สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 94 เทศกาลฉงหยาง
ตอนที่ 94 เทศกาลฉงหยาง
ซินโย่วกลับถึงจวนรองเจ้ากรมก็มีอาหารค่ำมื้ออุดมสมบูรณ์อย่างที่สุดรอต้อนรับ
“ชิงชิง ยายว่าเจ้าผอมลง หลายวันนี้เหนื่อยมากเกินไปหรือไม่”
“ทำให้ท่านยายเป็นห่วงแล้ว ข้าไม่เหนื่อย ต้องการทำอันใดก็เพียงแค่สั่งการไปก็พอเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี กระเพาะปลาตุ๋นไก่นี้ไม่เลว เจ้ากินเยอะๆ” นายหญิงผู้เฒ่ามองหลานสาวด้วยสีหน้าเมตตาอารียิ่ง
“ขอบคุณท่านยายเจ้าค่ะ” ซินโย่วหลุบตาลงกินกระเพาะปลาตุ๋นไก่ เหลือบมองไปยังรองเจ้ากรมต้วนเองก็กินอยู่เช่นกัน
หากไม่ใช่ว่าทุกคนบนโต๊ะล้วนกินกัน นางก็สงสัยจริงว่ากระเพาะปลาตุ๋นไก่นี้มีพิษ ตอนนี้ได้แต่ระวังตัว ไม่มีใครให้สิ่งใดโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ล้วนทำดีหวังผลทั้งสิ้น
หรือว่าเห็นร้านหนังสือกิจการดี จึงคิดเข้ามายุ่มย่าม?
ซินโย่วแอบคิดระแวง จนกระทั่งวางชามลง นายหญิงผู้เฒ่าเอ่ยกับสาวใช้ที่คอยดูแลยามรับประทานอาหารว่า “อวี้จู ไปเอาของที่เตรียมให้พวกคุณหนูออกมา”
ไม่นานอวี้จูก็ประคองถาดออกมา
นายหญิงผู้เฒ่ายิ้มเอ่ยขึ้นว่า “สร้อยคอชุดนี้ของเยี่ยนเอ๋อร์ กำไลทองอีกสามชุดพวกเจ้าสามคนคนละชุด”
นายหญิงผู้เฒ่าแสดงท่าทางบอกเป็นนัย อวี้จูก็ประคองถาดไปตรงหน้าซินโย่ว ให้นางเลือกก่อน
ต้วนอวิ๋นหลิงไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอันใด แต่ต้วนอวิ๋นหวาอดกัดริมฝีปากไม่ได้
ท่านย่าลำเอียงเกินไปแล้ว นางเป็นถึงหลานสายตรงและเป็นหลานที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอก แต่กลับให้โค่วชิงชิงเลือกเครื่องประดับก่อน
เครื่องประดับสามชุดล้วนมีปิ่นปักผมหนึ่งชิ้น กำไลหนึ่งวง ต่างหูหนึ่งคู่ วัสดุดูแล้วไม่ต่างกัน เพียงแต่ลวดลายและรูปแบบแตกต่างกัน ซินโย่วเลือกอย่างไม่ได้คิดมากมาชุดหนึ่งก่อนจะกล่าวขอบคุณ บรรดาหลานสาวได้รับมอบเครื่องประดับกันแล้วก็พากันกล่าวขอบคุณ
“พรุ่งนี้พวกเจ้าแต่งตัวให้เรียบร้อยหน่อย ข้าก็ดีใจแล้ว ดึกแล้ว กลับไปพักผ่อนกันได้แล้ว”
กลับถึงเรือนหว่านฉิง เสี่ยวเหลียนอดพึมพำไม่ได้ “คุณหนู เหตุใดนายหญิงผู้เฒ่าจึงได้มอบเครื่องประดับให้ทุกคน คงมิใช่มีแผนการอันใดในวันพรุ่งนี้กระมัง”
“พรุ่งนี้ก็ได้เห็นแล้ว” สำหรับซินโย่ว ขอเพียงไม่แตะต้องร้านหนังสือนาง เรื่องอื่นล้วนเจรจาได้
วันต่อมาอากาศแจ่มใส รถม้าหลายคันจอดรออยู่ที่ประตูชั้นใน
“ชิงชิง เจ้ามานั่งกับยาย” นายหญิงผู้เฒ่ายื่นมือให้ซินโย่ว
ซินโย่วเข้าประคองนายหญิงผู้เฒ่าขึ้นรถม้าคันแรกสุด จูซื่อนำบุตรสาวขึ้นรถคันหลัง ส่วนต้วนอวิ๋นหวาสบตากับต้วนอวิ๋นหลิง คนหนึ่งหน้าดำคร่ำเครียด คนหนึ่งได้แต่ทำใจ ขึ้นรถคันที่สาม
จากนั้นก็เป็นบรรดาบ่าวหญิงและสาวใช้
รถม้าเคลื่อนขบวน รถคันหน้าสามคันบรรยากาศแตกต่างกันไป
“วันนี้คนมาก ถึงแล้วอย่าได้ไปไหนมาไหน ไม่เช่นนั้นเกิดเหตุเหมือนพี่ชิงเจ้าจะแย่” จูซื่อกำชับบุตรสาวน้ำเสียงอ่อนโยน
ต้วนอวิ๋นเยี่ยนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
จูซื่อหยิบขนมออกจากกล่องส่งให้ต้วนอวิ๋นเยี่ยน พลางลูบมวยผมบุตรสาวเบาๆ
รถม้าตามมาหลังสุด ต้วนอวิ๋นหวานั่งอยู่คนละมุมกับต้วนอวิ๋นหลิง ไม่มีผู้ใดเอ่ยอันใด
เสียงล้อรถเคลื่อนตัวตัวดังกระทบโสตประสาท เสียงเอี๊ยดอ๊าดทำให้รู้สึกน่ารำคาญ ในที่สุดต้วนอวิ๋น หวาก็ทนเก็บกดโทสะไว้ไม่ไหว “ทำไม ไม่ได้นั่งรถคันเดียวกับโค่วชิงชิง ผิดหวังมากหรือ น่าเสียดายคนเขาเป็นคนโปรดท่านย่า เจ้าอยากไปเสนอหน้าก็ไม่มีโอกาส”
ขนตาต้วนอวิ๋นหลิงสั่นระริกไม่เอ่ยอันใด
ต้วนอวิ๋นหวาไฟโทสะลุกโชน พูดจาก็ยิ่งไม่เกรงใจ “ต้วนอวิ๋นหลิง เจ้าเป็นใบ้หรือ”
ต้วนอวิ๋นหลิงที่เคยพูดจาเอาใจนาง ตอนนี้กลับไม่แม้แต่จะมองนาง คิดแต่ไปหาโค่วชิงชิง ช่างเป็นนังชั้นต่ำเสียจริง ตะกายขึ้นไปได้ก็เหยียบย่ำผู้อื่น
ต้วนอวิ๋นหลิงยังคงเงียบ
ต้วนอวิ๋นหวาพลันโมโหขึ้นมาทันที ยกมือคิดบีบแขนต้วนอวิ๋นหลิง
มือหนึ่งยื่นออกมาคว้ามือที่ยื่นออกมานั้นไว้เต็มแรง
“เจ้า…”
ต้วนอวิ๋นหลิงสบสายตาตื่นตกใจก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “พี่หวาคิดลงมือกับข้าให้ได้หรือ”
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ” ต้วนอวิ๋นหวาโมโหจนตัวสั่นเทิ้ม
“แล้วอย่างไรต่อ ถูกท่านย่ากักบริเวณอีกหรือ”
ต้วนอวิ๋นหวาสะอึก หรี่เสียงถามเยียบเย็นขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าตนเองเป็นโค่วชิงชิงหรือ ท่านย่าจะออกหน้าให้เจ้าหรือ”
แววตาต้วนอวิ๋นหลิงมองต้วนอวิ๋นหวาอย่างสงสาร “ข้าก็คือข้า เหมือนกับเมื่อก่อน พี่หวาล่ะ ยังคิดว่าตนเองเป็นคุณหนูรองเหมือนเมื่อก่อนอีกหรือ ท่านย่าย่อมไม่ออกหน้าเพื่อข้า แต่ก็คงไม่ออกหน้าให้พี่หวาเช่นกัน อย่างมากก็ถูกกักบริเวณไปด้วยกัน”
คำพูดต้วนอวิ๋นหลิงราวกับค้อนหนักทุบลงกลางใจต้วนอวิ๋นหวาเต็มแรง ทำให้นางพลันไร้ปฏิกิริยา
ต้วนอวิ๋นหลิงแกะมือต้วนอวิ๋นหวาออก เลิกผ้าม่านขึ้น
สายลมปลายฤดูใบไม้ร่วงพัดเข้ามา พัดพาเอาความร้อนรุ่มจากไป สาวน้อยเผยรอยยิ้มผ่อนคลาย
รถม้าคันหน้าสุด ใบหน้านายหญิงผู้เฒ่าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มมาตลอดตั้งแต่ขึ้นรถม้ามา “ชิงชิง วันนี้เจ้าก็พักที่บ้านนะ อย่าไปมาให้ลำบาก พรุ่งนี้พวกพี่ชายเจ้าก็จะได้หยุดกลับบ้านแล้ว”
“เจ้าค่ะ” ซินโย่วรับคำอย่างว่านอนสอนง่าย
นายหญิงผู้เฒ่าไม่ถามถึงเรื่องร้านหนังสืออีก พิงตัวรถหลับตาพัก
ซินโย่วก็เหมือนต้วนอวิ๋นหลิง เลิกผ้าม่านขึ้น
ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดกระทบใบหน้าทำให้รู้สึกสดชื่น พลันมีเสียงฝีเท้าม้าควบมา
ไม่นาน หนุ่มน้อยผู้หนึ่งก็ควบม้าผ่านไป
ม้าสีน้ำตาลราวพุทราแดงควบฝุ่นตลบ หนุ่มน้อยบนหลังม้าไม่เกรงใจผู้ใด ซินโย่วมองปราดเดียวก็รู้ว่าเขาก็คือไต้เจ๋อบุตรชายกู้ชางป๋อ
ไต้เจ๋อไม่ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน วันนี้มีความเป็นไปได้มากว่าออกจากบ้านมาเที่ยวชมธรรมชาติในฤดูใบไม้ร่วง นี่คือสาเหตุที่ซินโย่วยอมมาร่วมวงครึกครื้นครั้งนี้
ไม่แน่ว่านอกจากไต้เจ๋อ ยังอาจได้พบคนอื่นๆ ในจวนกู้ชางป๋อ
พอความคิดนี้ผุดขึ้นมา เสียงฝีเท้าม้าก็ใกล้เข้ามา
ซินโย่วมองไปด้านหลัง บนหลังม้ามีชายร่างใหญ่กำยำ
คนผู้นี้นางมองปราดเดียวก็จำได้ กู้ชางป๋อ บิดาไต้เจ๋อ
แม้หลายวันนี้ร้านหนังสือยุ่งมาก แต่ซินโย่วก็ยังอดทนค่อยๆ จดจำใบหน้าคนสำคัญเช่นกู้ชางป๋อ ซึ่งกำลังควบม้านำมาคนแรกได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ซินโย่วไม่ทันได้คิดอันใดมากมาย รีบควักก้อนหินจากถุงเงิน ดีดใส่ม้าตัวนั้นอย่างแม่นยำ
ม้าที่กำลังวิ่งตะบึง พอรู้สึกเจ็บก็กระโดดยกสองขาหน้าขึ้นทันที ร่างกู้ชางป๋อก็ลงแนบกับหลังม้า พบว่าม้าคุมไม่อยู่แล้ว จึงตัดสินใจกระโดดลงจากหลังม้า
ม้าวิ่งถลาต่อไปข้างหน้า กู้ชางป๋อลงจากหลังม้ามาได้ มือหนึ่งก็ยันพื้นลุกขึ้นยืน สีหน้าเคร่งเครียดปัดฝุ่นตามตัว
เหตุการณ์นี้ทำให้สารถีรถม้าที่ซินโย่วนั่งอยู่กระชากบังเหียนม้าหลบเข้าข้างทาง รถม้าด้านหลังก็หยุดตาม
นายหญิงผู้เฒ่าเบิกตากว้าง “เกิดอันใดขึ้น”
ซินโย่วชะโงกหน้าออกมามอง แสดงสีหน้าอยากรู้อยากเห็นในแบบฉบับคุณหนู “มีใครอยู่บ้าง ม้าตื่นตกใจ คนผู้นั้นกระโดดลงจากหลังม้า”
นางรู้จากคำบอกเล่าของเฮ่อชิงเซียวว่ากู้ชางป๋อติดตามฮ่องเต้ทำสงครามรวบรวมแผ่นดิน ฝีมือเหนือสามัญ เพราะมีเหตุการณ์ลอบสังหารเฮ่อชิงเซียวล้มเหลวมาก่อน นางจึงไม่อาจกระทำการโดยพลการ ต้องหาโอกาสค่อยๆ ลองดูฝีมือกู้ชางป๋อก่อนค่อยว่ากัน
คิดไม่ถึงว่าจะสบโอกาสในวันนี้ โอกาสมาเร็วเช่นนี้ และผลจากการทดสอบก็เป็นดังที่เฮ่อชิงเซียวบอก
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันหน้าก็ต้องระมัดระวังให้รอบคอบ
นายหญิงผู้เฒ่าได้ยินว่ามีคนประสบเหตุม้าตื่นตกใจ ก็ชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่างรถ พอเห็นก็จำได้ว่าเป็นกู้ชางป๋อ
“ชิงชิง ประคองข้าออกไป”
ในใจซินโย่วมีความหวัง กระนั้นสีหน้ากลับไร้พิรุธ
หรือว่าจวนรองเจ้ากรมมีสายสัมพันธ์กับจวนกู้ชางป๋อ
นายหญิงผู้เฒ่าลงจากรถม้าเดินไปทางกู้ชางป๋อ
กู้ชางป๋อมองนายหญิงผู้เฒ่าทีหนึ่ง ไม่รู้จัก