สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 98 พิโรธ
ตอนที่ 98 พิโรธ
สถานที่คือที่นี่
ในภาพที่เห็นเด็กผู้หญิงถูกชนกระเด็นไปกระแทกใส่พุ่มดอกจวี๋ฮวาป่านี้
ดอกจวี๋ฮวาป่าย่อมไม่ใช่มีเพียงแค่จุดนี้ แต่ที่ตรงกับภาพที่เห็นก็มีเพียงที่นี่
“น้องหลิง พวกเราเก็บดอกจวี๋ฮวากันเถอะ”
ต้วนอวิ๋นหลิงรับคำอย่างดีอกดีใจ
“คุณหนูช้าหน่อยเจ้าค่ะ”
ซินโย่วได้ยินเสียงก็มองไป เห็นเด็กน้อยที่ชื่อ ‘ฝูเอ๋อร์’ วิ่งกระโดดโลดเต้นมา ด้านหลังมีสาวใช้ไล่ตามมากันหลายคน
บนภูเขาแห่งนี้มีคนมากมายเต็มพื้นที่ เด็กน้อยยังมีสาวใช้ดูแล ตามหลักแล้วไม่ควรมีอันตรายอันใด แต่อุบัติเหตุมักเกิดในเสี้ยววินาที
ซินโย่วเพิ่งจะลุกขึ้นยืนตรง ก็เห็นไต้เจ๋อวิ่งตะบึงออกมาจากในป่าจากที่ไกลออกไป ไม่รู้ว่าเห็นเด็กหรือว่าอารามตื่นตกใจจึงไม่ได้สนใจอันใด แต่กลับวิ่งหลบออกข้างทาง
เด็กน้อยนิ่งอึ้งอยู่กับที่ เห็นสัตว์ป่าขนาดใหญ่มุ่งมาทางตนก็ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ เสียงกรีดร้องตกใจดังรอบทิศ
ก่อนเหตุจะเกิด ก็มีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้าไปอุ้มเด็กน้อยที่ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อหลบออกข้างทาง
หมูป่าวิ่งผ่านไป เสียงกรีดร้องทำให้ผู้คุ้มกันพากันมาถึงยังที่เกิดเหตุ ฟันฉับไปหลายทีกว่าจะล้มหมูป่าดุร้ายลงได้ ก่อนตายมันยังทำร้ายผู้คุ้มกันบาดเจ็บถึงสองคน
“คุณหนูท่านไม่เป็นอันใดใช่ไหมเจ้าคะ” สาวใช้วิ่งเข้ามา แต่ละคนตกใจสีหน้าซีดเผือด
ซินโย่วปล่อยมือที่อุ้มเด็กไว้ พลางลุกขึ้นยืน
สีหน้าเด็กน้อยยังคงแข็งทื่ออยู่ในอาการตกใจถึงขีดสุด
“คุณหนูท่านได้รับบาดเจ็บหรือไม่เจ้าคะ” สาวใช้คนหนึ่งรีบดึงมือเด็กหญิงไปถามอย่างร้อนใจ
เด็กผู้หญิงตัวน้อยคว้าแขนเสื้อซินโย่วไว้เต็มแรง แต่กลับไม่ร้องไห้หรือโวยวายสักนิด
สาวใช้หลายคนอดมองไปทางซินโย่วไม่ได้
หลังจากที่ช่วยเด็กน้อยมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว ความจริงในใจซินโย่วก็รู้สึกสบายใจอย่างมาก ทว่าไม่อาจเผยสีหน้าเช่นนี้ออกไป ได้แต่เอ่ยเสียงเข้มว่า “คุณหนูพวกเจ้าอาจจะตกใจอยู่ ต้องการเวลาปรับสภาพจิตใจสักหน่อย”
ตอนนั้นบรรดาสาวใช้จึงไม่กล้าเคลื่อนไหว
เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ คนที่พากันมามุงทางนี้ก็ยิ่งมาก องค์หญิงใหญ่เจาหยางได้ยินสาวใช้รายงานก็รีบมาทันที
“ฝูเอ๋อร์!” มองเห็นบุตรีตัวแข็งทื่ออยู่ไกลๆ องค์หญิงใหญ่เจาหยางก็ส่งเสียงเรียก
เด็กหญิงได้ยินเสียงมารดาเรียกก็ค่อยๆ หันหน้ามา
องค์หญิงใหญ่เจาหยางวิ่งมาถึงตรงหน้ายกมือหนึ่งกอดบุตรีไว้ “ฝูเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ในที่สุดเด็กน้อยก็ร้องไห้โฮเสียงดัง “ท่านแม่ ข้ากลัว…สัตว์ประหลาด ตัวใหญ่ ตัวใหญ่มากๆ…”
“ฝูเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว นั่นไม่ใช่สัตว์ประหลาด เป็นเพียงหมูป่าตัวหนึ่งเท่านั้น” องค์หญิงใหญ่เจาหยางปลอบบุตรี ส่งสายตาเย็นเยียบกวาดตามองสาวใช้ “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”
สาวใช้ผู้หนึ่งลนลานตอบ “คุณหนูวิ่งมาทางนี้ พวกบ่าวไล่ตามมาด้านหลัง พลันมีคนพุ่งออกมาจากในป่า ตอนเกือบชนคุณหนูก็หลบเข้าด้านข้าง ไม่คิดว่าด้านหลังคนผู้นั้นจะมีหมูป่าตัวหนึ่งตามมา ตรงพุ่งเข้าใส่คุณหนู โชคดีคุณหนูโค่วพุ่งออกมาอุ้มคุณหนูหลบไปอีกทาง…”
องค์หญิงใหญ่เจาหยางได้ยิน อารมณ์คุกรุ่นก็เบาลง จึงได้หันมองไปทางซินโย่ว
ซินโย่วย่อกาย
“ขอบคุณคุณหนูโค่ว” องค์หญิงใหญ่เจาหยางกล่าวขอบคุณ ยามนี้มิใช่เวลามาสนทนา ถามสาวใช้ด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “คนที่ชักนำหมูป่ามาคือผู้ใด”
“ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อเพคะ”
ไต้เจ๋ออยู่ในอาการขวัญหนีดีฝ่อไม่รู้ถูกผู้ใดผลักออกมาตรงหน้าองค์หญิงใหญ่เจาหยาง
ไต้เจ๋อรู้ว่าก่อเรื่องเข้าแล้ว รีบเอ่ยขอรับผิด “ตอนนั้นกระหม่อมถูกหมูป่าไล่ตามมา ไม่ได้สนใจอันใด จึงไม่ทันได้เห็นว่าบุตรีองค์หญิงอยู่ด้านหน้า…”
“เหตุใดหมูป่าจึงไล่ตามเจ้ามาได้”
ไต้เจ๋อแววตาวูบไหว เอ่ยตอบอึกอัก “กระหม่อมเข้าไปในป่าทำธุระ ไม่คิดว่าจะทำให้หมูป่าตกใจ…”
กู้ชางป๋อสองสามีภรรยาเร่งรุดมาถึง
“เจ้าตัวบัดซบ!” กู้ชางป๋อตบหน้าบุตรชายทีหนึ่งก่อนจะรีบขอขมาต่อองค์หญิงใหญ่เจาหยาง
แม้ฮูหยินกู้ชางป๋อสงสารบุตรชายที่ถูกตบ แต่กลับไม่กล้าแสดงอาการไม่พอใจ ได้แต่ขอขมาอยู่ด้านหลังกู้ชางป๋อเช่นกัน
แม้พวกเขาเป็นพี่ชายและพี่สะใภ้พระสนมซูเฟย ลุงและป้าขององค์ชายรอง แต่องค์หญิงใหญ่เจาหยาง เป็นพระขนิษฐาเพียงองค์เดียวของฝ่าบาท ไม่อาจล่วงเกินได้
“เจ้าลูกเนรคุณ เหลวไหลสิ้นดี ไว้กลับไปจะสั่งสอนเจ้าให้เด็ดขาด ขอองค์หญิงใหญ่ทรงโปรดอภัย…”
เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยทำให้องค์หญิงใหญ่เจาหยางหันมาสนใจนางแทน
“ฝูเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว กลับกระโจมกับแม่ก่อน” องค์หญิงใหญ่เจาหยางพยักหน้าเย็นชาให้กู้ชางป๋อสองสามีภรรยาก่อนจะจูงบุตรสาวเดินไป
เห็นองค์หญิงใหญ่เจาหยางพาบุตรสาวเดินไปแล้ว ไต้เจ๋อก็ผ่อนลมหายใจ จากนั้นก็ถูกกู้ชางป๋อหิ้วตัวไป
ระหว่างทางกลับกระโจม องค์หญิงใหญ่เจาหยางเรียกองครักษ์มากำชับเบาๆ สองสามคำ
หมูป่าที่ตายไปยังคงนอนกองอยู่ที่พื้น ทิ้งเพียงคนเฝ้าไว้สองคน คนมามุงดูก็พากันกลับไปแล้ว ถึงกับมีคนไม่น้อยเข้ามาสนทนากับซินโย่ว
“เมื่อครู่คุณหนูโค่วช่วยบุตรีองค์หญิงใหญ่ไว้หรือ”
“บังเอิญเท่านั้นเจ้าค่ะ” ซินโย่วรับคำ ก่อนจะดึงต้วนอวิ๋นหลิงจากไป
แต่ไรมาต้วนอวิ๋นหลิงไม่เคยถูกคนรุมล้อมมากมายเช่นนี้มาก่อน พอหลบผู้คนมาได้ก็ถอนใจโล่งอก มองซินโย่วด้วยแววตากระจ่างใส “พี่ชิง พี่ร้ายกาจมาก ตอนนั้นข้าตกใจจนสมองโล่งไปหมด แต่พี่กลับช่วยคนไว้ได้”
“ปฏิกิริยาไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น ข้าก็ไม่คิดว่าตนเองจะเคลื่อนไหวได้เร็วเช่นนี้” ต่อหน้าคนตระกูลต้วน ซินโย่วย่อมไม่เปิดเผยว่าตนเองเป็นวิทยายุทธ์
“พี่ชิง พี่ช่วยบุตรีองค์หญิงใหญ่ไว้ องค์หญิงใหญ่ต้องขอบคุณอย่างดีเป็นแน่ วันหน้าไม่มีคนกล้าเสียมารยาทต่อพี่แล้ว” ต้วนอวิ๋นหลิงรู้สึกดีใจแทนนางจากใจ
แม้นางเป็นบุปผาเติบโตแต่ในจวน แต่ก็รู้ว่าหญิงสาวไปอยู่ภายนอกต้องกระทบแรงลมฝนมากมายเพียงใด
“ช่วยคนก็คือช่วยคน ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น พวกเรากลับไปหาท่านยายเถอะ” ซินโย่วเอ่ยน้ำเสียงนิ่ง แต่ในใจไม่ได้นิ่งเช่นนี้
สำหรับนางแล้วการช่วยเหลือคนไว้ด้วยใจจริงนั้นถือเป็นอันดับหนึ่ง แต่ผลประโยชน์ที่ตามมาก็ไม่คิดปฏิเสธ
นางต้องการก้าวเข้าไปในแวดวงนี้ เพื่อจะได้สืบหาความจริงและแก้แค้นได้สะดวก
องค์หญิงใหญ่เจาหยางกลับถึงกระโจมก็อุ้มบุตรสาวมาไว้ในอ้อมกอด ปลอบใจน้ำเสียงอ่อนโยน
องครักษ์สองนายที่ได้รับคำสั่งให้ไปตรวจสอบแล้วก็กลับมารายงาน
“ตรวจพบความผิดปกติอันใดหรือไม่” องค์หญิงใหญ่เจาหยางเอ่ยถาม
ซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อเป็นพวกชื่อเสียงไม่ดี นางไม่คิดว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจทำให้หมูป่าตกใจดังที่เขาเอ่ยง่ายดายเช่นนั้น
“ทูลองค์หญิง พวกกระหม่อมเข้าไปในป่าพบรังลูกหมูป่า ลูกหมูป่าเหล่านั้น…” องครักษ์ที่กราบทูลชะงักคล้ายไม่รู้ว่าควรเอ่ยอันใด
องค์หญิงใหญ่เจาหยางสีหน้าเคร่งเครียด “ว่ามา”
องครักษ์ก้มหน้า “บนตัวลูกหมูเหล่านั้นมีกลิ่นปัสสาวะ…”
ด้วยประสบการณ์ขององค์หญิงใหญ่เจาหยาง ยามนี้ได้ยินก็นิ่งอึ้งไปทันที
บนตัวลูกหมูมีกลิ่น…ปัสสาวะ…!
องครักษ์อีกคนให้ข้อสรุปตรงไปตรงมาว่า “น่าจะเป็นซื่อจื่อจวนกู้ชางป๋อปลดทุกข์เล็งไปที่ลูกหมูเหล่านี้ ทำให้แม่หมูโมโหวิ่งไล่ตามมาพ่ะย่ะค่ะ”
ยามนี้สีหน้าองค์หญิงใหญ่เจาหยางเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
นี่คือที่เจ้าสุนัขบัดซบนั่นบอกว่าไม่ทันระวังทำให้หมูป่าตื่นตกใจหรือ!
หากไม่ได้คุณหนูโค่วช่วยไว้ เกรงว่าฝูเอ๋อร์ก็คง…
องค์หญิงใหญ่เจาหยางยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห พอลงจากเขาก็ไม่กลับจวนองค์หญิงใหญ่ แต่ตรงเข้าวังหลวง
วันนี้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ขึ้นเขา แต่ขึ้นเขาในเขตอุทยานหลวง เพิ่งจะกลับเข้าวังมาพักผ่อนได้ไม่นาน ก็ได้ยินขันทีรายงานว่าองค์หญิงใหญ่เจาหยางขอเข้าเฝ้า