สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 81 ซู่ซู่
ตอนที่ 81 ซู่ซู่
ห้องตะวันออกเหลือเพียงซินโย่วกับมารดาโจวหนิงเยวี่ยสองคน
ซินโย่วถูจอกชาอุ่นไปมา นิ่งอดทนรอมารดาโจวหนิงเยวี่ยเอ่ยปาก
มารดาโจวหนิงเยวี่ยมองสาวน้อยตรงหน้าอย่างสงสัย เห็นอยู่ว่าอายุใกล้เคียงกับบุตรสาวนาง แต่กลับนิ่งสุขุมได้เช่นนี้ ไม่แน่ใจว่าวันหน้าหากเยวี่ยเอ๋อร์ไม่มีนางคอยปกป้อง จะอยู่ดีมีสุขได้เหมือนคุณหนูโค่วหรือไม่
คิดถึงปัญหานี้ ในใจมารดาโจวหนิงเยวี่ยก็เจ็บปวดราวกับเข็มทิ่มแทง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด เสียงอ่อนแรงของมารดาโจวหนิงเยวี่ยก็ดังขึ้น “ข้าแซ่เหมียว ชื่อว่าซู่ซู่”
นางไม่ได้เอ่ยเล่าถึงสาเหตุที่มีปากเสียงกับสามีทันที แต่กลับเอ่ยถึงชื่อตนเอง จากนั้นก็มองซินโย่ว อย่างคาดหวัง
ซินโย่วไม่รู้ว่าเหตุใดจึงได้เข้าใจมารดาโจวหนิงเยวี่ย ไม่สิ ความคาดหวังของเหมียวซู่ซู่ ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ชื่อของท่านป้าไพเราะจริงเจ้าค่ะ”
เหมียวซู่ซู่ยิ้มเอ่ยว่า “ใช่ ชื่อนี้ไพเราะมาก คุณหนูโค่วเคยได้ยินข่าวเรื่องฮองเฮาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันหรือไม่”
ในใจซินโย่วขมวดขึ้งพลางส่ายหน้า “ไม่เคยได้ยินเจ้าค่ะ”
เหมียวซู่ซู่ยิ้มเฝื่อน “ก็ใช่ ก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว ชาวบ้านก็ค่อยๆ ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์กันแล้ว พวกเจ้าเด็กน้อยย่อมได้ยินเรื่องราวของฮองเฮาซินน้อยมาก ชื่อ ‘ซู่ซู่’ นี้ เป็นชื่อที่ฮองเฮาซินประทานให้ข้า”
ซินโย่วสีหน้าตกใจ “ชื่อท่านป้าเป็นชื่อฮองเฮาประทานให้หรือเจ้าคะ”
เหมียวซู่ซู่พยักหน้า ตกเข้าสู่ภวังค์ความคิด
“เป็นเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อน ตอนข้ายังเป็นนางกำนัล ตอนนั้นทุกคนในวังล้วนตื่นตระหนก กลัวกองทัพเข้าโจมตีเมืองหลวง และแล้ววันนั้นก็มาถึง ประตูวังจวนจะแตก ฮ่องเต้รับสั่งให้สังหารวังหลังทั้งหมดทิ้ง บรรดาสนมนางในที่ชุดเสื้อผ้าอาภรณ์งดงามล้วนล้มกองเกลื่อนพื้น นางกำนัลเช่นข้าวิ่งหนีไปรอบทิศ ล้วนถูกคนสังหารทิ้งได้ทุกเมื่อ มีทั้งคนรู้จักและไม่รู้จัก…”
ยามเล่าไปสีหน้าเหมียวซู่ซู่ก็ซีดเผือดไป “ตอนข้าเกือบถูกล่าตัวได้ ก็เห็นกองทัพหนึ่งมาถึง ในกองทัพนั้นถึงกับมีทหารหญิง ข้าจึงได้รอดชีวิตมาได้ ต่อมารู้ว่ากองทัพที่บุกเข้าวังหลวงวันนั้นก็คือทหารของฮองเฮาซิน…”
เหมียวซู่ซู่เผยรอยยิ้มมุมปาก “ตอนนั้นข้าจึงได้รู้ว่า ที่แท้ผู้หญิงก็มีความสามารถเช่นกัน ราชวงศ์ใหม่ตั้งขึ้นได้ไม่นาน ฮองเฮาซินขอพระราชานุญาตจากฮ่องเต้พระองค์ใหม่ให้ปล่อยชาววังหลังราชวงศ์เก่าออกจากวัง ยังพระราชทานเงินให้พวกเราไว้ดำรงชีวิตหลังออกจากวัง ข้าไม่รู้เอาความกล้ามาจากไหน ขอให้ฮองเฮาซิน ประทานชื่อให้ข้า ข้าคิดว่าข้าก้าวออกจากวังก็จะได้เริ่มชีวิตใหม่ ก็ควรมีชื่อใหม่”
เอ่ยถึงตรงนี้ นางลืมตาเล็กน้อย คล้ายว่าสตรีราวกับเทพธิดาผู้นั้นอยู่ตรงหน้า
“ฮองเฮาซินมองข้าแล้วบอกว่า จิตใจข้าวางลงแล้ว ดังสายน้ำสงบนิ่ง[1] ก็ให้ชื่อซู่ซู่แล้วกัน เพราะราชวงศ์ใหม่ประกาศนโยบายเปิดกว้างต่อสตรีมากขึ้น แม้ว่าไม่มีบิดามารดา ข้าออกจากวังมาก็ยังพึ่งพาตนเองมีชีวิตที่ไม่เลวได้ ต่อมาข้าได้แต่งงานโจวทงโดยผ่านการแนะนำ…”
เหมียวซู่ซู่เล่าถึงการแต่งงานของนางกับโจวทง ซินโย่วฟังเงียบๆ
“ตอนปีแรกๆ โจวทงรับหน้าที่อยู่เมืองหลวง เขาเขียนจดหมายกลับไปให้ข้าพาเยวี่ยเอ๋อร์เข้าเมืองหลวงมาอยู่ด้วยกัน ข้าจึงได้กลับเมืองหลวงอีกครั้ง ข้าดีใจมาก ผู้ใดจะรู้ว่าระหว่างทางมาเมืองหลวง เยวี่ยเอ๋อร์เกิดเหตุขาหัก หาผู้ใดช่วยเหลือก็ไม่มี ต่อมาได้พบกับผู้มีน้ำใจผู้หนึ่ง ข้ารู้สึกคุ้นหน้านางมาก ตอนเร่งเดินทางต่อ พลันนึกได้ว่าผู้มีน้ำใจผู้นั้นคล้ายฮองเฮาซินมา พอได้พบกับโจวทง ข้าจึงได้บอกเขาไป…”
ใบหน้าขาวซีดของเหมียวซู่ซู่ที่รู้สึกผิดและโมโห “ข้าคิดมาตลอดว่าผู้มีน้ำใจผู้นั้นใช่ฮองเฮาซินหรือไม่ ข้าถามโจวทงหลายครั้ง จนครั้งหนึ่งเขาดื่มเมากลับมา ก่อนนอนคุยกับข้า ข้าไล่จี้ถามเขาจนถึงที่สุด เขาจึงได้โมโหบอกว่าฮองเฮาซินตายไปแล้ว ข้าอย่าได้เอาแต่ถามไม่จบไม่สิ้นเสียที แค็กๆ…”
เหมียวซู่ซู่ไอสองที ดวงตาแดงก่ำ “เขาบอกว่าที่แท้ท่านผู้นั้นโกรธแค้นฮองเฮาซินที่จากไปไม่เอ่ยคำลามาตลอด คิดว่าฮองเฮาซินทำลายเกียรติฮ่องเต้ ดังนั้นพอมีข่าวฮองเฮาซินก็ส่งคนไปตรวจสอบ พอแน่ใจสถานะแล้วก็สังหารทันที…”
ซินโย่วกำหมัดแน่น น้ำเสียงนิ่งเรียบ “ในเมื่อโจวทงไม่มีทางเลือกอื่น เหตุใดพวกท่านสองสามีภรรยาจึงได้มีปากเสียงกันอีก?”
“เพราะข้าพบว่าคล้ายถูกเขาหลอกเข้าแล้ว”
“ถูกหลอก?” ซินโย่วอึ้งไป
แววตาคุกรุ่นไปด้วยโทสะของเหมียวซู่ซู่ยิ่งรุนแรงขึ้น “ข้าได้พบตั๋วแลกเงินปึกหนึ่งและจดหมายฉบับหนึ่งในห้องหนังสือโดยบังเอิญ ในจดหมายยืนยันข่าวที่เขาส่งมา แม้ว่าไม่ได้เอ่ยชัดเจน แต่ข้ารู้ว่าต้องเป็นเรื่องฮองเฮาซิน ข้าจึงเกิดความสงสัย หากเป็นดังที่เขาพูดจริงว่าเขาเพียงแค่รายงานข่าวต่อเบื้องบน ต่อมาทุกอย่างล้วนเป็นการตัดสินใจของเบื้องบน เหตุใดยังให้เงินนายกองร้อยเล็กๆ เช่นเขามากมายเช่นนี้ แม้ข้าเป็นเพียงสตรีธรรมดา ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผล…”
ซินโย่วได้ยินดังนี้ ในสมองก็พลันมีภาพคนผู้หนึ่งผุดขึ้นมา
คนผู้นั้นมักสวมชุดแดง ยืนอ่านหนังสือเงียบๆ อยู่ข้างชั้นหนังสือยามเย็น
หรือว่าโจวทงบอกข่าวมารดานางกับผู้อื่น
แต่เหตุใดตอนนั้นเฮ่อชิงเซียวไปหว่านหยาง
นางโกรธเกลียดผิดคนหรือ
เหมียวซู่ซู่ไออีกสองที มุมปากมีรอยยิ้มรันทดใจ “เพราะเงินกับจดหมายนั่น ข้าทนไม่ไหวไปถามความเอาเรื่องเขา ถามว่าเขาโกหกมาตั้งแต่ต้นใช่หรือไม่ เขาไม่ได้รายงานข่าวฮองเฮาซินต่อเบื้องบน แต่ขายข่าวให้คนที่คิดทำร้ายฮองเฮาซิน เขาอับอายกลายเป็นโมโหเข้ามาบีบคอข้าอย่างคลุ้มคลั่ง พอข้าตั้งสติได้ มีดสั้นก็แทงเข้าที่หน้าท้องเขาไปแล้ว จากนั้นก็เป็นดังที่คุณหนูโค่วเห็น”
เปลือกตาซินโย่วสั่นเล็กน้อย ถามอีกคำว่า “เช่นนั้นเขาได้พูดหรือไม่ว่าบอกข่าวนี้กับผู้ใด”
ในห้องเงียบไปเป็นนาน เหมียวซู่ซู่ถามขึ้นว่า “เหตุใดคุณหนูโค่วจึงได้สนใจเรื่องนี้”
ซินโย่วสบตากับนางเปิดเผย “ท่านน้าสำนึกเสียใจและโกรธแค้นเพราะการตายของฮองเฮาซิน ความรักผูกพันสามีภรรยาก็ควรจบลงเช่นตอนนี้ หรือว่าไม่คิดจะให้ผู้บงการเบื้องหลังต้องได้รับผลกรรมบ้าง”
เหมียวซู่ซู่กัดริมฝีปาก “ข้าย่อมคิด แต่ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดคุณหนูโค่วต้องติดตามเรื่องนี้ คุณหนูโค่ว เพียงแค่อยากรู้เท่านั้นจริงหรือ หรือว่า…ท่านมีความเกี่ยวข้องกับฮองเฮาซินที่ผู้อื่นไม่รู้”
ซินโย่วนิ่งเงียบไปเป็นนาน ในที่สุดพยักหน้า “ข้ากับฮองเฮาซินมีความเกี่ยวข้องกันจริง แต่ข้าไม่อาจบอกได้เจ้าค่ะ”
เหมียวซู่ซู่จ้องมองซินโย่ว พยายามฝืนยิ้ม “คุณหนูโค่วกล่าวเช่นนี้ ข้ากลับวางใจ ตอนโจวทงลงมือกับข้า บอกว่าฮองเฮาซินโง่เง่ายอมสละตำแหน่งฮองเฮา คนที่คิดให้นางตายมีมากมาย เขานำข่าวไปขายให้กู้ชางป๋อแลกเงินมาได้ก้อนโต มิใช่เพื่อให้เราสองคนแม่ลูกกินดีอยู่ดีหรือ…”
นางคิดขึ้นมาแล้วก็นึกได้ว่าเพราะได้ยินคำพูดนี้ ทำให้ความอดทนของนางขาดผึง พละกำลังน่าตกใจทั้งหมดปะทุขึ้นมาแทงชายชั่วร้ายนั่นตาย
“กู้ชางป๋อ…” ซินโย่วพึมพำท่องสามคำนี้ไว้
เหมียวซู่ซู่เอ่ยต่อ “เขาเป็นพี่ชายพระสนมซูเฟย ท่านลุงขององค์ชายรองชิ่งอ๋อง”
เพราะเคยเป็นนางกำนัลในวังมาก่อน ทำให้นางประสบเรื่องใดก็จะสังเกตบุคคลใหญ่โตที่บรรดาชาวบ้านทั่วไปไม่ทันสังเกตด้วยสัญชาตญาณ
“คุณหนูโค่ว ข้าอยากขอร้องท่านเรื่องหนึ่ง”
“ท่านน้า ท่านว่ามาเถิด”
“เกรงว่าคงปิดบังสถานะข้าต่อไปไม่ได้แล้ว เยวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้ฉลาดมีไหวพริบเหมือนคุณหนูโค่ว นางไม่มีบิดา อีกไม่นานก็จะไม่มีมารดาแล้ว ข้าอยากขอให้วันหน้าคุณหนูโค่วช่วยดูแลนางเงียบๆ”
[1] วรรคหนึ่งในบทกวีของหวังเหวยแห่งราชวงศ์ถัง มีคำว่า ซินซู่ ในวรรคนี้