สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 9 คำนับตามธรรมเนียม
ตอนที่ 9 คำนับตามธรรมเนียม
น้ำเสียงหนักแน่นของสาวน้อยทำให้ฟางหมัวมัวทั้งชื่นชมและปวดใจ
ชื่นชมที่คุณหนูโตแล้ว ความคิดก็กระจ่างแล้ว ปวดใจที่คุณหนูที่ไว้ใจในท่านยายตนเองเต็มเปี่ยมจำต้องเติบโตแล้ว
ฟางหมัวมัวกุมมือซินโย่ว เอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น “คุณหนูเดาไม่ผิด บ่าวเข้าเมืองหลวงมาพร้อมคุณหนูแล้วก็ทำตามที่นายหญิงสั่งไว้ มอบทั้งหมดให้นายหญิงผู้เฒ่า”
ตอนนั้นนางไม่สนใจสถานะตนเอง แสดงความกังวลต่อนายหญิงด้วยทีท่าอ้อมค้อม
นายหญิงที่ล้มป่วยบนเตียงได้ยินกลับยิ้ม เอ่ยกับนางว่า “พอข้าไปแล้ว ญาติสนิทเพียงหนึ่งเดียวบนโลกนี้ของชิงชิงก็มีเพียงยายของนางแล้ว ท่านแม่จะดูแลและทะนุถนอมชิงชิง”
นางไม่มีวันลืมแววตาเศร้าสลดในส่วนลึกของนายหญิงตอนเอ่ยวาจานี้ ทันใดนั้นเอง นางก็รู้ว่าตนเองกังวลไปก็ไร้ประโยชน์
เรื่องที่แม้แต่บ่าวเช่นนางยังคิดได้ เหตุใดนายหญิงจะคิดไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรได้ นายท่านจากไปกะทันหัน นายหญิงรับมือไม่ไหว ตระกูลโค่วยิ่งใหญ่เพียงนี้เหลือเพียงแค่คุณหนูกำพร้าเพียงผู้เดียว หากไม่ส่งคุณหนูมาเมืองหลวงขออาศัยบารมีจากตระกูลท่านยายของนางคุ้มครอง อย่าว่าแต่ปกป้องทรัพย์สมบัติมหาศาล แม้แต่ชีวิตคุณหนูเองก็คงรักษาไว้ไม่ได้
ฟางหมัวมัวคิดถึงตรงนี้ก็กำมือแน่น รู้สึกเศร้าใจกับนายหญิงของตนที่จากไปเร็วเกินไป
นายหญิงในปรโลกจะรู้ไหมว่า สุดท้ายทรัพย์สมบัติมหาศาลยังไม่อาจทำให้คุณหนูมีชีวิตที่สงบสุขได้
“สมุดเล่มนี้ ท่านยายรู้หรือไม่” สายตาซินโย่วจ้องมองไปที่สมุดเล่มบาง
ฟางหมัวมัวส่ายหน้า สีหน้าลังเลสงสัย
ซินโย่วเม้มปาก “แม่นมมีอันใดไม่อาจบอกข้าหรือ หากข้าฟังไม่เข้าใจ ก็ยังมีแม่นมสอนข้าไม่ใช่หรือ”
ได้ยินดังนี้ ฟางหมัวมัวก็นิ่งอึ้งมองสีหน้านิ่งสงบของสาวน้อย รู้สึกอีกครั้งว่าคุณหนูโตแล้วจริงๆ
ยังจำได้ว่าตอนนางถูกขับออกไป นางขอร้องคุณหนูอย่างไม่สนใจศักดิ์ศรีตน คุณหนูกลับเบือนหน้าหนี ไม่เหลียวมองนางแม้แต่นิด
ฟางหมัวมัวยกมือขึ้นเก็บผมที่ยุ่งเล็กน้อยของสาวน้อยให้เรียบร้อย “นายหญิงเคยสั่งเสียไว้ว่า รอให้คุณหนูโต หากได้ออกเรือนกับพี่ชายใหญ่ของนาง กระชับความสัมพันธ์เครือญาติให้แน่นแฟ้น ได้แต่งงานพร้อมขบวนสินออกเรือนอย่างสมศักดิ์ศรี ก็ให้แอบเผาสมุดเล่มนี้ทิ้ง แต่หากคุณหนูแต่งกับผู้อื่น ก็ให้เป็นสินออกเรือนติดตามคุณหนูออกไปตามธรรมเนียม ให้บ่าวมอบสมุดเล่มนี้ให้คุณหนูดู จะได้ให้คุณหนูเตรียมใจให้พร้อม แต่นี้ไปใช้ชีวิตของตนเองให้ดีก็พอ บ่าวเองก็คิดไม่ถึง ยังไม่ทันรอวันคุณหนูออกเรือน ก็ต้องมอบสมุดเล่มนี้ให้คุณหนูดูก่อน คุณหนูที่อาภัพของบ่าว…”
ฟางหมัวมัวกอดแขนซินโย่วร่ำไห้ ซินโย่วเองก็รู้สึกปวดใจไปกับโค่วชิงชิงด้วยเช่นกัน
นางได้รับการดูแลทะนุถนอมจากมารดามาแต่อ้อนแต่ออก คำพูดเหล่านี้ของฟางหมัวมัวทำให้รับรู้ได้ถึงความรักลึกซึ้งของมารดาผู้หนึ่งที่มีต่อบุตรสาว คิดการทุกอย่างเพื่อบุตรสาว แม้ยอมอ่อนข้อทุกอย่าง ก็ยังไม่อาจต้านทานความละโมบในใจคนได้
“คุณหนู จากนี้ไปคิดทำเช่นไรต่อเจ้าคะ” ฟางหมัวมัวปาดน้ำตาหางตาทิ้งพลางเอ่ยถาม
“จากนี้ไปก็ย่อมรักษาสุขภาพให้หายดีก่อน เมื่อคืนแม่นมเฝ้าข้ามาทั้งคืน กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
“บ่าวไม่เหนื่อย บ่าวจะอยู่กับคุณหนู”
“แม่นม ท่านก็ต้องมีสุขภาพที่ดี จึงจะดูแลข้าได้”
ฟางหมัวมัวจึงไม่ดึงดันต่อ ให้เสี่ยวเหลียนพาไปพักผ่อนยังห้องที่จัดเก็บกวาดเตรียมไว้ให้
ตอนกลางคืน เสี่ยวเหลียนคอยเฝ้าดูแล ซินโย่วเรียกนางให้เข้ามาในห้อง หยิบสมุดบัญชีให้นางดู
ตัวเลขในสมุดทำเอาเสี่ยวเหลียนตกใจอ้าปากค้างอยู่เป็นนาน พึมพำเอ่ยว่า “สมุดเล่มนี้คือของที่นายหญิงทิ้งไว้…บ่าว บ่าวไม่ควรดู…”
เงินทองมากมายเพียงนั้น ที่นามากมายเพียงนั้น นางเป็นแค่สาวใช้คู่ควรให้ดูหรือ!
ซินโย่วแทบอยากจะร้องไห้ “เช่นนั้นผู้ใดควรดู”
“ย่อมเป็นคุณหนู…” เสี่ยวเหลียนหลุดปากออกมา สบสายตากระจ่างใสคู่นั้นจึงได้นึกขึ้นมาได้ นางไม่ใช่คุณหนูของตน
บางที่อาจเพราะเรื่องเล็กๆ ที่เกิดขึ้นระยะนี้ทำให้ความห่างเหินจางลง หรือเพราะการอยู่ร่วมกันมาหลายวันทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกันมากขึ้น ยามนี้เสี่ยวเหลียนพลันคุมสติไม่อยู่ ปิดหน้าร่ำไห้เสียงดัง
ซินโย่วยกมือวางลงบนบ่านางเบาๆ “อีกสองสามวัน ข้าจะพาเจ้าไปค้นหาคุณหนูโค่ว”
สามวันต่อมา ซินโย่วก็ก้าวออกจากเรือนหว่านฉิงเป็นครั้งแรก ไปคำนับนายหญิงผู้เฒ่าที่เรือนหรูอี้ถังตามธรรมเนียม
“คุณหนูนอกมา?” สาวใช้เฝ้าหน้าประตูเห็นซินโย่วมา ก็ตกใจเล็กน้อย
นายหญิงผู้เฒ่าเองก็มีสีหน้าแปลกใจ “ชิงชิง มาได้อย่างไร”
“วันนี้รู้สึกมีกำลังวังชาขึ้นแล้ว จึงได้มาคำนับท่านยาย” ซินโย่วย่อเข่าคำนับ
“มา นั่งข้างยาย” นายหญิงผู้เฒ่ากวักมือเผยสีหน้าไม่เห็นด้วย เอ่ยว่า “บอกแล้วว่าให้พักรักษาตัวดีๆ ไม่ใช่หรือ ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบมาคำนับ”
ซินโย่วนั่งลงข้างนายหญิงผู้เฒ่าเงยหน้าเล็กน้อยเอ่ยว่า “หายแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ อยู่แต่ในห้องเบื่อมาก ไม่สู้มาอยู่เป็นเพื่อนท่านยาย”
นายหญิงใหญ่เฉียวซื่อได้ยินก็ยิ้มเอ่ยว่า “ชิงชิงอายุยังน้อย ฟื้นตัวเร็ว ท่านแม่คงวางใจได้แล้ว”
นายหญิงผู้เฒ่ายิ้มพยักหน้าถามซินโย่ว “ชิงชิงคิดเรื่องอื่นๆ ออกแล้วหรือยัง”
ซินโย่วหลุบตาลง เผยสีหน้าหนักใจ “ยังเจ้าค่ะ นอกจากจำแม่นมได้ เรื่องอื่นๆ ล้วนจำไม่ได้”
“เช่นนี้หรือ…” นายหญิงผู้เฒ่าตบหลังมือซินโย่วปลอบใจ “ไม่รีบ ค่อยเป็นค่อยไป หากนึกเรื่องที่ผ่านไปไม่ออกก็ไม่เป็นไร ชีวิตคนเราต้องดำเนินไปข้างหน้า”
ซินโย่วพยักหน้าท่าทางว่านอนสอนง่าย เอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านยาย พรุ่งนี้ข้าอยากออกไปข้างนอกเจ้าค่ะ”
นายหญิงผู้เฒ่าอึ้งไปครู่หนึ่ง สีหน้าเข้มงวดขึ้นมา “เพิ่งจะหายดี เหตุใดคิดออกไปข้างนอกกัน”
ซินโย่วตอบว่า “ข้าอยากไปเยี่ยมสองสามีภรรยาที่ช่วยข้าไว้ ไปแสดงความขอบคุณพวกเขา”
“ขอบคุณก็สมควรอยู่ แต่ให้พ่อบ้านไปส่งของขวัญก็ได้ ไยต้องไปด้วยตนเอง” นายหญิงผู้เฒ่าไม่เห็นด้วย
เฉียวซื่อยิ้มมุมปากไม่เอ่ยอันใด แต่ไรมาต่อหน้านายหญิงผู้เฒ่า จูซื่อไม่ค่อยเอ่ยอันใดกลับเอ่ยปากขึ้น “ท่านแม่กล่าวได้ถูกต้อง ชิงชิงสุขภาพเจ้าเพิ่งหายดี อย่าได้ออกไปให้เหนื่อย รักษาตัวไปให้ดีๆ ดีกว่า”
ซินโย่วอดมองจูซื่อไม่ได้
จากตอนไปเยี่ยมไข้ที่มอบโสมต้นนั้นมาถึงตอนนี้ที่ช่วยพูด นายหญิงรองท่านนี้คล้ายว่าเป็นมิตรกับคุณหนูโค่ว
ทำให้ซินโย่วิเคราะห์ได้ว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเพราะเรื่องผลประโยชน์มากกว่า
โค่วชิงชิงเกิดเรื่อง ผู้รับผลประโยชน์กองโตที่สุดก็คงไม่ตกถึงบ้านสองที่เป็นเพียงบุตรชายอนุ
ซินโย่วย่อกายคำนับจูซื่อเล็กน้อย “ข้ารู้ว่าทุกท่านเป็นห่วงข้า แต่ภาษิตว่า บุญคุณเพียงหยดน้ำย่อมตอบแทนด้วยบ่อน้ำพุ เช่นนั้นการที่สองสามีภรรยาคู่นั้นช่วยชีวิตข้าไว้ หากแค่ข้าไปแสดงความขอบคุณยังทำไม่ได้ ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ”
นางพูดไปก็ยื่นมือไปคว้าแขนเสื้อนายหญิงผู้เฒ่าไปมา “ท่านยาย ท่านรับปากข้าเถอะนะเจ้าคะ หากไม่จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ข้าก็คงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอด”
“แต่…” นายหญิงผู้เฒ่าลังเล
“ท่านยาย ข้าขอร้องท่านยายนะเจ้าคะ”
สาวน้อยตาปริบๆ ทำให้นายหญิงผู้เฒ่าใจอ่อน “เช่นนั้นก็รีบไปรีบกลับ พาผู้คุ้มกันไปด้วยมากหน่อย”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านยาย”
“กลับไปพักผ่อนเถอะ” นายหญิงผู้เฒ่ากวาดมองทุกคนในห้อง “พวกเจ้าก็ด้วย”
ทุกคนพากันรับคำทยอยออกไป
ซินโย่วค่อยๆ เดินรั้งท้าย หันหน้าไปมองคุณหนูสามต้วนอวิ๋นหลิงข้างกายนาย จับสังเกตได้ถึงสายตาลังเลของอีกฝ่าย
“น้องหลิงมีเรื่องอันใดหรือ”
“เหตุใดพี่ชิงไม่ใส่ใจคำพูดของนักพรต ไม่เชื่อก็อย่าได้ลบหลู่ เกิดออกไปแล้วประสบเหตุวุ่นวายจะทำอย่างไร” ต้วนอวิ๋นหลิงเอ่ยขึ้นเบาๆ
“น้องสาม กระซิบกระซาบอะไรกับน้องชิงอยู่หรือ” คุณหนูใหญ่ต้วนอวิ๋นหว่านยิ้มพลางมายืนตรงหน้าทั้งสองคน