สุดยอดชาวประมง - บทที่ 207 หมู่บ้านลับแลในหุบเขา
บทที่ 207 หมู่บ้านลับแลในหุบเขา
บทที่ 207 หมู่บ้านลับแลในหุบเขา
แม้คลื่นลูกนี้จะส่งความรู้สึกที่แปลกๆออกมา แต่ตอนนี้ฉู่เหินรู้ว่าไม่ใช่เวลาที่เขาจะคิดถึงเรื่องอื่น เพราะตอนนี้ชีวิตของเขานั้นสำคัญที่สุด
ตอนนี้ความเร็วของแพฉู่เหินนับว่าเร็วทีเดียว แต่คลื่นยักษ์เองก็เร็วมากจนใกล้เข้ามาทุกที อีกไม่นานคงจะปะทะกันอย่างแน่นอน
ระยะห่างของคลื่นทำให้จิตใจของฉู่เหินไม่อาจสงบลงได้ จึงทำให้ฉู่เหินยิ่งควบคุมแพได้ยากขึ้นไปอีกมาก ไม้พายในมือเร่งกำลังอย่างสุดแรง ตัวของเขาตอนนี้เริ่มที่จะต้านกระแสน้ำไม่ไหวแล้ว
แม้ว่ามันจะไม่รุนแรงเหมือนกับไต้ฝุ่นที่เคยเจอ แต่แค่นี้มันก็ทำให้แพของเขาสามารถแตกออกได้ทุกเวลา
เมื่อคลื่นขนาดใหญ่เข้ามาปะทะกับแพ ฉู่เหินทำได้แค่จับแพเอาไว้ให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
ฉู่เหินตอนนี้รู้สึกไม่ดีสุดๆ เพราะว่าคลื่นในแม่น้ำจู่ ๆ ก็ไหลเชี่ยวเอาซะดื้อ ๆ แถมน้ำก็ไหลไปยังปลายทางโดยที่แม่น้ำกว้างขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แย่แน่ ๆ แบบนี้
“ไม่ๆๆ น้ำตกริมผานี่หว่า” ฉู่เหินกรีดร้องออกมากะว่าจะสละแพ แต่ฝั่งทั้ง 2 ด้านนั้นอยู่ไกลเกินไป ยังไงก็ไม่มีทางที่จะกระโดดไปถึง
ในจังหวะสุดท้ายก่อนที่แพจะแตก เขาก็กระโดดออกจากแพในทันที
ภูเขาหยุงหลิงขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ที่นี่มีนักท่องเที่ยวมามากมายส่วนใหญ่มาเพื่อดูน้ำตกที่สวยงามนั้น! ซึ่งในตอนนี้ปลายน้ำตกก็ปรากฏชายชราคนหนึ่งกำลัง ท่องกลอน “น้ำตกแห่งภูเขาหลูซาน” ของหลี่ไป๋*
“แสงอาทิตย์ส่องภูเขาเหมือนเตาเผาธูปเทียน
ดูไกลๆ เห็นน้ำตกเหมือนผ้าขาวผืนยาวแขวนบนท้องฟ้า
น้ำไหลเชี่ยวกรากลงมานับพันเมตร
สงสัยเป็นสายน้ำแห่งดวงดาวบนท้องฟ้าร่วงลงสู่โลก**”
ชายชราร้องบทกวีพร้อมชี้นิ้วไปบนอากาศ สีหน้าเขาดูหวาดกลัวและไม่อยากจะเชื่อ!
พวกฝูงชนต่างมองมาทางชายชราเป็นตาเดียว และพวกเขาก็พบว่าจากเหนือหน้าผานั้นมีคนๆหนึ่งตกลงมาพร้อมกับแพ ด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยยิ่ง นักจึงทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนที่เห็นอดไม่ได้ที่จะปรบมือพร้อมกับพูดคำว่า สุดยอดออกมา
“สุดยอด บอกเลยว่าคนๆนี้สุดยอด ฉันเห็นกีฬาผาดโผนมาหลายประเภท นี้เป็นครั้งแรกที่เห็นกีฬาโดดน้ำตกแบบนี้” ในขณะเดียวกันพวกนักท่องเที่ยวก็ต่างหยิบมือถือของตัวเองออกมาแล้วถ่ายรูปสิ่งที่พวกเขาเห็นเก็บไว้
ทั้งยังมีเด็กสาวหลายคนตะโกนออกมาเชียร์ไม่หยุด บางคนก็กู่ร้องออกมาว่าฉันรักคุณ! โชคดีที่ผู้ดูแลมาสลายการชุมนุมนั้น ต้องเข้าใจว่าแพไม้ไผ่นั้นไม่รู้ว่าจะตกลงมาจากตรงไหน พวกเขากลัวไม้ไผ่พวกนี้จะตกลงมาใส่นักท่องเที่ยว พวกเขาเลยรีบกันทางทันที
ฉู่เหินที่กำลังตกลงมานั้นพยายามควบคุมแพไม้ไผ่ให้อยู่ที่ผิวน้ำ เขาถึงจะปลอดภัย แต่กระแสน้ำแรงมากเขาอาจจะตัวแตกเป็นเสี่ยงๆพร้อมกับแพเลยก็ได้ การจะควบคุมแพไม้ไผ่ตอนนี้นั้นไม่ง่ายเลย แต่โชคดีที่วรยุทธของฉู่เหินสูงส่งพอตัว ไม่เช่นนั้นต่อให้มีสิบชีวิตก็คงไม่รอดอย่างแน่นอน
ขณะที่น้ำไหลลง เวลานี้หัวใจของเขาเต้นโครมคราม จนตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าพวกที่ชื่นชอบความระทึกนั้นรู้สึกยังไง
พวกนักท่องเที่ยวใช้กล้องส่องทางไกลดูอย่างระมัดระวังและก็พบว่าอีกฝ่ายยังอายุน้อยอยู่เลย นั่นจึงทำให้พวกเขาต่างพากันประหลาดใจ
เมื่อรู้แบบนี้ผู้คนทั่วบริเวณก็เต็มไปด้วยเสียงชื่นชม
“ตู้มมมม” เสียงแพตกน้ำจนเกิดเสียงระเบิดดังลั่น
ด้านล่างของน้ำตกเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ หลังจากนั้นแพค่อยๆลอยขึ้นมา แต่ไร้ร่างของฉู่เหิน ทุกคนต่างร้องออกมาด้วยความตกใจ พวกเขาพยายามร้องเรียกให้ใครสักคนไปช่วย แล้วแพก็พลิกกลับขึ้นมาพร้อมกับร่างของฉู่เหินที่เปียกไปทั้งตัว
เหล่าคนที่เห็นอย่างนั้นก็เริ่มที่จะใจชื้นมากขึ้น
ฉู่เหินรอดมาได้อย่างหวุดหวิดไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาโชคดีมากที่ไม่ตาย มือข้างหนึ่งของเขาโบกมือทักทายผู้คน มือข้างหนึ่งเสยผมเพื่อปัดน้ำออก แต่กลายเป็นว่าท่าทางของเขากลับดูเท่ไม่หยอก
สาวๆ ทั้งหลายต่างพากันส่งเสียงระทวยให้กับภาพที่เห็น ฉู่เหินที่เห็นอย่างนั้นก็รู้เลยว่ายุ่งแน่ๆแบบนี้ เขาจึงกลับกระโดดขึ้นไปริมฝั่ง พริบตาเดียวก็หายไปเลย
ผู้หญิงที่ซ่อนตัวอยู่ในบริเวณนั้นมองไปทางที่ฉู่เหินจากไป เธอได้แต่พึมพำอยู่ในใจ “ขนาดนี้นายก็ยังไม่ตาย คิดไม่ถึงเลยว่านายจะดวงแข็งขนาดนี้”
หลังจากผ่านไปนาน ฉู่เหินก็สามารถลงมาจากเขาได้เสียที แต่เขาก็กังวลจากการถูกจับตามองเลยไม่กล้าที่จะใช้ถนน แต่เขายังมีหน้ากากที่สามารถเปลี่ยนสภาพภายนอกของมนุษย์ได้ เขายังมีใบหน้าที่ไม่เคยใช้เหลืออยู่
ตอนที่เขาได้หน้ากากมาเขาก็ไม่ได้สนใจมันนัก แต่พอใช้ไปได้สักพักเขาก็รู้สึกได้ถึงความพิเศษของมัน เพราะว่ามันสามารถปกปิดรูปลักษณ์ได้อย่างแนบเนียน
ในภูเขาอู๋หลิง ฉู่เหินใช้ไปทั้งหมด 2 ครั้งส่วนฉู่เฟิงใช้ไปครั้งเดียว ตอนนี้ถ้าพวกเขาออกไปโดยที่ไม่ปลอมตัวก็เหมือนกับการฆ่าตัวตายดีๆ นี่เอง
เพราะอย่างนั้นชิ้นสุดท้าย ฉู่เหินจะเก็บใช้ในจังหวะฉุกเฉินเท่านั้น เขาเลยได้แต่เดินอยู่ภายในป่า ตอนนี้เขาต้องเปลี่ยนแผนการเล็กน้อย
‘ฟู๋จี๋หยินซี’ นี่คือป้ายจารึกที่อยู่ริมถนนบอกว่าฉู่เหินนั้นเดินทางมาได้ไกลขนาดไหนแล้ว มองไกลออกไปก็มีหมู่บ้านเล็กๆอยู่ที่หนึ่ง หลังจากที่ฉู่เหินเดินมาถึงเขาก็เริ่มรู้สึกหิว เขาเลยคิดที่จะเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อหาอาหาร
หมู่บ้านนั้นมีไม่ถึง 200 ครัวเรือนแถมผู้คนก็แปลกๆ ฉู่เหินที่เดินไปมาจึงได้แต่สงสัย
ผู้คนทั่วๆ ไปไม่ว่าจะคนแก่เด็กชายหญิง เหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเหมือนพวกเขาไม่ได้นอนกันทั้งคืน ถ้าคนสองคนก็ไม่เท่าไหร่แต่นี่เป็นกันทั้งหมู่บ้าน
ต่อจากคนตาบอด ฉู่เหินก็เจอหญิงชรา เธอแบกของหลายอย่างเอาไว้บนหลัง ซึ่งมันคือพวกหญ้าสำหรับแกะและวัว
“สวัสดีครับป้า ผมฉู่เหินผ่านทางมา คือว่าตอนนี้ผมหิวมากเลย พอจะมีที่พักสำหรับคืนนี้ให้ไหมครับ” ฉู่เหินถามอย่างสุภาพ
“ป้างั้นเหรอ ไอ้หัวลูกโป่งนี่ ฉันเพิ่งจะ 30 เองนะ คนนอกนี่ปากเสียอย่างนี้กันหมดเลยรึไง!” หญิงชรานั้นดูโกรธมาก จึงโวยวายใส่เขา
หลังจากได้ยินฉู่เหินก็มองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าเหี่ยวย่น ผมสีขาวซีด ไอค่อกแค่กๆไม่หยุด ยังไงเขาก็ไม่เชื่อว่าคนตรงหน้านั้นอายุ 30 อย่างที่ว่ามา
แต่ถ้าเจ้าตัวว่ามาเองฉู่เหินก็ได้แต่ต้องตามน้ำ “ขอโทษด้วยนะครับ พอดีว่าเมื่อครู่นี้ผมหน้ามืดไปหน่อย พอมองดูดีๆแล้วพี่สาวนี่ยังสวยไม่สร่างเลยนะครับ” เขาไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องพูดเอาใจคนแก่เอาไปก่อน
—-
*หลี่ไป๋ นักกวีจีนที่มีชื่อเสียงในยุคราชวงศ์ถัง
**กลอน “น้ำตกแห่งภูเขาหลูซาน” ของหลี่ไป๋