สุดยอดชาวประมง - บทที่ 148 เป้าหมายและสัตว์กลายพันธุ์[รี
บทที่ 148 เป้าหมายและสัตว์กลายพันธุ์[รีไรท์]
บทที่ 148 เป้าหมายและสัตว์กลายพันธุ์[รีไรท์]
ในตอนนี้สถานการณ์ได้สงบลงแล้ว มีเพียงแค่ปรมาจารย์หนุ่มเท่านั้นที่ยืนตกตะลึงเมื่อเห็นกระดองเต่าขนาดกว่า 7 เมตรอยู่ตรงหน้า เขาไม่คิดว่าจะมีเต่าที่ตัวใหญ่ได้ขนาดนี้มาก่อน แถมยังแข็งขนาดที่เข็มของเขายังแทงไม่เข้าเสียด้วย ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วเข็มของเขาจะต้องทะลวงได้แม้กระทั่งหินผาที่แข็งแกร่งเสียด้วยซ้ำไป
จิตสังหารของฉู่เหินเพิ่มพูนมากขึ้นหลังจากที่เห็นแบบนี้ เขาออกคำสั่งให้ฉู่เฟิงเตรียมพร้อมเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเพื่อจัดการปรมาจารย์หนุ่มตรงหน้านี้ ทันใดนั้นกระดองเต่าก็ถูกเก็บเข้าไปในแหวน และในจังหวะเดียวกันทั้งสองก็กลายเป็นแสงแล้วเคลื่อนไหวไปยังปรมาจารย์หนุ่ม
ฝูงชนที่มองดูและเห็นว่าทั้งสองคนนี้กำลังตกอยู่ในอันตรายก็ได้แต่ตื่นตระหนก เพราะต่างก็รู้ตัวกันดีว่าไม่สามารถเข้าไปช่วยอะไรได้เลย มนุษย์ธรรมดา ๆ อย่างพวกเขาจะไปทำอะไรได้? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรวดเร็วที่คนธรรมดาสามารถวิ่งได้ด้วยนะ
แต่ทันทีที่ฉู่เหินเรียกกระดองเต่าออกมาครอบตัวเองเอาไว้ นั่นก็ยิ่งทำให้ทุกคนตะลึงไม่ต่างอะไรจากปรมาจารย์หนุ่มเลย ตอนแรกที่พวกเขาเจอตัวนิ่มยักษ์ก็ยังไม่เท่าไหร่หรอก แต่นี่มันเต่ายักษ์เลยนะ พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไรกันดี
เมื่อทุกคนกำลังจะได้สติกลับมา กระดองเต่าก็หายไปแล้ว แล้วจากนั้นก็ปรากฏลำแสงขึ้นมาสองลำจากกระดองเต่า ในสายตาของพวกเขาเองก็เห็นเป็นลำแสงธรรมดา ๆ ไม่มีแม้แต่ร่างกายของมนุษย์
สายตาของทุกคนมองตามลำแสงนั่นไป มันทะลวงเข้าไปในหน้าอกของปรมาจารย์หนุ่มแล้วมันก็พุ่งออกไปด้านหลังของเขา ในตอนนี้เขามีสีหน้าและท่าทีที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกไปแล้ว
แสงนั่นพุ่งผ่านปรมาจารย์หนุ่มไปพร้อมกับหมุนอยู่ด้านหลัง แล้วมันก็ชะลอความเร็วลง ก่อนจะกลายเป็นฉู่เหินกับฉู่เฟิง
ถึงที่เล่ามามันจะเป็นเรื่องที่ดูยาว แต่แท้จริงแล้วมันก็เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา จนกระทั่งตอนนี้ปรมาจารย์หนุ่มก็ยังคงยกมือขึ้นกุมอกแล้วพยายามจะชี้ไปที่ทั้งสอง ก่อนที่ร่างของเขาจะระเบิดกระจายออกเป็นชิ้นๆ
เศษร่างของเขากระจายไปทั่วพร้อมด้วยเลือดสีแดงกับเครื่องในมากมาย แต่กลับไม่มีกระดูกหลงเหลืออยู่เลย
ทันใดนั้นทุกคนที่มองภาพนี้ก็ได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ก่อนที่จะอาเจียนออกมาด้วยความคลื่นไส้ เมื่อฉู่เหินเห็นภาพแบบนี้ก็เข้าใจเลยว่ามันน่าขยะแขยงแค่ไหน
ในเวลานี้ฉู่เหินรู้สึกตะลึง และเขาไม่เคยคาดหวังว่าจะมีฉากแบบนี้ปรากฏขึ้น เมื่อครู่เขาเพียงแค่ย้ายสติปัญญาและรวมร่างกายของเขาเข้ากับฉู่เฟิง เขาไม่ได้คาดหวังว่าความเร็วที่น่ากลัวจะปะทุขึ้นในขณะนั้น
เมื่อสักครู่นี้หลังจากรวมร่างแล้ว ฉู่เหินก็ได้เร่งความเร็วขึ้น มันเร็วเสียจนกลายเป็นลำแสงที่พุ่งไปข้างหน้า จังหวะที่เขาเข้าไปใกล้ปรมาจารย์หนุ่ม ทั้งสองก็ได้ปล่อยดาบออกมา
ตอนแรกฉู่เหินอยากจะทำแค่เพียงฉกหัวใจของปรมาจารย์หนุ่มคนนั้นออกมา แต่กลับกลายเป็นว่าดันทำให้ร่างของเขาแตกสลายเป็นชิ้น ๆ เสียได้ ที่จริงแล้วพลังที่พลุกพล่านนั้นได้ออกสู่ร่างกายของเขาไปตรง ๆ แต่หลังจากที่ทั้งสองพุ่งผ่านไปพวกเขาก็สัมผัสกับดาบทันที และเนื่องด้วยความเฉื่อยของเวลา ในจังหวะที่พวกเขากำลังจะหยุด มันก็ได้ทำให้ร่างของพวกเขาก็หมุนต่อไปอีกนิดหน่อย
แถมในระหว่างที่ลำแสงหมุนอยู่แบบนั้น มันก็ได้เก็บรวบรวมพลังงานเอาไว้มากมายจนเกิดเป็นภาพที่น่าสยดสยองตรงหน้านี้ เป็นเพราะพลังที่ว่านี่เองที่ทำให้ร่างของปรมาจารย์หนุ่มแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ มันคือพลังที่คนธรรมดาไม่มีวันสัมผัสถึง
โชคยังดีที่เขายังพอจะพักหายใจได้อยู่หลังจากที่จัดการปัญหาไปได้แล้ว ร่างของชายหนุ่มชุ่มไปด้วยเลือดและถูกพาตัวออกมาโดยฉู่เฟิงที่เดินผ่านฝูงชนไป
พวกคนที่มามุงดูกันก็เริ่มมีอาการดีขึ้นแล้ว แต่เมื่อพวกเขาเห็นฉู่เหินก็ไม่อาจหยุดคิดฉากเมื่อกี้ได้ จากนั้นทุกคนก็เริ่มอาเจียนอีกครั้ง
“อ้วกออกมาให้หมดนั่นแหละ เดี๋ยวก็ชิน” ฉู่เหินยิ้มให้พวกเขา ใครมันจะไปคิดล่ะว่าจะมีฉากแบบนี้เกิดขึ้น มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำตัวให้คุ้นชินด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อมีคนที่น่ารังเกียจตายไปแล้วยังไงก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีละนะ
หลังจากผ่านไปสักระยะหนึ่ง กลุ่มมังกรก็ส่งชาวต่างชาติมากมายเข้ามาเพื่อจัดการสัตว์ประหลาดทั้งหลาย บางคนก็เป็นยอดฝีมือด้านอาวุธแถมยังมีวิชาที่เก่งกาจอีก พวกเขามาที่นี่เพื่อเก็บกวาดพวกสัตว์กลายพันธุ์
ที่จริงแล้วพวกเขานั้นเป็นคนที่เย่อหยิ่งและมีศักดิ์ศรีมาก แต่เมื่อพวกเขาเห็นศพของตัวนิ่มนั่น มันก็ทำให้พวกเขาถอนหายใจออกมา ก่อนที่คนพวกนี้จะทดลองหยิบอาวุธออกมาซัดใส่ร่างของมัน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถทะลุการป้องกันของมันได้
พวกเขารู้ดีว่างานนี้ยากลำบากเพียงใด แต่ก็ยังยอมรับในฝีมือของฉู่เหินที่สามารถจัดการตัวนิ่มนี้ได้ แน่นอนว่าผู้ที่แข็งแกร่งกว่าย่อมได้รับการเคารพอยู่แล้ว
ทีมมังกรประกอบไปด้วย 10 คน สามในสิบนั้นมีความพิเศษ สองในสามเองก็สามารถพ่นไฟได้ และมีพลังที่เยอะมากด้วย ส่วนอีกคนหนึ่งสามารถปล่อยน้ำแข็งออกมาได้และยังสามารถแช่ตัวเองเข้าไปอยู่ในน้ำแข็งได้ในระยะ 5 เมตร
คนที่สามารถปล่อยน้ำแข็งได้นี้มีอายุ 15 ปี เขาชื่อว่า ซ้างชุนเซวี่ย เป็นชายที่มีชื่อเหมือนเด็กผู้หญิงและดูอ่อนแอมาก นี่ทำให้ฉู่เหินต้องมองเขาอย่างระมัดระวัง
หลังจากที่อธิบายงานกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็เริ่มงานกำจัดพวกสัตว์กลายพันธุ์เพื่อไม่ให้พวกมันหนีขึ้นมายังพื้นด้านบนได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้าพวกมันขยายพันธุ์ได้อีกด้วยนะ ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะต้องเกิดเรื่องเลวร้ายมาก ๆ แน่
“ฉันคิดว่าน่าจะขังมันไว้ 4 สัปดาห์ก่อนแล้วค่อยเข้าไปฆ่าพวกมันทีเดียว” ซ้างชุนเซวี่ยพูดตามภาพรวม เขาเองก็เป็นรองหัวหน้าทีมที่สามเหมือนกัน อย่าได้ดูถูกความสามารถที่ขัดกับภาพลักษณ์อันอ่อนเยาว์ของเขาเชียว ถ้าไม่ติดที่เรื่องอายุละก็ป่านนี้เขาเป็นหัวหน้าทีมมังกรไปแล้ว
“คิดว่าไม่น่าจะดีซักเท่าไหร่นะ ถ้าฟังจากที่คุณฉู่บอกมาเมื่อกี้ ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีจำนวนที่เยอะมาก ถ้าเราผลีผลามเข้าไปมันจะไม่ดี อาจจะเกิดความเสียหายรุนแรงขึ้นมาได้” ยวี้ฉือยวี่คัดค้านในมุมมองของเขา
“ฉันเห็นด้วยกับพี่ยวี้ฉือ ฉันจะไม่พูดถึงการต่อสู้ของนายน่ะ แต่งูพวกนั้นพ่นหมอกพิษได้ ถ้าโดนพิษเข้าไปก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการจะล่ามันเลย ถามว่าเราจะรอดยังไงดีกว่า”
พอได้ยินคำพูดแบบนี้จากฉู่เหินทุกคนก็เงียบกริบ เสียงคำแนะนำที่ดีที่สุดคือฉู่เหิน ยิ่งไม่ต้องพูดอีกว่าเขาได้ต่อสู้กับสัตว์ร้ายกลายพันธุ์พวกนั้น ทั้งยังประสิทธิภาพการต่อสู้ของฉู่เหินยังเรียกได้ว่าเป็นอันดับ 1 อีกด้วย
Next