหวยเลิกคิ้ว น้ำเสียงไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย “วันนี้ไม่ว่าเหยียบย่ำสิ่งใด ไม่ว่าที่ใดก็ต้องตรวจค้นให้หมด!”
……….