สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 421 ฮ่องเต้ตัวจริงตัวปลอม
ตอนที่ 421 ฮ่องเต้ตัวจริงตัวปลอม
……….
ไทเฮาสลบไปทำให้เกิดความโกลาหลยกใหญ่
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เฝ้าไทเฮา รับสั่งให้เฮ่อชิงเซียวกับจ้าวเฟยฝานไปจับตัวคนร้าย
ส่วนฮ่องเต้ตัวปลอมถูกจับมัดไว้แน่น ตอนนี้ไม่มีผู้ใดสนใจเขา
ระหว่างรอไทเฮาฟื้น ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถามเรื่องที่เกิดในวังอย่างละเอียด ได้ยินว่าหลี่เหวยออกกวาดล้างตามจับซินโย่วอย่างเหิมเกริมก็กริ้วจัดกัดฟันด่าว่า “เจ้าเดรัจฉาน!”
ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสำทับต่อว่า “เจ้าพวกเดรัจฉาน!”
ซินโย่วมีความสงสัยอัดแน่นในใจแต่ไม่รู้ควรเริ่มถามจากเรื่องใด พวกพระสนมเสวียนเฟยผ่านเหตุการณ์น่าตกใจเมื่อครู่มา ตอนนี้ยังตกอยู่ในอาการหวาดผวา พากันเงียบงันไม่เอ่ยอันใด
“อาโย่ว ลำบากเจ้าแล้ว” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรมองดูสาวน้อยที่อิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ในใจก็รู้สึกผิด
ซินโย่วเม้มปาก “โชคดีที่มีพวกพระสนมกับองค์หญิงเสวียน”
“อืม เราจดจำไว้แล้ว” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มองไปยังพวกพระสนมเสวียนเฟยด้วยสายพระเนตรชื่นชม
“ฝ่าบาท แท้จริงเกิดเรื่องอันใดขึ้นเพคะ” พระสนมเสวียนเฟยถามขึ้น
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สีพระพักตร์เยียบเย็น “เจ้าพวกขุนนางชั่วละโมบไม่มีที่สิ้นสุดคิดว่าเราตกน้ำตายไปแล้ว จึงได้หาคนมาแทนที่ คิดปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขาไว้เท่านั้น…”
ตอนนี้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยังจำได้ถึงตอนที่ได้ข่าวว่าหาตัวฮ่องเต้พบแล้ว ทั้งขบวนเดินทางกลับเมืองหลวง ทั้งตกใจและโมโหเดือดดาล
แต่ไม่นานก็ตั้งสติได้ เรือไฟไหม้มิใช่อุบัติเหตุ แต่มีคนบางคนคิดแผนชั่วสลับตัวมาแทนที่เขา
พอคิดถึงเรื่องนี้ ตอนยังกลับไม่ถึงเมืองหลวงก็กระทำการรอบคอบ ทำทีเป็นหลงกลต่อ ถือโอกาสตรวจสอบว่าพวกก่อกบฏมีผู้ใดบ้าง จะได้จัดการกวาดล้างพร้อมกันให้สิ้นซาก
ยามนี้นางกำนัลในห้องก็ออกมา “ฝ่าบาท ไทเฮาฟื้นแล้วเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รีบก้าวเข้าไป
บนเตียงบรรทม ไทเฮาอายุใกล้เลขเจ็ดเพิ่งลืมตาขึ้น แววพระเนตรเหม่อลอย ส่งเสียงเรียกไม่หยุด “เอ้อร์เป่า เอ้อร์เป่า…”
เมื่อก่อนทุกครั้งที่ได้ยินมารดาเรียกชื่อยามเยาว์วัยของเขา ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็จะรู้สึกเก้กัง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกโชคดี “เสด็จแม่ ข้าอยู่นี่ ข้ามาช้าไปแล้ว ทำให้เสด็จแม่ตกพระทัยแล้ว”
ไทเฮากลอกพระเนตรมองก่อนจะมองเห็นใบหน้าบุตรชายกระจ่างชัด ในที่สุดก็ได้สติคืนมา ดึงฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เอาไว้พลางกันแสงดัง “ลูกแม่ แม่ยังคิดว่าเจ้าโดนมารร้ายสิงร่าง ที่แท้มีคนปลอมตัวเป็นเจ้า! คนผู้นั้นคือผู้ใด เหตุใดหน้าตาเหมือนเจ้าได้”
คนผู้นั้นคือผู้ใด?
ความสงสัยนี้ไม่เพียงแต่ไทเฮาคิด แต่ทุกคนก็ล้วนสงสัยเช่นกัน
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เองก็ยังมิได้สอบสวนให้กระจ่าง ตอนนี้ไทเฮาฟื้นแล้ว จึงได้มีเวลาสอบสวน
ไทเฮารั้งฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไว้ “ข้าเองก็อยากฟังด้วย”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้แต่รับรอง “รอให้ข้าสอบถามให้กระจ่างก่อน ค่อยเล่าให้เสด็จแม่ฟังอย่างละเอียด”
“เช่นนั้นเจ้ารีบไปเถอะ พวกเรารออยู่”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พยักพระพักตร์ มองซินโย่วทีหนึ่ง “อาโย่ว เจ้าตามเราไปด้วย”
ซินโย่วเดินตามหลังฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไป หันไปย่อกายคำนับให้กับพระสนมเสวียนเฟยและพระสนมลี่ผินสองแม่ลูก
ในตำหนักเฉียนชิงกง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ประทับอยู่บนบัลลังก์ได้ครู่หนึ่ง คนที่ควรมาถึงก็มากันครบ
เสนาบดีกรมพิธีการ ผู้บัญชาการเฝิงเหนียนประจำกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน มหาขันทีหลี่เหวย นอกจากสามคนนี้ ขุนนางที่ถูกมัดไว้ยังมีอีกกองใหญ่ แต่ละคนคุกเข่าอยู่ในตำหนักด้วยสีหน้าซีดเผือด
พวกเสนาบดีกรมคลังเองก็อยู่ มองฮ่องเต้ตัวปลอมตาไม่กะพริบ
หากนำมาเทียบพร้อมกัน ก็จะแยกแยะได้ง่ายว่าผู้ใดคือฮ่องเต้ตัวจริง แต่แม้เป็นเช่นนี้ หน้าตายามแยกกันอยู่ของทั้งสองก็มีความเหมือนกันถึงเก้าส่วน เหลือเชื่อจริง
“ได้ยินว่ามิใช่การแปลงโฉม และมิได้สวมหน้ากาก” เสนาบดีกรมคลังป้องปากกระซิบกับหัวหน้าเซี่ย
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินก็ถลึงพระเนตรใส่เสนาบดีกรมคลังทีหนึ่ง
หากเป็นหน้ากากหนังคน เช่นนั้นหนังคนมาจากไหน ตาแก่อวี๋พูดจาเป็นหรือไม่
เสนาบดีกรมคลังถูกถลึงพระเนตรใส่ก็รีบจ้องมองเพียงแต่จมูกตนเอง ไม่สนใจเรื่องใดอีก
“ว่ามา เขาคือใคร” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรไปยังเสนาบดีกรมพิธีการ
อย่าได้เห็นว่าเสนาบดีกรมพิธีการผู้นำเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ก็คือคนบงการแผนการชั่วเหล่านี้ แต่ตอนวุ่นวายต้องการการควบคุม กลับเป็นเฝิงเหนียนที่กุมอำนาจการทหารออกหน้าควบคุม
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ติดต่อองค์หญิงเจาหยางก่อน องค์หญิงเจาหยางนำกำลังทหารในจวนล้อมจวนเฝิงไว้ ก็เพื่อล่อเฝิงเหนียนออกจากวัง เพื่อให้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กลับเข้าวังได้ราบรื่นยิ่งขึ้น และลดความรุนแรงที่คนเหล่านี้จะก่อเหตุกับคนในวัง
ตอนนี้ที่ควรจับกุมก็จับกุมไว้แล้ว ได้เวลาสืบเรื่องให้กระจ่างแล้ว ตัวละครหลักเปลี่ยนเป็นพวกเสนาบดีกรมพิธีการ
มาถึงยามนี้ เสนาบดีกรมพิธีการยังคงงุนงงอยู่
เร็วมาก ก่อนหน้านี้พวกเขายังคุมอำนาจไว้ในมือ มองดูพวกเสนาบดีกรมคลังรับกรรม แต่พริบตาก็กลายเป็นนักโทษเสียเอง
เขาเงยหน้าขึ้นอย่างไม่รู้ตัว มองไปยังฮ่องเต้บารมีน่าเกรงขามบนบัลลังก์ ความรู้สึกสิ้นหวังปะทุขึ้นมา คับแค้นแน่นอก
เขาไม่ควรเห็นคนหน้าตาเหมือนฮ่องเต้ก็เกิดความคิดชั่วร้าย
“ทำไม ไม่อยากพูด?”
เสนาบดีกรมพิธีการหมอบอยู่บนพื้น น้ำตานองหน้า “กระหม่อมพูด กระหม่อมพูด…เขาก็คือโค่วเทียนหมิงที่ถูกโยกไปรับตำแหน่งจือฝู่ที่หว่านหยางเมื่อเจ็ดปีก่อน…”
พอทูลออกมาเช่นนี้ ก็ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึงไปทั่ว
“โค่วเทียนหมิง…” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้คิดไม่นานก็ตั้งสติได้ “โค่วเทียนหมิง บิดาโค่วชิงชิง หลายปีก่อนเดินทางไปรับตำแหน่ง ตกน้ำตายระหว่างทาง?”
ในความทรงจำของเขา โค่วเทียนหมิงตายระหว่างเดินทางไปรับตำแหน่ง ที่สำคัญก็คือโค่วเทียนหมิงก็คือบิดาโค่วชิงชิง
สำหรับพวกเสนาบดีกรมคลังก็เช่นเดียวกัน อยู่ท่ามกลางคลื่นลมวงการขุนนาง ขุนนางใหญ่น้อยสั่งสมประสบการณ์มายี่สิบปีต้องมาตายด้วยเหตุที่คาดไม่ถึงมากมาย พอเอ่ยถึงโค่วเทียนหมิงก็พลันนึกขึ้นมาได้ ยังเป็นเพราะโค่วชิงชิง
กล่าวให้ถูกต้อง ก็คือเป็นเพราะซินโย่ว
บรรดาขุนนางส่งสายตามองไปยังใบหน้าซินโย่ว ก่อนจะมองไปยังใบหน้าฮ่องเต้ตัวปลอม
หัวหน้าเซี่ยก้าวเข้าไปสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว “โค่วเทียนหมิงเหมือนจะไม่ได้มีหน้าตาเช่นนี้…”
โค่วเทียนหมิงเป็นขุนนางนอกเมืองหลวงมาตลอด นอกจากสหายในรุ่นเดียวกัน ขุนนางใหญ่ที่คุ้นเคยกันเขาไม่มาก แต่ทว่าน่าจะพอมีภาพจำอยู่บ้าง
แต่ผ่านไปเจ็ดแปดปี ภาพจำที่พอมีอยู่บ้างนั้นก็รางเลือนลงไปมาก
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กะพริบพระเนตรจ้องมองใบหน้าฮ่องเต้ตัวปลอม “ในความทรงจำของเรา โค่วเทียน หมิงหนวดเคราเต็มหน้า ร่างกายกำยำ…”
“ตอนกระหม่อมได้รู้ ก็แทบไม่อยากเชื่อ แต่ทว่าคนผู้นี้เป็นโค่วเทียนหมิงจริงพ่ะย่ะค่ะ”
“ผู้ใดบอกกับเจ้า”
ในยามนี้เสนาบดีกรมพิธีการก็มิได้คิดปิดบังอันใดอีก ร่ำไห้ทูลว่า “ผู้ที่รับเลี้ยงดูจังเฉินบุตรชายจังอวี้เฉิน เป็นคหบดีทางใต้ผู้หนึ่ง ชื่อว่าเฉียนหลิน เบื้องหลังเขามีจังอวี้เฉินหนุนหลัง จังอวี้เฉินกับโค่วเทียนหมิงเป็นจิ้นซื่อในสมัยเดียวกัน ตอนนั้นสนิทกันไม่น้อย ครั้งหนึ่งเขาพบว่าโค่วเทียนหมิงมีหน้าตาคล้ายฝ่าบาท จึงได้จดจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจ…”
“กล่าวเช่นนี้ โค่วเทียนหมิงเดินทางไปรับตำแหน่ง เกิดเรื่องระหว่างทางมิใช่อุบัติเหตุ” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ถามด้วยสีพระพักตร์ดำทะมึน
แสดงให้เห็นว่าเมื่อเจ็ดปีก่อน พวกจังอวี้เฉินก็มีความคิดไม่ซื่อแล้ว
“โค่วเทียนหมิงตกแม่น้ำเป็นเรื่องเท็จ ความจริงอยู่ที่บ้านเฉียนหลิน หลายปีมานี้ถูกขังในห้องมืดค่อยๆ อ่อนแรงกำลังลง แล้วก็โกนเคราออก ก็ยิ่งเหมือนฝ่าบาท…”
เสนาบดีกรมพิธีการถูกจ้องจนยอมรับสารภาพทุกอย่าง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถามพระสุรเสียงดุดันว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าล่ะ รู้การมีตัวตนของโค่วเทียนหมิงเมื่อใด”
เสนาบดีกรมพิธีการก้มหน้างุด ตอบเสียงสั่น “ตอนตามเสด็จฝ่าบาทลงใต้”
หากไม่ได้เห็นคนที่เหมือนกับฮ่องเต้ด้วยตาตนเอง แม้ให้ความกล้าเขาเพียงใด เขาก็ไม่กล้ามีความคิดสลับตัว!
“เราคาดไม่ถึงว่า จังอวี้เฉินเป็นคนมีความสามารถทำนายเหตุล่วงหน้าได้เช่นนี้” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แค่นเยาะ ลุกขึ้นเสด็จไปทางโค่วเทียนหมิง
……….