สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 49 ต้นฉบับ
ตอนที่ 49 ต้นฉบับ
เทียบกับเสี่ยวเหลียนแล้ว ซินโย่วสงบนิ่งกว่ามาก
สองพันตำลึงแม้ว่ามาก แต่เทียบกับสมบัติโค่วชิงชิงแล้วก็เพียงเล็กน้อย ยังห่างจากจำนวนหกส่วนที่นางรับปากเสี่ยวเหลียนอีกยาวไกล
เสี่ยวเหลียนตื่นเต้นไม่นาน ก็กังวลขึ้นมา “สองพันตำลึงไม่น้อย แต่ร้านหนังสือใหญ่เช่นนี้ หากขาดทุนเช่นนี้ต่อไปก็คงยืนหยัดต่อไปได้ไม่นานกระมัง”
“เช่นนั้นก็ต้องพยายามทำกำไร” ซินโย่วตบแขนเสี่ยวเหลียนให้นางอย่างได้กลัดกลุ้มใจ
“เช่นนั้นก็ต้องมีนิยายดี ล้วนต้องตำหนิบัณฑิตยากจนพวกนั้น ตนเองเขียนนิยายดังสุนัขผายลม ยังโพนทะนาไปทั่วว่าร้านหนังสือเราไม่ดี เหตุใดคุณหนูไม่ให้คนไปหยุดเขาไว้เจ้าคะ”
“ก็ไม่มีอันใด เขาพูดไปทั่ว ผู้อื่นก็จะจดจำร้านหนังสือเราได้” ซินโย่วหยิบต้นฉบับออกมาจากช่องผนังรถม้า ส่งให้เสี่ยวเหลียน
“นี่คือ…” เสี่ยวเหลียนรับมาด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น
“เจ้าอ่านดูก่อน”
เสี่ยวเหลียนมองไปที่ชื่อหนังสือก่อน มีเพียงสองตัวอักษร ‘วาดหนัง’
ชื่อประหลาดมาก หมายความว่าอย่างไรกัน
เสี่ยวเหลียนถือหนังสืออ่านอย่างอยากรู้อยากเห็น ไม่นานก็ลืมแม้กระทั่งกะพริบตา
“เสี่ยวเหลียน…”
ถึงร้านหนังสือชิงซง ซินโย่วส่งเสียงเรียกสาวใช้ที่อ่านจนลืมหมดทุกสิ่ง อีกฝ่ายยังคงไม่ได้ยินเสียงเรียก
นางได้แต่ดึงแขนเสื้อเสี่ยวเหลียน “เสี่ยวเหลียน ลงจากรถได้แล้ว”
เสี่ยวเหลียนราวกับตื่นจากฝัน มองซินโย่วด้วยสายตาร้อนแรง น้ำเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น “คุณหนูนิยายเรื่องนี้มาจากที่ไหนกัน”
“สนุกไหม” ซินโย่วเอ่ยถาม
“สนุก! สนุกมาก!” เสี่ยวเหลียนลืมเรื่องลงจากรถไปเสียสนิท “โอ้ โอ้ โอ้ จากนี้เกิดอันใดขึ้น เหตุใดเขียนไม่จบ”
เสี่ยวเหลียนพูดจาไม่เป็นประโยค ทำให้ซินโย่วยิ่งวางใจ
ดูท่านิยายที่นางชอบเรื่องนี้เป็นที่ชื่นชอบจริงๆ
“นิยายมีสองเล่ม ตอนนี้มีแค่เล่มหนึ่ง”
“มีแค่เล่มหนึ่ง?” เสี่ยวเหลียนสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ “แล้วเมื่อไรจะมีเล่มสอง?”
ซินโย่วยิ้มละไม “รอเล่มหนึ่งวางขาย หากขายดี ก็จะออกเล่มสอง”
เสี่ยวเหลียนน้ำตาไหลพราก “เช่นนั้นก็ต้องอีกนานกว่าจะได้รู้ว่าแท้จริงหวางเซิงมองเห็นอันใดจากนอกหน้าต่าง…”
“คนอื่นต้องรอนาน แต่เสี่ยวเหลียนไม่ต้องรอ”
เสี่ยวเหลียนสีหน้างุนงง
ซินโย่วยิ้มกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าเล่มสองเขียนอันใด”
“อา คุณหนูรีบเล่าให้บ่าวฟังนะเจ้าคะ!”
“หวางเซิงแอบมองจากนอกหน้าต่าง พบว่าหญิงสาวงดงามสุดยอดที่เขาช่วยกลับมาเป็นผีร้ายผิวหนังบนใบหน้าสีเขียวมรกต กำลังใช้สีวาดลงบนหนังมนุษย์…”
“หูย…โห…” เสี่ยวเหลียนตั้งใจฟัง อารมณ์คล้อยไปตามเรื่องราวในนิยาย มีอุดปากสะกดเสียงกรีดร้องไว้เป็นบางจังหวะ
พอได้ฟังซินโย่วเล่าเรื่อง ‘วาดหนัง’ จบ เสี่ยวเหลียนก็ยิ่งอึ้งไปเป็นนาน คว้าแขนเสื้อซินโย่วไว้เอ่ยว่า “คุณหนูเรื่องนี้ดึงดูดมาก แม้น่ากลัวอยู่บ้าง แต่เทียบกับปีศาจบุปผา เซียนจิ้งจอกกับนิยายรักๆ ใคร่ๆ ที่บรรดานักเขียนเหล่านั้นเขียนกันแล้ว สนุกกว่ามาก!”
“นิยายเรื่องนี้น่าจะได้รับกระแสตอบรับดีกระมัง”
“แน่นอนเจ้าค่ะ!” เสี่ยวเหลียนหน้าแดงอย่างตื่นเต้น “กระแสตอบรับดีกว่าของท่านผิงอันแน่นอนเจ้าค่ะ!”
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
เสี่ยวเหลียนพลันตั้งสติคืนมาได้ “คุณหนู นิยายเรื่องนี้มาจากที่ใด คงมิใช่คุณหนูเขียนเองกระมัง”
ก้มหน้าลงดูตัวอักษรตวัดไปมา แววตาสาวใช้กระจ่างวาบ “คุณหนูท่านถึงกับเขียนนิยายเป็น!”
ซินโย่วส่ายหน้า “ไม่ใช่ข้าเขียน”
“ไม่ใช่คุณหนู?” เสี่ยวเหลียนนิ่งอึ้งไปทันที “เช่นนั้นคือผู้ใด”
นางอยู่กับคุณหนูตลอด เหตุใดไม่รู้ว่าต้นฉบับนี้มาจากที่ใด!
“คนที่เขียนนิยายนี้ก็คือท่านซงหลิง ข้าฟังนิยายจากท่านซงหลิงมาแต่เล็กจนโต พอเปิดร้านหนังสือ จึงได้นำเรื่องที่ท่านซงหลิงเล่ามาเขียนให้ทุกคนได้อ่านพอดี”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” เสี่ยวเหลียนคิดถามท่านซงหลิงอยู่ที่ใด แต่พอคิดถึงความลึกลับของคุณหนู ก็สะกดกลั้นความสงสัยเอาไว้
ไม่สนใจว่าท่านซงหลิงอยู่ที่ใด อย่างไรนางมีนิยายอ่านก็เพียงพอแล้ว
ซินโย่วกระซิบกำชับเบาๆ “อีกสักครู่ข้าจะมอบต้นฉบับให้ผู้ดูแลร้านหู ถึงตอนนั้น…”
เสี่ยวเหลียนพยักหน้าหงึกๆ
ทั้งสองคนลงจากรถม้า ไม่รีบร้อนกลับเรือนฝั่งตะวันออก ตรงไปยังโถงด้านหน้าร้านหนังสือ
ผู้ดูแลร้านหูกำลังนั่งจ้องตาไปมากับคนงาน ไม่มีงานทำ
เวลาเพียงไม่กี่วัน คนที่มาขายนิยายก็ไม่มีแล้ว ผ่านไปเร็วราวกับความฝัน
“ท่านผู้ดูแลร้าน หรือว่าข้าเอากระสอบไปคลุมหัวฟาดบัณฑิตยาจกนั่นสักตุ้บ”
“อย่าเหลวไหล ท่านเจ้าของร้านย่อมมีวิธี”
“ท่านเจ้าของร้านจะมีวิธีอันใดหรือ ถึงตอนนี้แม้แต่เงานิยายดีๆ ก็ไม่มีให้เห็น”
“ไม่รู้ อย่างไรท่านเจ้าของร้านย่อมมีวิธี ข้าบอกเจ้านะ ท่านเจ้าของร้านไม่ใช่คนธรรมดา”
คนงานสนใจขึ้นมาทันที “ท่านเจ้าของร้านไม่ใช่คนธรรมดาอย่างไร ท่านรีบเล่ามาเร็ว”
“เอ่อ เรื่องนี้พูดไม่ได้”
คนงาน “…” หรือว่าเอากระสอบคลุมผู้ดูแลร้านฟาดสักตุ้บดี
“ท่านเจ้าของร้าน” พอเห็นซินโย่วมา ผู้ดูแลร้านหูก็รีบเข้ามาต้อนรับ
“ผู้ดูแลร้านเข้ามาคุยด้านใน”
พอเข้าไปในห้องข้าง ซินโย่วก็ส่งต้นฉบับให้ “ท่านอ่านดูหน่อย”
“นี่คือ…” ในใจผู้ดูแลร้านหูคาดเดา รับต้นฉบับมาอ่านอย่างอดทนรอไม่ไหว
เวลาผ่านพ้นไปรวดเร็ว ซินโย่วรอคอยอย่างอดทน
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ผู้ดูแลร้านหูก็พลันรู้สึกตัวขึ้นมา มือสั่นเทาเกือบทำต้นฉบับร่วง “ท่านเจ้าของร้าน นี่…นี่ได้มาจากไหนขอรับ!”
“ระหว่างทางกลับจวนรองเจ้ากรมได้พบนักเขียนท่านหนึ่ง เขารู้ว่าข้าก็คือเจ้าของร้านหนังสือชิงซง จึงเอามาให้ข้าอ่านดู ข้ารู้สึกว่านิยายนี้ไม่เลว จึงได้ซื้อไว้ ท่านคิดว่าอย่างไร”
“นิยายเรื่องนี้ต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอย่างแน่นอน!” ผู้ดูแลร้านหูตบโต๊ะอย่างตื่นเต้น
ซินโย่วยิ้ม “ข้าไม่มองพลาดไปก็พอ”
“แต่นิยายนี้ยังเขียนไม่จบ ที่เหลือเล่าขอรับ” ผู้ดูแลร้านหูร้อนใจถามขึ้น
“ท่านผู้นั้นบอกว่าส่วนที่เหลือยังเขียนไม่เสร็จ ไว้เขียนเสร็จจะมาหาข้า”
“ท่านผู้นั้นชื่อแซ่อันใดหรือขอรับ”
“เขาเรียกตนเองว่าท่านซงหลิง”
ผู้ดูแลร้านหูถอนหายใจ “เมืองหลวงถึงกับมีนักเขียนนิยายมีความสามารถเช่นนี้ด้วยหรือ เหตุใดเมื่อก่อนถึงไม่เคยได้ยินชื่อ”
“บางทีอาจเพิ่งจะมาเมืองหลวงกระมัง”
“เหตุใดท่านซงหลิงไม่ตรงมาร้านหนังสือ”
ซินโย่วส่ายหน้า “ท่านซงหลิงไม่อยากให้คนรู้สถานะและรูปลักษณ์เขา ข้ารับรองกับเขาว่าจะไม่เปิดเผยออกไป เขาจึงได้มอบต้นฉบับให้ข้า ผู้ดูแลร้านไม่ต้องคิดมาก ร้านหนังสือมีนิยายดีออกวางขายสำคัญที่สุด”
“ท่านเจ้าของร้านกล่าวได้ถูกต้อง” ผู้ดูแลร้านหูตื่นเต้นอย่างมาก หันหลังกลับแล้วก็พลันชะงัก “ท่านเจ้าของร้าน แล้วหวางเซิงเห็นอะไรจากนอกหน้าต่าง”
‘วาดหนัง’ เล่มหนึ่งหยุดที่หวางเซิงได้ฟังนักพรตบอกว่าเขาถูกไอปีศาจปกคลุม จึงเกิดความสงสัย แอบกลับมาที่ร้านหนังสือลอบมองผ่านหน้าต่าง หยุดอยู่ในตอนที่คนกำลังลุ้นอยู่พอดี
“เช่นนั้นก็ต้องรอท่านซงหลิงเขียนเล่มต่อไปแล้ว จึงจะรู้ได้”
ผู้ดูแลร้านหูได้ยิน ก็ราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางกระหม่อม “แล้วจะนอนหลับได้อย่างไรเล่า!”
ซินโย่ว “…”
เสี่ยวเหลียนแอบตบหน้าอกตนเอง
ยังดี ยังดี นางเป็นสาวใช้ของคุณหนู!
พอคิดว่าผู้ดูแลร้านหูคงค้างคาใจไม่เลิก เสี่ยวเหลียนก็รู้สึกเห็นใจอย่างยิ่ง
ผู้ดูแลร้านหูกลับไม่สนใจอยากรู้เรื่องราวต่อจากนั้น เก็บต้นฉบับใส่หน้าอก ประสานมือให้ซินโย่ว “ข้าน้อยรีบไปโรงพิมพ์ จัดการแม่พิมพ์ก่อน!”
หลิวโจวอยู่ในโถงคนเดียวเกือบจะหลับแล้ว ก็เห็นผู้ดูแลร้านหูเดินตัวปลิวออกจากห้องมุ่งไปทางด้านหลัง
ผู้ดูแลร้านเป็นอันใดกัน เหตุใดเดินตัวปลิวไปแล้ว