สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 51 บงการ
ตอนที่ 51 บงการ
ตอนเฮ่อชิงเซียวมาอีกครั้ง ก็พบว่าบนชั้นหนังสือมีบันทึกการเดินทางเพิ่มขึ้นมาอีกหลายเล่ม
เขาเป็นคนความคิดกระจ่างฉับไว ครุ่นคิดแล้วก็รู้ว่าคุณหนูโค่วแสดงความขอบคุณเขาด้วยหนังสือเหล่านี้
เฮ่อชิงเซียวรับคำขอบคุณนี้ไว้เงียบๆ เอาไว้ค่อยสั่งการลูกน้องให้รีบสืบหาตัวผู้บงการเบื้องหลัง
ยามนี้ตีพิมพ์ ‘บันทึกโบตั๋น’ แล้วเสร็จและนำขึ้นเรียงบนชั้นหนังสือแล้ว
ผู้ดูแลกู่ร้านหนังสือหย่าซินได้ยินก็หัวเราะดัง กล่าวกับคนงานว่า “ไม่ต้องสนใจไปพวกนั้นแล้ว”
ยังคิดว่าเปลี่ยนเจ้าของร้านคนใหม่อาจจะมีโอกาสฟื้นตัวได้อีกครั้ง ที่แท้ก็เสียเวลาเปลืองสมองคิดเสียเปล่า ไม่มีหนังสือใหม่ แล้วยังตีพิมพ์ ‘บันทึกโบตั๋น’ เพิ่ม เขายังอุตส่าห์ตั้งใจจับตาอยู่หลายวัน
หากว่าผู้ดูแลร้านกู่ไม่เห็นร้านหนังสือชิงซงก่อนหน้านี้อยู่ในสายตา ตอนนี้ก็ยิ่งไม่คิดเหลียวมอง
ท่านผิงอันออกนิยายใหม่ ‘เซียนผีเสื้อ’ ขายหมดแล้ว จากนั้นก็กำลังตีพิมพ์เพิ่ม แต่พอตีพิมพ์เสร็จก็ไม่ได้คิดจะวางขายในทันที แผนการจัดการของผู้ดูแลร้านกู่ก็คือรออีกสองสามเดือน ให้ทุกคนมาแย่งกันซื้ออีกครั้ง
ส่วนร้านหนังสือชิงซง ในสายตาผู้ดูแลร้านกู่จะยืนหยัดไปถึงตอนนั้นได้หรือไม่ก็ยังกล่าวได้ยาก
ยามนี้เองร้านหนังสือชิงซงก็ปิดประกาศ เพราะก่อนหน้านี้ประกาศเป็นที่ฮือฮา ยามนี้ไม่นานก็มีคนมามุงอ่านประกาศกัน
“หา ถึงกับซื้อได้แล้ว!”
“อะไรนะ ซื้อได้แล้ว? จ่ายไปห้าร้อยตำลึงจริงหรือ”
“ใช่น่ะสิ ประกาศว่าซื้อต้นฉบับจากท่านซงหลิง”
“ท่านซงหลิง? ไม่เคยได้ยิน”
…
ผู้ดูแลร้านกู่ยืนอยู่หน้าประตูร้านหนังสือหย่าซินเมียงมองแล้วก็แค่นหัวเราะเยาะก่อนจะเดินกลับเข้าร้านหนังสือ
ผู้ดูแลร้านหูไม่ค่อยเข้าใจนัก “ท่านเจ้าของร้าน เหตุใดไม่รอให้หนังสือใหม่ออกวางขายค่อยติดประกาศ ถึงตอนนั้นย่อมมีบรรดาคนในกลุ่มคนเหล่านี้อยากรู้มาซื้อไปอ่านกัน”
“ตั้งแต่ปิดประกาศครั้งแรกไปจึงถึงวางขายหนังสือใหม่ เว้นระยะห่างเกินไป ผู้คนจะคิดสร้างภาพไปเองว่าร้านหนังสือเราพูดแล้วไม่น่าเชื่อถือ ติดประกาศออกไปตอนนี้กำลังพอดี”
“ท่านเจ้าของร้านไตร่ตรองได้รอบคอบยิ่ง”
ข่าวร้านหนังสือชิงซงจ่ายห้าร้อยตำลึงซื้อนิยายจากนักเขียนไร้ชื่อเงียบๆ เป็นข่าวครึกโครมขึ้นอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าคนมากมายเท่าไรที่คิดครอบครองเงินก้อนนี้ ยามนี้ต่างพากันทอดถอนใจเสียดาย บางคนที่อารมณ์ร้อนก็ต่อยบัณฑิตยาจกที่ก่อนหน้านี้เที่ยวโพนทะนาไปทั่วว่าร้านหนังสือชิงซงจ่ายห้าร้อยตำลึงซื้อนิยายว่าเป็นเรื่องหลอกลวง
เพราะเจ้าหมอนั่นทำให้เขาชวดโอกาสคว้าเงินก้อนนี้!
หลิวโจวคนงานของร้านได้ยินก็ดีใจมาบอกผู้ดูแลร้านหู
“สะใจจริง!”
ผู้ดูแลร้านหูลูบเคราท่าทางนิ่งเงียบ “ก็บอกแล้วว่าท่านเจ้าของร้านไม่ใช่คนธรรมดา ก่อนหน้านี้ไม่ให้พวกเราไปสนใจบัณฑิตยาจกนั่น ก็เพราะจะมีผลเช่นวันนี้อย่างไรเล่า”
ต้วนอวิ๋นหลางที่กำลังเรียนอยู่ในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนได้ยินสหายร่วมชั้นเรียนเล่าถึงเรื่องนี้ ปฏิกิริยาแรกก็คือนึกเป็นห่วง
น้องชิงถึงกับจ่ายห้าร้อยตำลึงซื้อนิยาย การค้าร้านหนังสือไม่ดี ใช้สองพันตำลึงนั่นใกล้จะหมดแล้วหรือไม่
ต้วนอวิ๋นหลางคิดแล้วก็ไม่วางใจ ถือโอกาสแวบออกไปตอนพักกลางวัน
“พี่รองไม่ได้กำลังเรียนอยู่หรือ” ซินโย่วเห็นต้วนอวิ๋นหลางก็ถามขึ้น
“พักกลางวันอยู่ น้องชิง เจ้าจ่ายห้าร้อยตำลึงซื้อนิยายจริงหรือ”
“อืม”
“นักเขียนนิยายดีๆ ในเมืองหลวงข้าล้วนรู้จัก ไม่เคยได้ยินชื่อท่านซงหลิงมาก่อน น้องชิง เจ้าอย่าได้ถูกหลอกนะ”
“พี่รองวางใจ เป็นนิยายดีเล่มหนึ่ง คุ้มค่าราคานี้เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ได้ แล้วเงินน้องชิงใช้ใกล้หมดแล้วหรือยัง”
ซินโย่วเอ่ยตามตรง “ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น มีแต่รายจ่ายมากกว่ารายรับจริงๆ”
“ข้าก็ว่า จะวันที่หนึ่งอีกแล้วไม่ใช่หรือ รอไว้กลับไปเจ้าก็ไปขอเงินท่านย่าอีกสิ”
ซินโย่วอดยิ้มไม่ได้ “พี่รองก็พูดง่าย เพิ่งได้มาสองพันตำลึง ท่านยายคงไม่ให้อีกแล้ว”
ต้วนอวิ๋นหลางฉีกยิ้มกล่าวว่า “ข้าช่วยเจ้าเอง น้องชิงมองออกกระมัง ท่านย่ารักหน้าตาต่อหน้าพวกหลานๆ ถึงตอนนั้นพวกเราร่วมมือกัน ไม่หวังมากมาย แต่พันตำลึงก็น่าจะได้”
“เอาเถอะ หากเอาแต่เงิน ท่านยายจะรู้สึกว่าข้าไม่รู้ความ” ซินโย่วปฏิเสธข้อเสนอต้วนอวิ๋นหลาง
หากเรียกเอาแค่พันสองพันตำลึงนี้ ขอจนแก่เฒ่าเกรงว่าก็คงขอกลับคืนมาไม่หมด นางรอไปก่อนดีกว่า ถึงตอนนั้นเอาคืนมาก้อนโตทีเดียว
“เดิมก็เป็นเงินของเจ้า แต่น้องชิงก็ยังมิได้ออกเรือน ท่านย่าไม่วางใจมอบให้เจ้าจัดการก็เป็นเรื่องธรรมดา”
“พี่รองกล่าวได้ถูกต้อง” ซินโย่วมองความคิดบริสุทธิ์ใจของต้วนอวิ๋นหลางออก ย่อมไม่เอ่ยอันใดมาก “พี่รองรีบกลับไปเรียนหนังสือเถิด”
“ได้ เช่นนั้นข้าก็กลับสำนักศึกษาละ” ต้วนอวิ๋นหลางจะเดินออกไปก็เห็นเฮ่อชิงเซียวเดินเข้ามา
“ใต้เท้าเฮ่อ” ซินโย่วส่งเสียงทัก
เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าตอบรับ เดินไปที่ชั้นหนังสือ เด็กหนุ่มด้านหลังส่งเสียงดังกังวาน “น้องชิง ออกมาส่งข้าหน่อยสิ”
ซินโย่วเห็นต้วนอวิ๋นหลางขยิบตา ก็เข้าใจว่ามีความนัย เดินออกไปส่งเขา
ต้วนอวิ๋นหลางรีบขยิบตาใส่หน้าประตูร้านหนังสือ เอ่ยน้ำเสียงเบายิ่งว่า “ใต้เท้าเฮ่อผู้นั้น น้องชิงอย่าได้เข้าใกล้เขา”
“เหตุใดหรือ”
“เขาเป็นคนกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ล่วงเกินไม่ได้ ชื่อเสียงยังไม่ดี”
ซินโย่วเดิมคิดจะเออออให้ผ่านไป แต่กลับไม่ได้ทำเช่นนั้น “แต่ตอนม้าข้าตื่น ใต้เท้าเฮ่อช่วยเอาไว้”
ต้วนอวิ๋นหลางตกใจ “คนที่ช่วยน้องชิงถึงกับเป็นใต้เท้าเฮ่อหรือ เหตุใดไม่เห็นคนที่จวนเอ่ยถึง”
ซินโย่วกระดกริมฝีปากคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “น่าจะเพราะใต้เท้าเฮ่อเป็นคนกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ไปล่วงเกินไม่ได้ ชื่อเสียงยังไม่ดีกระมัง”
ต้วนอวิ๋นหลางจะเชื่องช้าอย่างไรก็ตั้งสติได้ทัน “น้องชิง เจ้ายังเคืองจวนตระกูลต้วนเราใช่หรือไม่”
“พี่รองคิดมากไปแล้ว รีบกลับไปเรียนหนังสือเถอะ ระวังปีนี้สอบตก”
เอ่ยถึงการเรียน ต้วนอวิ๋นหลางก็พลันลืมเรื่องอื่นไปหมดสิ้น เดินออกไปด้วยสีหน้าจืดเจื่อน
ซินโย่วกลับถึงร้านหนังสือ เตรียมจะไปเรือนฝั่งตะวันออก ก็ถูกเฮ่อชิงเซียวเรียกไว้
“หลายวันก่อนที่ได้คุยกับคุณหนูโค่ว มีเบาะแสแล้ว”
ซินโย่วเชิญเฮ่อชิงเซียวไปคุยที่ห้องข้างๆ อีกครั้ง
“สืบตัวคนบงการหลี่ลี่ได้แล้ว?”
เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าเงียบไปครู่หนึ่งให้ซินโย่วเตรียมตัวรับฟัง เอ่ยชื่อคนที่คาดไม่ถึงแม้แต่น้อย “เป็นหลานสาวจากตระกูลเฉียวไท่ไท เฉียวรั่วจู๋”
ซินโย่วตกใจแท้จริง เคยได้ยินชื่อคุณหนูเฉียวท่านนี้จากปากเสี่ยวเหลียน ถึงกับเป็นผู้บงการหลี่ลี่ให้วางเพลิง เหนือความคาดหมายจริง
“คนซื้อตัวหลี่ลี่ก็คือสาวใช้ของเฉียวรั่วจู๋ เพราะแต่งกายเป็นชายทำให้การสืบหาตัวเป็นไปยากอย่างยิ่ง”
“ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณหนูเฉียวมานานแล้ว นางทำเช่นนี้เพราะต้องการแก้แค้นให้ท่านอานางหรือเจ้าคะ”
เฮ่อชิงเซียวเอ่ยตามตรง “เทียบกับการแก้แค้นให้ท่านอานางแล้ว ข้ารู้สึกว่าอีกฝ่ายมีเป้าหมายให้ร้านหนังสือคุณหนูโค่วปิดตัว ความจริงตอนที่คุณหนูโค่วไม่รู้ตัว เฉียวรั่วจู๋ก็เคยแวะเวียนมาแถวร้านหนังสือชิงซงหลายครั้งแล้ว”
และเพราะเช่นนี้ จึงได้ตกอยู่ในเป้าสายตาของกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ไม่เช่นนั้นกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็มิใช่เทพเซียน ขณะที่หลี่ลี่ไม่อาจบอกกล่าวถึงสถานะของอีกฝ่ายได้กระจ่าง คิดหาตัวคนผู้นี้ไหนเลยจะง่ายดายเพียงนั้น
“ข้าประมาทเกินไป ไม่ทันได้ระวัง” ซินโย่วสีหน้านิ่งสงบ “ใต้เท้าเฮ่อ คุณหนูเฉียวรู้ว่าตนเองถูกสืบจนพบตัวแล้วหรือยังเจ้าคะ”
“เพราะเป็นคุณหนูท่านหนึ่ง ตอนสืบพบก็มิได้ทำให้นางรู้ตัว เพียงแค่ให้คนที่เกี่ยวข้องประทับลายนิ้วมือบนคำให้การ จากนี้จะอย่างไรต่อไป กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินไม่สะดวกเข้าแทรกแซง คุณหนูโค่วพิจารณาต่อด้วยตนเองดีกว่า”
เฮ่อชิงเซียวพูดพลางส่งคำให้การให้ซินโย่ว