สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 430 บ๊วยเปรี้ยว
ตอนที่ 430 บ๊วยเปรี้ยว
……….
“เจ้าตัวบัดซบ!” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตบโต๊ะดัง กริ้วเดือดดาล
“บัดซบ?” ซิ่วอ๋องกระชากซินโย่วเข้าสู่อ้อมกอด มีดสั้นที่จี้นางไว้ทิ่มแทงทะลุผ่านเสื้อบุฝ้าย ไปบนผิวหนังอ่อนนุ่ม
ความเจ็บปวดทำให้นางขมวดคิ้ว
ไฟโทสะฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พลันถูกความตกใจดับมอด
ซิ่วอ๋องกลับไม่อาจควบคุมอารมณ์ตนเองแล้ว แววตาแดงก่ำจับจ้องมองฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ “กระหม่อมบัดซบก็เพราะเสด็จพ่อบีบคั้น! ยี่สิบปีมานี้ไม่เห็นกระหม่อมในสายตา กระหม่อมทนรับได้ ถูกเฉินอี้ข่ม กระหม่อมก็ทนรับได้ เฉินอี้ไปแล้ว ในสายตาเสด็จพ่อก็มีเพียงซินโย่ว กระหม่อมยังทนรับได้ แต่กระหม่อมคาดไม่ถึงว่าจะแต่งตั้งรัชทายาทแล้ว ยังทรงคิดแต่งตั้งเฉินอิ้วเป็นรัชทายาท มาแต่งตั้งฮองเฮาตอนนี้! เสด็จพ่อรู้ไหมตั้งแต่ข่าวแต่งตั้งฮองเฮาแพร่ออกไป กระหม่อมต้องทนรับสายตาเห็นอกเห็นใจและเยาะเย้ยมากมายเพียงใด ได้ยินคำพูดยากรับฟังมากมายเพียงใด ทรงรู้ แต่ทรงไม่สนพระทัย!”
ซิ่วอ๋องยิ่งพูดก็ยิ่งแค้นใจ คว้าแขนซินโย่วแรงยิ่งขึ้น
“ใช่ เราละเลยความรู้สึกเจ้า…แต่อาโย่วบริสุทธิ์…”
“นางไม่บริสุทธิ์!” ซิ่วอ๋องคำรามดังด้วยโทสะ “นางจะบริสุทธิ์ได้อย่างไร การที่ทรงเลือกเฉินอิ้ว หรือว่าไม่เกี่ยวข้องกับนาง นางมีบุญคุณต่อเฉินอิ้ว ทรงทำเพื่อให้นางไร้กังวลในวันหน้า ยินยอมเลือกเด็กน้อย ก็ไม่ยอมเลือกหม่อมฉันที่เป็นบุตรชายคนโต!”
มองดูอาการคลุ้มคลั่งของซิ่วอ๋อง ในพระทัยฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็หวาดกลัว “ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็วางมีดลงก่อน เราจะถือว่าวันนี้ไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น…เราพูดแล้วไม่คืนคำ ไม่หลอกเจ้าอย่างเด็ดขาด”
“ฮา ฮา ฮา” ซิ่วอ๋องหัวเราะดัง เต็มไปด้วยน้ำเสียงเสียดสี “หากกระหม่อมสนใจชีวิต วันนี้ก็คงไม่เข้าวังมาแล้ว ยามนี้แล้ว ยังทรงไม่เข้าพระทัยอีกหรือ กระหม่อมต้องการให้ซินโย่วตายพร้อมกระหม่อม ให้เสด็จพ่อได้เห็นบุตรสาวเสด็จพ่อกับฮองเฮาซินตายอย่างน่าอนาถต่อหน้า ได้ลิ้มลองรสชาติที่ไม่อาจทำอันใดได้ดูสักหน่อย!”
“ข้า…มีเรื่องขอถาม” ซินโย่วเอ่ยอีกครั้ง
สำหรับซินโย่ว ซิ่วอ๋องกลับอดทนมากกว่า “เจ้าถามมา”
“ต่อมามีข่าวว่าท่านซงหลิงก็คือคนของฮองเฮา ก็คือข่าวที่ซิ่วอ๋องแพร่ออกไป?”
“ถูกต้อง” ซิ่วอ๋องน้ำเสียงชื่นชมตนเองไม่น้อย “กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนำภาพว่าออกค้นหาตัวไปทั่ว บังเอิญข้าจำได้ว่าคนบนภาพก็คือชายหนุ่มที่เข้าไปในร้านหนังสือชิงซงยามวิกาล ตอนนั้นกูชางป๋อถูกโบยจนตายกะทันหัน บรรดาขุนนางต่างคาดเดาการตายของกู้ชางป๋อ ร้านหนังสือชิงซง กองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน…นำมารวมกัน ก็ไม่ยากคาดเดากระมัง”
“ซิ่วอ๋องเป็นคนความรู้สึกฉับไวมาก” ซินโย่วเอ่ยชม ถามต่อว่า “เช่นนั้นคุณหนูโค่วควบคุมตัวท่านซงหลิงไว้ ก็เป็นข่าวที่ท่านปล่อยออกมาหรือ”
“ใช่ หรืออาโย่วไม่ควรขอบคุณข้า ช่วยเจ้าตัดสินใจให้ก้าวเดินออกมาเบื้องหน้า”
“ท่านอ๋องกับพวกจังโส่วฝู่และเสนาบดีซุนช่างส่งเสริมกันดีแท้”
“อย่าได้เอาข้าไปรวมกับพวกเขา” ซิ่วอ๋องคล้ายถูกลบหลู่ กดแขนซินโย่วแรงขึ้นอีก “ต้องโทษฮองเฮาซินคิดผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ ล่วงเกินคนมากมาย คนพวกนั้นแทบจะหักกระดูกนางเป็นผุยผง กระหม่อมไม่ต้องทำอันใด เพียงแค่ปล่อยข่าวออกไป พวกเขาก็แทบจะทนรอลงมือไม่ไหว…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อดตรัสไม่ได้ “เจ้าสมคบคิดกับเจ้าหนอนละโมบพวกนั้น ยังไม่ยอมรับ?”
“เหตุใดกระหม่อมต้องสมคบคิดกับพวกเขา พวกเขาหลอกใช้พระสนมซูเฟยมารดาเฉินอี้กับกู้ชางป๋อลุงของเขา กระหม่อมไม่สนใจจุดจบของเจ้าพวกโง่เง่านั่นแม้แต่น้อย องค์ชายไร้ค่าที่มารดาต่ำต้อย บิดาไม่โปรดปราน หากไปร่วมจะไม่กลายเป็นหุ่นเชิดหรือ นับประสาอันใดกับหากผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ราบรื่น เงินทองเต็มคลังหลวง ราษฎรมีความสุข แผ่นดินต้าซย่าก็จะยืนยงไปได้อีกนาน สำหรับองค์ชายเช่นข้าแล้วไม่ใช่เรื่องดีหรือ จะว่าไป ผู้ที่ทุ่มเทเพื่อนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ก็คืออาโย่ว ล่วงเกินบรรดาขุนนางเจ้าของที่ดินก็คืออาโย่ว ฮา ฮา ฮา…”
ซิ่วอ๋องพลันหันหน้ามามองไปที่ประตู กระชากซินโย่วถอยหลังไปสองก้าว ให้แผ่นหลังพิงเสากลมสีแดง
เฮ่อชิงเซียวเดินเข้ามา ใบหน้าเขาซีดขาว ท่าทางระแวดระวัง เกรงว่าจะกระตุกอารมณ์ซิ่วอ๋องให้ยิ่งเสียสติ
ซินโย่วมองเฮ่อชิงเซียว สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
ตอนอยู่นอกวัง นาง ‘เห็น’ ภาพซิ่วอ๋องตายด้วยคมดาบมากมายขององครักษ์ คิดว่าซิ่วอ๋องมีเรื่องกับคนผู้นั้นจึงได้นำภัยมาถึงตัว แต่ที่แท้มาเอาเรื่องนาง
ในดวงตานางแต่ไรมาไม่เคยเห็นภาพของตนเอง และในภาพก็ไม่มีเฮ่อชิงเซียว เขาอยู่ๆ เข้าวังมาทำให้ภาพต่างจากความจริง?
การปรากฏตัวของเฮ่อชิงเซียวทำให้ซินโย่วที่สงบนิ่งมาตลอดเริ่มระวังตัวขึ้น
ซิ่วอ๋องมองเฮ่อชิงเซียว เลิกคิ้วเอ่ยว่า “ฉางเล่อโหวมาหาอาโย่ว?”
“ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว” ซิ่วอ๋องหัวเราะเยาะ “เจ้ากลัวว่าข้ามองออกว่าเจ้ามีใจต่อซินโย่ว ก็ไม่ควรมา ในเมื่อมาแล้ว…”
ซิ่วอ๋องชะงักไป ก่อนแววตาจะรู้สึกสะใจ “เสด็จพ่อต้องการให้กระหม่อมช่วยท่านทดสอบไหมว่าบุตรเขยท่านมีความจริงใจต่อซินโย่วกี่ส่วน”
ซิ่วอ๋องไม่รอให้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสตอบ แววตาประสงค์ร้ายก็ไม่อาจซ่อนเร้นได้อีกต่อไป “ฉางเล่อโหว หากเจ้าตัดแขนขวาตนเองทิ้ง ข้าก็จะปล่อยซินโย่ว”
“คำพูดนี้จริงหรือ” เฮ่อชิงเซียวถาม
“จริงหรือไม่ เจ้าต้องลองจึงจะรู้ได้ ผู้ใดให้ซินโย่วตกอยู่ในกำมือข้า” ซิ่วอ๋องหัวเราะเย็นเยียบ
เฮ่อชิงเซียวนิ่งมองซินโย่วทีหนึ่ง
“ได้” เขายื่นมือไปทางทหารองครักษ์นายหนึ่ง
ทหารองครักษ์กำดาบในมือพลันไม่รู้ควรทำเช่นไร
“ส่งให้ข้า”
ทหารองครักษ์ปล่อยมือ ดาบยาวตกอยู่ในมือเฮ่อชิงเซียว
เขาก้มศีรษะลงมองคมดาบคมปลาบ ก่อนเหลือบตาขึ้นสบกับซินโย่ว
ซินโย่วกะพริบตาเบาๆ ออกแรงกัดริมฝีปาก
“ทำไม ทำไม่ลง?”
พอสบสายตาแล้งน้ำใจของซิ่วอ๋องแล้ว เฮ่อชิงเซียวก็เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “หวังว่าซิ่วอ๋องจะรักษาสัญญา”
พอกล่าวจบ มือซ้ายก็หมุนฟันดาบยาวลงบนมือขวาที่ยื่นออกมา
ยามนี้ในตำหนักเงียบกริบ ความสนใจของทุกคนไปอยู่ที่เฮ่อชิงเซียว รวมทั้งซิ่วอ๋อง
ตอนเฮ่อชิงเซียวยกดาบ ข้างใบหูของซิ่วอ๋องก็ได้ยินเสียงดังขึ้นว่า “บ๊วยเปรี้ยว”
ความสนใจซิ่วอ๋องถูกเบี่ยงเบนไปอย่างไม่ทันรู้ตัว
ระยะเวลาสั้นๆ แต่ไม่ว่าสำหรับซินโย่วหรือเฮ่อชิงเซียว นับว่าเพียงพอแล้ว
ซินโย่วยกเท้าเตะไปด้านหลัง อาศัยแรงกำลังพุ่งไปทางซ้าย
เดิมซิ่วอ๋องใช้มือซ้ายจับแขนนางไว้ มือขวากำมีดสั้น หากนางพุ่งขึ้นไปทางด้านขวา มือซ้ายซิ่วอ๋องที่ใช้จับนางไว้ก็จะถูกทำให้ขยับออกข้าง การเลือกไปทางซ้าย ชั่วพริบตานั้นร่างซิ่วอ๋องก็จะขยับน้อยที่สุด
ดาบยาวที่กำลังฟันใส่แขนขวาที่ยื่นออกมาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อยก็อาศัยจังหวะนั้นตวัดแทงใส่ซิ่วอ๋องดังลูกศร
เรื่องราวทั้งหมดกล่าวแล้วก็ยาว แต่ความจริงเกิดขึ้นเพียงชั่วความเร็วแสง
ซิ่วอ๋องผงะถอยหลังทุลักทุเล ก้มศีรษะมองคมดาบที่แทงทะลุหน้าอกตนเอง
ดาบนั้นแทงทะลุอก เหลือเพียงด้ามดาบคาอยู่ด้านนอก มีดสั้นหล่นกระแทกพื้นหินสีทองเสียงดัง ทำให้ทุกคนต่างตกใจ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ลุกขึ้นตวาดดุดัน “จับตัวซิ่วอ๋องไว้!”
องครักษ์กรูกันเข้ามาล้อมไว้ มองดูซิ่วอ๋องกระอักโลหิต พลันไม่รู้ควรฟันหรือว่าควรมัด
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตั้งพระสติได้แล้วก็ก้าวลงจากบัลลังก์ รับสั่งให้องครักษ์ถอยไป
ซิ่วอ๋องพิงเสาสีแดงชาด พยายามฝืนไม่ให้ล้มลง มองผ่านฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไปหยุดที่ซินโย่ว
ซินโย่วลุกขึ้นยืนนิ่งแล้ว หันไปมองซิ่วอ๋อง
เฮ่อชิงเซียวอยู่ข้างกายนาง ยืนเคียงกับนาง
“อาโย่ว…” ซิ่วอ๋องตะโกนเรียก ก่อนจะมีโลหิตไหลทะลักออกมา
เมื่อครู่ซินโย่วสบตากับเฮ่อชิงเซียว ขยิบตาซ้ายเบาๆ ส่งสัญญาณว่านางจะหลบไปทางใด และจำนวนครั้งของการขยิบตาก็คือจำนวนที่แอบนับในใจอย่างรู้กัน
การรู้ใจกันและกันทำให้นางรอดพ้นมาได้ แต่ยามนี้มองดูซิ่วอ๋องเช่นนี้ ซินโย่วก็รู้สึกเสียใจ
ความเสียใจนี้มิใช่เพราะซิ่วอ๋องทั้งหมด การดำรงชีวิตอยู่ท่ามกลางวังวนและอำนาจฮ่องเต้ ผู้ใดกล้ารับรองว่าตนเองจะไม่เป็นซิ่วอ๋องคนที่สองกัน
นางก้าวเข้าไปหยุดลงห่างจากซิ่วอ๋องไม่ไกล
“อาโย่ว” ซิ่วอ๋องส่งเสียงเรียกอีก ใบหน้าอ่อนโยนกลายเป็นเลือนราง “บ๊วยเปรี้ยวทำไมหรือ”
ซินโย่วตอบเขา “ระหว่างทางจากกว่างเฉิงกลับมา ซิ่วอ๋องให้บ๊วยเปรี้ยวหม่อมฉัน หม่อมฉันจดจำรสชาตินั้นมาตลอด”
ตอนนั้นนางรับบ๊วยที่ชายหนุ่มสุภาพอ่อนโยนส่งให้ เปรี้ยวๆ หวานๆ ทำให้หายกระหายน้ำ
มีบางขณะที่นางอดคิดไม่ได้ว่าการที่นางทำตัวห่างเหินและระวังตนเองเพราะคิดมากไปหรือไม่ ซิ่วอ๋องเห็นนางเป็นน้องสาวแท้ๆ?
ซิ่วอ๋องได้ยินก็แย้มยกมุมปาก แม้ภาพใบหน้าสาวน้อยตรงหน้าเลือนรางยิ่งขึ้น แต่เขาก็เอาแต่จ้องมองนาง น้ำเสียงกระท่อนกระแท่น “อาโย่ว…ข้าได้ยินว่าเจ้าดูนรลักษณ์ได้…จริงหรือ”
เงียบงันไปครู่หนึ่งก่อนซินโย่วจะพยักหน้า “จริง”
“ก่อน…เข้าวัง เจ้าบอกว่าให้ข้าเข้าวังวันหลัง…ก็เพราะมองเห็นเวลาตายของข้าใกล้มาถึง?”
ซินโย่วมองดูโลหิตไหลทะลักจากมุมปากซิ่วอ๋องเป็นสาย ลำคอก็เฝื่อนขม “ใช่”
“อาโย่ว…ขอบคุณเจ้า…” มุมปากซิ่วอ๋องแย้มยก ค่อย ๆ พิงเสาไหลลื่นลงมา