สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 70 เปิดเผย
ตอนที่ 70 เปิดเผย
เทียบกับความครึกครื้นบนถนนที่ร้านหนังสือชิงซงตั้งอยู่ ถนนสายนี้เงียบเหงาอยู่สักหน่อย ซินโย่วรีบพุ่งทะยานไปยังอีกตรอกหนึ่ง เลี้ยวไปเจ็ดแปดเลี้ยว ก็พิงกำแพงเย็นเยียบหอบหายใจเล็กน้อย
นับว่าสลัดหลุดแล้ว
หน้าไม้ในแขนเสื้อยังคงรัดแน่นอยู่บนท่อนแขนนาง เตือนให้นางรู้ว่าเมื่อครู่นางล้มเหลว
ซินโย่วมองไปยังปากตรอก หัวเราะเยาะตนเองทีหนึ่ง
ปฏิกิริยาเฮ่อชิงเซียวว่องไวกว่าที่นางคาดไว้มากนัก เกรงว่าพอได้ยินเสียงอาวุธแหวกอากาศมาปฏิกิริยาร่างกายก็หลบทันที
เพราะนางประมาทเกินไป ผู้ที่หลบภัยพ้นมาได้หลายครา ปฏิกิริยาความเร็วของเขาย่อมเหนือกว่าคนฝีมือทัดเทียมกัน
หรือว่าได้แต่ต้องสังหารอีกฝ่ายยามไม่ตั้งตัวระยะประชิด
แต่หากเป็นเช่นนั้น นางก็ยากจะหลบหนีได้
ซินโย่วครุ่นคิดอยู่นี้ กำลังร่างกายก็ฟื้นคืน มองไปยังสุดตรอก
นี่คือชุมชนตรอกปิด กำแพงโดยรอบน่าจะเป็นบ้านเรือนผู้คน
ซินโย่วล้มเลิกความคิดปีนกำแพงข้ามไป หันหลังเดินกลับไปตามทางเดิม
ตรอกยาวลึกมืดยิ่งกว่าบนท้องถนนใหญ่ ตอนใกล้ถึงปากตรอก ซินโย่วสูดลมหายใจเบาๆ ก้าวออกจากเงามืด
มือหนึ่งยื่นออกมาคว้านางไว้
ปฏิกิริยาซินโย่วเองก็ว่องไว หันหลังวิ่งหนีทันที แต่เมื่อเผชิญหน้ากับกำแพง นางก็ไร้หนทางหลบหนี
คนที่ตามมาด้านหลังอยู่ในชุดแดง คล้ายว่าเป็นหนึ่งเดียวกับยามค่ำคืน
ซินโย่วกัดฟันชักมีดสั้นแทงใส่
เฮ่อชิงเซียวเอี้ยวตัวหลบ จู่โจมใส่ซินโย่วด้วยกระบวนท่ารุนแรง
ระยะเวลาเพียงสั้น ๆ ทั้งสองคนก็ประมือกันไปหลายกระบวนท่า ทุกกระบวนท่าของซินโย่วมุ่งหมายเอาชีวิตเฮ่อชิงเซียว แต่กลับรับรู้ได้ว่าหากนานเกินไปนางจะตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
น้าหลันที่สอนวิชาการต่อสู้ให้นางเคยเอ่ยหลายครั้งแล้วว่า นอกจากพรสวรรค์ กำลังกายผู้หญิงเกิดมาก็สู้ผู้ชายไม่ได้ โดยเฉพาะเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ฝีมือทัดเทียมกัน จึงควรพยายามหลบเลี่ยงการปะทะโดยตรง และให้ใช้ความว่องไวเอาชนะ
แต่ตอนนี้นางหลบไม่พ้น ได้แต่…
จังหวะที่ยกมือขึ้น กลไกของกำไลมือก็ถูกแตะ ผงศิลาสาดใส่ใบหน้าเฮ่อชิงเซียว
จังหวะเฮ่อชิงเซียวหลับตา ซินโย่วรีบวิ่งหนี วิ่งรวดเดียวออกจากตรอกชุมชนกลับเรือนตะวันออกร้านหนังสือ จึงได้นึกถึงตอนสาดผงศิลา
ในเมื่อสู้ไม่ได้และไม่มีโอกาสหนี ก็ได้แต่หน้าไม่อายแล้ว
ซินโย่วทิ้งข้อความให้เสี่ยวเหลียนรอเปิดประตูให้นาง เสี่ยวเหลียนได้ยินเสียงเคาะประตูก็ดึงประตูออก สีหน้าตื่นตกใจทันที “เจ้า…”
ซินโย่วรีบอุดปากเสี่ยวเหลียนกระซิบว่า “ข้าเอง”
ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ท่าทางตกใจหวาดกลัวของเสี่ยวเหลียนก็ผ่อนลงด้วยสัญชาตญาณ แววตาแทบไม่อยากจะเชื่อ
เหตุใดน้ำเสียงของเจ้านักเลงหัวไม้นี่เหมือนกับคุณหนู!
“เงียบก่อน ข้าปลอมตัวมา”
เสี่ยวเหลียนถอนหายใจเฮือก เดินเข้าไปพร้อมกับซินโย่ว สะกดกลั้นความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว “คุณหนู เหตุใดแต่งกายเป็นชายได้เหมือนเพียงนี้!”
สาวงามแต่งการเป็นชายในนิยาย ก็แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าและทรงผม แต่คุณหนูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
มองดูให้ดีอีกที โครงหน้าความจริงยังคงเหมือนเดิม แต่ทำให้คนรู้สึกไม่เหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิง
“อีกสักครู่ค่อยคุยกัน”
พอถอดชุดล้างหน้าแล้ว ซินโย่วก็กลับคืนสภาพดังเดิม
เสี่ยวเหลียนมองดูตั้งแต่ต้นจนจบ ตาแทบถลนหลุดออกมาให้เก็บขึ้นหลายรอบ
“อย่าได้เอ่ยเรื่องนี้กับผู้ใด” พอได้ดื่มน้ำไปแก้วหนึ่ง เรี่ยวแรงแทบหมดสิ้นก็รู้สึกมีกำลังขึ้นมาบ้าง ซินโย่วกำชับเบาๆ
“บ่าวรู้ วิชาแปลงโฉมของคุณหนูหรือ”
ซินโย่วเห็นแววตาส่องประกายวาวของเสี่ยวเหลียน ก็อดยิ้มไม่ได้ กล่าวว่า “ก็ไม่เชิง วิชาแปลงโฉมทำให้คนคนหนึ่งมีใบหน้าเป็นพันแบบได้ ข้าก็เพียงแค่อาศัยการเสริมแต่งตามลักษณะเด่นตนเอง เท่านั้น”
“อย่างไรก็ยังร้ายกาจอยู่ดีเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหลียนมองออกว่าซินโย่วเหนื่อยล้า เอ่ยถามอย่างรู้ใจ “คุณหนูต้องการแช่น้ำร้อน?”
ซินโย่วพยักหน้า หลังจากได้แช่น้ำไอร้อนลอยกรุ่นในถังไม้แล้ว สีหน้าก็ดีขึ้นมาก
เสี่ยวเหลียนยกอาหารรสอ่อนที่ตั้งใจเก็บไว้ให้เข้ามา
เสื้อผ้าสะอาด อาหารถูกปาก อารมณ์ซินโย่วก็สงบลง
เกรงว่าเรื่องเอาชีวิตเฮ่อชิงเซียวคงต้องวางแผนอีกยาว
นางนั่งปล่อยผมส่องอยู่หน้ากระจก ค่อยๆ มองคนในกระจ่างอย่างสำรวจเงียบๆ
เรียวตายาวดำขลับ จมูกงามล้ำ โครงหน้าเรียวงาม มองไม่ออกว่าเป็นเด็กหนุ่มใบหน้ากระจ่าง
แม้เฮ่อชิงเซียวสงสัยนาง ก็คงไม่คิดถึงว่านางก็คือคนที่ประมือกับเขาในตรอกนั้นกระมัง
อดทนไว้ ค่อยเป็นค่อยไป
ซินโย่วหลับตาแล้วก็ลืมตาขึ้น ในแววตากลับคืนสู่ความสงบนิ่งดังเดิม
เช้าวันต่อมา นางก็ไปที่โถงหน้าร้านตามปกติ
หลิวโจวกับสือโถวสองคนงานเพิ่งเปิดประตูร้านหนังสือได้ไม่นาน คนหนึ่งกวาดพื้นอยู่ด้านนอก คนหนึ่งเช็ดโต๊ะเก็บเงิน
ซินโย่วเดินไปหยุดอยู่ระหว่างชั้นที่วางหนังสือไว้เต็มแน่น ได้กลิ่นหมึกหอมอ่อนๆ รอบกาย รู้สึกดีใจที่ตัดสินใจซื้อร้านหนังสือไว้ในตอนนั้น
“ใต้เท้าเฮ่อ อรุณสวัสดิ์ขอรับ” เสียงหลิวโจวเอ่ยต้อนรับอย่างกระตือรือร้นดังแว่วมา
จากนั้นก็ได้ยินเสียงตอบรับนุ่มนวลของผู้ชายดังขึ้น “อรุณสวัสดิ์”
มือซินโย่วจับชั้นหนังสือไว้พลางขมวดคิ้ว
ตั้งแต่นางรับช่วงต่อร้านหนังสือมา เฮ่อชิงเซียวก็มักจะมาทุกสองสาม เมื่อวานเขามาแล้ว วันนี้กลับมาอีกแล้ว
แม้ว่าซินโย่วรู้สึกอีกฝ่ายน่าจะจำไม่ได้ว่านางก็คือคนที่ประมือกับเขาเมื่อวานนี้ แต่ในใจก็เริ่มระวังตัวขึ้นมาทันที
เฮ่อชิงเซียวเดินเข้ามา เห็นซินโย่วยืนอยู่ข้างชั้นหนังสือ
“ใต้เท้าเฮ่ออรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ” ซินโย่วแย้มยิ้ม เผยรอยยิ้มกระจ่างตา
เฮ่อชิงเซียวชะงักฝีเท้า ก่อนจะเดินมาหาทันที
“คุณหนูโค่ว มาร้านหนังสือแต่เช้า”
“ร้านหนังสือตนเอง ข้าย่อมต้องเอาใจใส่เจ้าคะ” ซินโย่วกล่าวไปก็รู้สึกอึดอัดไป
เฮ่อชิงเซียวเข้าใกล้นางมากเกินไปแล้ว
ไม่เอ่ยถึงเรื่องอื่น แค่เพียงตั้งแต่ได้รู้จักสนทนากับเฮ่อชิงเซียวมา เขาก็รู้จักธรรมเนียม ไม่มีท่าทางดูแคลนเพราะสถานะสูงส่งกว่า และไม่ได้มีวาจาหรือพฤติกรรมล่วงเกิน
ซินโย่วเพิ่งคิดเช่นนี้ เฮ่อชิงเซียวก็พลันเอี้ยวตัวเข้ามากระซิบข้างใบหูนาง
ซินโย่วผงะถอยหลัง เกือบลงมือเผยความจริงที่นางเป็นวิทยายุทธ์ไม่ได้
“ใต้เท้าเฮ่อ?” นางระงับโทสะเผยสีหน้าสงสัย
เฮ่อชิงเซียวมองสาวน้อยท่าทางเกร็งเครียดตรงหน้าเป็นนานไม่เอ่ยอันใด จนกระทั่งบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนอึดอัดขึ้นมาอย่างรู้สึกได้ จึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ในตรอกเมื่อคืน คือคุณหนูโค่วกระมัง”
ม่านตาซินโย่วหดเกร็ง สีหน้าแปรเปลี่ยน
นางคิดปฏิเสธด้วยสัญชาตญาณ แต่พอสบตาดวงตาคู่นั้นที่ราวกับมองทะลุทุกสิ่งได้ ก็กลืนคำพูดลงท้องไป
ถึงขั้นนี้แล้ว หากนางยังไม่ยอมรับอีกก็ถือว่าหลู่เกียรติตนเองแล้ว
ซินโย่วหลุบตาลง น้ำเสียงเย็นเยียบ “ใต้เท้าเฮ่อมาจับข้าดำเนินคดีหรือเจ้าคะ”
“ข้ามาเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเมื่อวานเด็กหนุ่มที่คิดเอาชีวิตข้าเป็นคนเดียวกับคุณหนูโค่วหรือไม่”
ซินโย่วเหลือบตาขึ้นมองเขา ถามความสงสัยในใจออกมา “ใต้เท้าเฮ่อจำได้อย่างไร”
“กลิ่น” เฮ่อชิงเซียวไม่อ้อมค้อม “ตอนข้าประมือกับเด็กหนุ่มผู้นั้นได้กลิ่นที่คุ้นเคย ต่อมานึกได้ว่าคล้ายกับกลิ่นประจำตัวของคุณหนูโค่ว”
ซินโย่วพลันเข้าใจสาเหตุที่เฮ่อชิงเซียวเพิ่งจะเข้าใกล้นางกะทันหันขึ้นมาทันที
ถึงกับถูกค้นพบเพราะกลิ่นประจำตัว
ซินโย่วรู้สึกหงุดหงิดไม่อาจยอมรับได้
คนผู้นี้จมูกสุนัขหรือ
“ข้ามีคำถามหนึ่ง หวังว่าคุณหนูโค่วจะไขข้อข้องใจให้ข้าได้”
ซินโย่วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า “ใต้เท้าเฮ่อคิดถามว่าเหตุใดข้าลงมือสังหารท่าน?”
เฮ่อชิงเซียวพยักหน้า “คุณหนูโค่วบอกสาเหตุข้าได้หรือไม่”