สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 431 ปลายปี
ตอนที่ 431 ปลายปี
……….
ซิ่วอ๋องก้มหน้าไม่ขยับอีก รอยยิ้มอ่อนโยนยังคงค้างอยู่บนใบหน้างาม มิได้มีสีหน้าบิดเบี้ยวดังเมื่อครู่อีก
ลมหายใจสุดท้ายของคนที่โดนแทง มิได้เอ่ยอันใดกับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สักคำ ถึงกับไม่เรียก ‘เสด็จพ่อ’ ที่เรียกมายี่สิบปีแม้สักคำ
ในตำหนักเงียบกริบไร้สำเนียง บรรยากาศเงียบงัน
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้นิ่งงันไม่ขยับอยู่เช่นนั้น จ้องมองซิ่วอ๋อง
เขาพยายามนึกย้อนกลับไปในวัยเยาว์ของซิ่วอ๋อง แต่กลับพบว่าเป็นภาพเงาที่เลือนรางมาก อยู่ในมุมที่ไม่สะดุดตาอย่างยิ่ง
การค้นพบนี้ทำให้ในพระทัยฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยิ่งหนักอึ้ง
ไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด เขาจึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ลากออกไป”
ซินโย่วออกไปพร้อมกับเฮ่อชิงเซียว กลิ่นคาวโลหิตในตำหนักคล้ายว่ายังคงติดอยู่ปลายจมูก ไม่ยอมจางหาย
“ข้าหลบได้” นางพลันเอ่ยขึ้น ฝีเท้าเริ่มสับสนเล็กน้อย
เฮ่อชิงเซียวนิ่งมองสาวน้อยใบหน้าซีดขาว กุมมือเปียกชื้นเย็นเยียบของนางด้วยมือที่อบอุ่นของเขา
“ตอนซิ่วอ๋องลงมือ ข้าอยากดูว่าเขาต้องการทำอันใด เขากำลังคิดอันใด” ซินโย่วกำมือเฮ่อชิงเซียวแน่น หลุบตาลงจ้องมองพื้น “ตอนนี้รู้แล้ว…”
“อาโย่ว อย่าได้คิดมาก จะอย่างไรล้วนเพราะเขาเลือกเอง”
“ข้าเข้าใจ” ซินโย่วพยักหน้าเบาๆ “แต่ทว่าข้าก็ยังคงรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง”
นางเคยเป็นมัจฉาในวารี วิหคบนนภา วังหลวงกำแพงสีแดงชาด หลังคาสีทอง ประตูวังแน่นหนา ทำให้นางยิ่งรู้สึกว่าหายใจไม่ออก
ส่งซินโย่วกลับไปแล้ว เฮ่อชิงเซียวค่อยกลับเข้าวังไปจัดการเรื่องต่อจากนั้นให้เรียบร้อย
การตายของซิ่วอ๋องไม่อาจปิดบัง ไม่นานก็แพร่ออกไป
บรรดาขุนนางพากันตกใจ
“ซิ่วอ๋องขาดสติอย่างมาก แม้ว่าไม่ได้เป็นรัชทายาท เป็นอ๋องก็ยังมีชีวิตร่ำรวยหรูหราไปตลอดชีวิต เหตุใดจึงได้ขาดสติบันดาลโทสะทำเรื่องเช่นนี้”
“อาจเพราะได้รับความกระทบกระเทือนจากหลายเรื่อง จึงได้หุนหันพลันแล่น”
“แต่ก็มิได้มีอันใดกระทบกระเทือนนี่”
“แค็กๆ อาจเพราะกดดันมานาน…”
ในวังหลัง พระสนมอันผินได้ยินข่าวการตายของซิ่วอ๋องก็แผดเสียงกรีดร้องดังออกไปด้านนอก บรรดาขันทีและนางกำลังรีบเข้ามาล้อมเอาไว้
“ปล่อยข้า ปล่อยข้า ข้าจะไปหาผิงเอ๋อร์ของข้า พวกเจ้าให้ข้าพบผิงเอ๋อร์ของข้าไม่ได้หรือ…”
แต่ละตำหนักได้ยินเสียงร่ำไห้สิ้นหวังของพระสนมอันผินดังแว่วมา
องค์หญิงเสวียนรีบเดินเข้าไปในห้องบรรทมพระสนมลี่เฟย กอดพระสนมลี่เฟยเอาไว้
“เกิดอันใดขึ้น เสวียนเอ๋อร์?” พระสนมลี่เฟยตกใจ
องค์หญิงเสวียนซุกใบหน้าอยู่ในอ้อมกอดมารดาตนเอง น้ำตาไหลพรั่งพรู “เสด็จแม่ เสด็จพี่ใหญ่ตายแล้ว…”
ตอนได้ยินข่าวการตายของซิ่วอ๋อง ในใจพระสนมลี่เฟยเองก็เสียใจมาก มิใช่เพราะนางมีความผูกพันอันใดกับซิ่วอ๋อง แต่เพราะเคยได้สนทนาสนิทสนมกับพระสนมอันผิน และอยู่ในสถานะรันทดเช่นเดียวกัน ย่อมเห็นใจกัน
“เสด็จแม่ หม่อมฉันกลัว…” องค์หญิงเสวียนร่างกายสั่นเทา น้ำเสียงสะอื้นไห้
นางไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กับซิ่วอ๋องมากนัก แต่ก็ยังอดเสียใจและหวาดกลัวไม่ได้
วันนั้นคุณหนูซินถูกล่าสังหาร วันนี้พี่ชายใหญ่ตาย หรือว่าเคราะห์ร้ายถัดไปจะมาตกที่นาง ตกที่เสด็จแม่นาง?
“อย่าได้กลัว” พระสนมลี่เฟยลูบหลังบุตรสาว “ออกเรือนไปก็พอแล้ว ถึงตอนนั้นก็ดำรงชีวิตไปให้ราบรื่น…”
ไทเฮารู้ข่าวการเสียชีวิตของหลานชายคนโต ก็รีบไปยังตำหนักเฉียนชิงกง
“เสด็จแม่มาได้อย่างไร” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อารมณ์ตกต่ำสุดขีด สีพระพักตร์เก็บกด
“ข้ามาดูฮ่องเต้”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย “เสด็จแม่อย่าได้กังวล ลูกผ่านเรื่องราวมามากมาย”
“แต่จะเหมือนกันได้อย่างไร” ไทเฮาหยุดชะงัก หันไปพึมพำ “อย่างไรก็เป็นบุตรชายตนเอง ก็คงต้องเจ็บปวด…”
ก้อนเนื้อที่ออกมาจากกายนาง รู้อยู่ว่าขอเพียงนางเอ่ยปาก เขาก็อาจมีชีวิตรอด แต่นางกลับเงียบปล่อยให้เขาตายไป
ไม่นึกเสียใจภายหลังก็เป็นเรื่องจริง แต่ความเสียใจก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน
“ฮ่องเต้ รีบแต่งตั้งรัชทายาทเถอะ เช่นนี้ทุกคนก็จะได้อยู่ในที่ทางของตนเอง”
“ข้ารู้ รอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิก็จะแต่งตั้งรัชทายาท”
การจัดการซิ่วอ๋องจากนั้นก็คือปลดตำแหน่งอ๋อง จัดงานศพตามธรรมเนียมสามัญชน
ยกดาบข่มขู่ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ ไม่ว่าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงคิดเช่นไร การจัดการลงโทษก็เป็นเรื่องจำเป็น ไม่เพียงแค่ลงโทษซิ่วอ๋องที่ทำผิด แต่ยังเป็นการข่มเตือนผู้อื่นอีกด้วย
วันสุดท้ายของปีนี้ งานเลี้ยงคืนวันส่งท้ายปีในวังจัดไปตามปกติ เพียงแค่คนที่มาร่วมงานขาดซิ่วอ๋องและพระสนมอันผินไป
พระสนมอันผินเสียสติ คนในวังหลังได้ยินข่าวก็ไม่มีคนกล้าวิจาณ์ ฮองเฮาโจวส่งคนดูแลด้วยพระเมตตา ปิดข่าวไม่ให้แพร่ออกไปนอกวัง
ซินโย่วไม่ได้มาร่วม
ในฐานะคนที่ถูกซิ่วอ๋องจับเป็นตัวประกัน ได้เห็นซิ่วอ๋องถูกดาบแทงตาย ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้จึงไม่ได้กล่าวอันใดกับการที่นางไม่มาร่วมงาน
ไทเฮาคล้ายว่าลืมเรื่องนี้ไปแล้ว งานเลี้ยงในวังก็แทบไม่พูดอันใด
นี่น่าจะเป็นงานเลี้ยงคืนวันส่งท้ายปีในครอบครัวที่เงียบเหงาที่สุดครั้งหนึ่ง แม้แต่องค์ชายที่อายุน้อยที่สุดตอนกินก็ยังระมัดระวัง ไม่กล้าส่งเสียงดังแม้สักนิด
แต่ทางฝั่งซินโย่วกลับครึกครื้นมาก
พวกผู้จัดการร้านหูร้านหนังสือชิงซง ฟางหมัวมัวผู้เป็นแม่นมโค่วชิงชิง พี่น้องโรงนาอูอวิ๋นที่มีเจ้าแปดเป็นผู้นำล้วนได้รับเชิญมาจวนตระกูลซิน
ที่นี่ยังมีฮว่าไต้จ้าวสองพ่อลูก แต่สหายขุนนางอื่นที่สนิทกันไม่เลวล้วนมีครอบครัวย่อมมาไม่ได้
ในห้องโถงจัดโต๊ะเลี้ยงเจ็ดแปดโต๊ะ กั้นด้วยฉากกำบังลมเป็นโต๊ะพิเศษ ผู้จัดการร้านหู หลิวโจว ฟาง หมัวมัวกับเจ้าแปดอยู่โต๊ะนี้ ยังมีเฮ่อชิงเซียวกับน้ากุ้ย
ซินโย่วคารวะน้ากุ้ยก่อน “เมื่อก่อนข้าได้รับการดูแลจากน้าซย่ามามาก หลังมาเมืองหลวงก็ได้รับการดูแลจากน้ากุ้ยอีก ถือโอกาสวันนี้คารวะน้ากุ้ยหนึ่งจอก”
น้ากุ้ยแอบกลั้นน้ำตาเอาไว้ รอยยิ้มจริงใจ “ได้ใกล้ชิดกับคุณหนูเป็นวาสนาของบ่าว”
ซินโย่วคารวะผู้จัดการร้านหู หลิวโจวกับจูเสี่ยวเยวี่ย “โชคดีได้รับการสนับสนุนจากทุกคน ร้านหนังสือเราจึงได้เจริญรุ่งเรือง ข้าจึงได้ทำเรื่องที่อยากทำได้”
ผู้จัดการร้านหูซับหางตา “ข้าน้อยมิได้ทำอันใด ตอนท่านเจ้าของร้านรับช่วงมา ร้านหนังสือก็ซบเซาใกล้ไม่รอด ล้วนเพราะความสามารถของท่านเจ้าของร้าน”
เดิมเขายังกังวลว่าเจ้าของร้านแต่งงานมีบุตรจะส่งผลกระทบต่อการค้า คาดไม่ถึงว่าตอนนี้เจ้าของร้านยังคงตัวคนเดียว
ผู้จัดการร้านเฒ่าแอบรู้สึกกินปูนร้อนท้อง หรือว่าเมื่อก่อนเขาเอาแต่บ่นว่าไม่อยากให้เจ้าของร้านแต่งงาน จึงได้ถูกเทพเจ้าความรักจดจำเอาไว้
หลิวโจวเอ่ยปากก็มีแต่คำพูดมงคลเป็นชุดๆ จูเสี่ยวเยวี่ยกลับเอ่ยว่า “ควรให้ข้าคารวะเจ้าของร้านถึงจะถูกต้อง หากไม่มีเจ้าของร้าน เกรงว่าข้าก็คง…”
ซินโย่วกระทบจอกสุราในมือจูเสี่ยวเยวี่ยไม่ให้นางเอ่ยต่อ
หนึ่งเดือนกว่าก่อนหน้านี้ เจ้ากรมตรวจสอบเหอขอให้ผู้จัดการร้านหูเป็นเถ้าแก่สู่ขอจูเสี่ยวเยวี่ย พอถึงฤดูใบไม้ผลิอากาศอบอุ่นดอกไม้ผลิบาน ก็จะเป็นเวลาแต่งของทั้งสอง วันเวลาดีๆ อีกมากมายยังรอนางอยู่
“ฟางหมัวมัว ขอให้ท่านสมหวังดังใจหมาย” ในยามนี้ซินโย่วมิได้เอ่ยถึงโค่วชิงชิง
ฟางหมัวมัวน้ำตาไหลริน “ขอบคุณคุณหนู ขอให้คุณหนูสมหวังดังใจหมายเช่นกันเจ้าค่ะ”
“เจ้าแปด ลำบากเจ้าดูแลโรงนาแล้ว”
ตอนนี้เจ้าแปดก็เป็นคนมีตำแหน่งขุนน้ำขุนนางกับเขาแล้ว ต่อหน้าซินโย่วยังคงไม่รู้สงวนกิริยา “ทำงานให้คุณหนู ไม่ลำบากแม้แต่น้อย โอย หากพวกพี่หกอยู่ก็คงดี”
หัวหน้าหกกับเสี่ยวเหลียนยังอยู่ที่กว่างเฉิงไม่กลับ
“ตั้งแต่ข้ามาประจำตำแหน่งในสำนักฮั่นหลินย่วน ก็ได้รับการดูแลจากพี่ฮว่า พี่ฮว่าฝีมือวาดภาพเหนือชั้น เป็นคนมีน้ำใจ โชคดีมากที่ได้ร่วมเป็นสหายขุนนางกับท่าน”
ฮว่าไต้จ้าวรู้สึกอยากร้องไห้ เห็นชัดว่าเขาอาศัยบารมีคุณหนูซิน ไม่ว่าสำนักฮั่นหลินย่วนหรือครอบครัวจึงได้ดีขึ้น
คารวะเสร็จ ซินโย่วก็มองไปทางเฮ่อชิงเซียว
……….
ที่ถูกล็อกด้วยเหรียญระบบจะใช้เหรียญปลดล็อกตอนต่อไปโดยอัตโนมัติ
• เมื่อเหรียญทองหมด สามารถเติมเงินแล้วอ่านต่อได้เลย ไม่สะดุด
• ……….จะเป็นการตั้งค่ารายเรื่อง และปิดโหมด อัตโนมัติเมื่อออกจากหน้าการอ่านนิยายเรื่องนั้น