สุดยอดชาวประมง - บทที่ 216 หยกล่าวิญญาณ
บทที่ 216 หยกล่าวิญญาณ
บทที่ 216 หยกล่าวิญญาณ
หลังจากผ่านไป 7 วันที่พยายามอย่างไม่หยุดหย่อนในที่สุดฉู่เหินก็ฟื้นฟูตัวเองกลับมาเป็นปกติ เขาเอาตราหยกออกมาจากแหวนมิติ
หยกชิ้นนี้เป็นหยกลึกลับที่ดูดวิญญาณของงูยักษ์เข้าไป ฉู่เหินจึงอยากรู้เรื่องของหยกอันนี้มาก ถ้าไม่ใช่ว่าเขาต้องรักษาอาการบาดเจ็บเขาคงจะเอามันออกมาดูนานแล้ว
“ไอ้คนไร้ยางอายเมื่อไหร่ถึงจะเลิกตื๊อซะที จะมาอีกกี่ครั้งคำตอบก็เหมือนเดิมนั้นละ ไสหัวไป!” ฉู่เหินที่เพิ่งเอาตราหยกออกมา เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากด้านใน
ตอนแรกฉู่เหินรู้สึกตกใจ แต่เขาก็พบว่าเป็นแค่เสียงตะโกนไม่ได้มีการลงมืออะไรกัน ฉู่เหิงเลยใจเย็นลงแล้วหันมามองจี้หยกด้วยความสนใจพอมองดูดีๆเขาก็ยิ้มออกมา งูยักษ์ยังไม่ตาย! แต่วิญญาณของมันถูกกักเอาไว้ในหยกอันนี้
“ตอนนี้แกยังไม่รู้สถานะของตัวเองอีกเหรอ สำหรับฉันแกมันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งที่ฉันสามารถบี้ให้ตายเมื่อไรก็ได้ เพราะคุณธรรมของฉันหรอกนะถึงได้ไม่ทำ แกต้องยอมสวามิภักดิ์กับฉัน วันหลังฉันจะช่วยแกสามารถกลายเป็นมังกรเป็นการตอบแทน”
คำพูดของฉู่เหินทำให้วิญญาณงูยักษ์โกรธยิ่งกว่าเดิม แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้มันได้แค่คำรามออกมา มันต้องถูกขังอยู่ในที่มืดๆแคบๆนี้ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะทนได้อีกนานแค่ไหน
“ตรวจสอบแล้ว สมบัติอันนั้นคือหยกล่าวิญญาณ สามารถกักเก็บวิญญาณได้ แต่จะใช้งานมันต้องมีวิญญาณที่ทรงพลังมากระตุ้นมัน หลังจากที่มันใช้งานได้แล้ว มันจะมีคุณสมบัติในการเก็บรักษาวิญญาณ สามารถฟื้นคืนชีพให้กับคนที่ตายภายใน 7 วันได้ เป็นของที่ไม่อาจประเมินค่าได้!!”
ฉู่เหินเพียงแค่มองข้อความของระบบ ฉู่เหินก็ดีใจจนแทบคลั่งมีสมบัตินี้อยู่ก็เหมือนกับว่ามีชีวิตสำรอง เขารู้เลยว่าของสิ่งนี้มันล้ำค่ามากแค่ไหน
“หลังจากหยดเลือดแล้วก็ใส่พลังดวงดาวเป็นการเซ่นสังเวย หลังจากเซ่นสังเวยเสร็จแล้ว ถึงจะสามารถบังคับวิญญาณที่อยู่ภายในหยกได้” ฉู่เหินที่อ่านต่อดีใจมาก ถ้าเกิดว่าใช้งานมันได้มันจะเป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ
หลังจากที่คิดอย่างรวดเร็ว ฉู่เหินก็หยดเลือดของตัวเองแล้วใช้พลังดวงดาว น่าเสียดายที่การเปิดใช้งานหยกอันนี้ไม่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน ตอนนี้เขาต้องค่อยๆ ทำอย่างละเอียด
เป็นเพราะเขายังไม่สามารถสะกดงูยักษ์ได้ แต่ถ้ามีเวลาเขาเชื่อว่าอีกไม่ถึงครึ่งเดือนเขาจะสามารถสะกดเจ้างูบ้าในหยกนี้ได้อย่างสมบูรณ์แน่
น่าเสียดายที่ว่าเขายุ่งมากเกินไป มีเรื่องให้เขาเดือดร้อนอยู่เสมอ ไม่หยุดเลยแม้แต่สัปดาห์เดียว เขาเลยไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จตอนไหน
เช้าวันต่อมา ฉู่เหินหลังจากเพิ่งฝึกวิชาเสร็จยังไม่ทันได้เช็ดเหงื่อดีเขาก็เห็นหลิวป๋าจิ๋นวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วแล้วตะโกนเรียกเขาอย่างร้อนรน
“เสี่ยวฉู่ มีพวกคนน่าสงสัยกำลังมาทางนี้” หลังพูดจบประโยคหลิวป๋าจิ๋นก็ล้มลงไปกับพื้น ดวงตาของฉู่เหินเย็นเยียบในทันที เขาไม่คิดว่าคนที่ตามล่าเขาจะจมูกไวขนาดนี้
เขาเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับเอามืออังจมูกก็พบว่าหลิวป๋าจิ๋นยังมีชีวิตอยู่ แต่เขาบาดเจ็บสาหัสมาก ผู้อาวุโสปลาหมึกออกมาพาหลิวป๋าจิ๋นเข้าไปในห้องเพื่อทำการรักษา ฉู่เหินและฉู่เฟิงยังคงยืนอยู่นั้นและมองออกไปทางด้านนอก
ฉู่เหินพยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด เพราะเขารู้ว่าอีกฝ่ายมาที่นี่แล้ว แต่เขาไม่อยากที่จะสู้ในตอนนี้ เพราะฉะนั้นเขาจึงได้แต่อยู่นิ่งๆ ไม่งั้นเขาคงจะถูกจัดการในชั่วพริบตา
หลังจากที่พักฟื้นเป็นเวลานานหลิวป่าจิ๋นก็ฟื้นขึ้นมาจนได้ แต่เขาก็ยังเดินไม่ได้เพราะอาการบาดเจ็บ พวกน่ารำคาญข้างนอกไม่ลังเลที่จะจัดการกับหลิวป่าจิ๋น ถ้าหลิวป่าจิ๋นเป็นเป้าหมาย ป่านนี้คงกลายเป็นศพไปแล้ว
โชคดีที่คนพวกนั้นไม่รู้ว่าหลิวป่าจิ๋นเป็นคนซ่อมดาบวงพระจันทร์ให้ฉู่เหินไม่งั้นหลิวป่าจิ๋นคงกลายเป็นศพไปแล้ว
“ดาบวงพระจันทร์นี้เสร็จแล้ว เสี่ยวฉู่ละ” หลังจากที่หลิวป๋าจิ๋นฟื้นขึ้นมา หลิวป่าจิ๋นก็เจอกับผู้อาวุโสปลาหมึก เขามองผู้อาวุโสปลาหมึกแล้วยิ้มออกมา
ตั้งแต่เด็กฉู่เหินถือเป็นคนช่างตีเหล็กฝีมือดีคนหนึ่ง แต่เขาไม่เจอพบกับยอดฝีมือเลยจนได้มาเจอกับฉู่เหิน เขาคิดว่านี่เป็นโอกาสที่เขาจะให้ฉู่เหินช่วยสอนวิชาให้ สักนิดก็ยังดี
ทางฉู่เหินเขามองออกไปข้างนอกอย่างเงียบๆ
หลังจากผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ดูเหมือนว่าพวกชุดดำจะทนไม่ไหวแต่ละร่างต่างสั่นสะท้านเมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่เหิน
พวกเขาแต่งกายชุดสีดำและมีผ้าดำปกคลุมใบหน้า มันไม่ใข่ชุดของประเทศนี้แน่ๆ แต่มันไม่สำคัญสักนิดสำหรับฉู่เหิน เพราะว่าพวกมันทุกคนจะต้องตายอยู่ที่นี่!!
“ฉู่เหินใช่ไหม แกกล้าทำลายสวนดอกไม้ของฉัน วันนี้จะเป็นวันตายของแก” เสียงนุ่มนวลดังมาจากหญิงสาว ฉู่เหินสังเกตเห็นหญิงวัย 30 ที่ดูมีเสน่ห์คนหนึ่ง กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาที่โกรธแค้น
“ตายซะ!” เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่จ้องจะเอาชีวิต ฉู่เหินก็ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากเขาต้องฆ่าอีกฝ่ายเท่านั้น!
สิ้นเสียงร่างเล็กๆทั้ง 2 ก็ปรากฏขึ้นมาบนไหล่ฉู่เหินเป็นแมวนพเวทย์และกระต่ายต้องสาปนั่นเอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ได้เวลากระต่ายออกโรง พวกแกจะได้ประจักษ์กับความเท่ของข้า ตอนตายจะได้ตายอย่างสู่สุคติเป็นไง” กระต่ายพูดออกมาอย่างดุร้ายแล้วใช้ดวงตาจ้องเขม็งอีกฝ่าย ฉับพลันม่านหมอกก็ปกคลุมพวกเขาในทันที แม้แต่หญิงสาวที่ยืนอยู่ไกลๆ เองก็ด้วย
หลังจากคำสาปทำงานพวกเขาก็รู้สึกอึดอัด พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนพวกนี้คิดแค่ว่าจะต้องจัดการชายตรงหน้าให้ได้ทว่าลำแสงก็พุ่งเข้าใส่อีกครั้งซึ่งสายเกินไปแล้วที่จะหลบ
หลังจากที่ถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกพวกเขาก็เห็นภาพหลอน แม้พวกเขาจะยังเดินคงมาด้านหน้าแต่ดวงตาของพวกเขาเริ่มที่จะเลือนราง เวียนหัวจนแทบทรุด ฉู่เหินไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอย เขากับฉู่เฟิงต่างชักอาวุธออกมา
ตอนนี้ดาบวงพระจันทร์ยังไม่ได้กลับมาอยู่ในมือของฉู่เหิน ดังนั้นสิ่งที่อยู่ในมือของฉู่เหินในเวลานี้ก็คือพัดวิเศษ อย่างไรก็ตามอาวุธชิ้นนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกอาวุธวิเศษชิ้นอื่นๆเลย
พัดวิเศษกวัดแกว่งฟันคอของคู่ต่อสู้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางต่อต้าน
“เพล๊ง” เสียงดังขึ้น
ฉู่เหินตกใจมากเขาที่ไม่สามารถบั่นคออีกฝ่ายลงได้ พลังการป้องกันแบบนี้ทำให้ฉู่เหินได้แต่ทำให้สูดหายใจเข้าลึกๆด้วยความตกใจ
พลังการป้องกันนี้เหนือกว่าที่เขาเคยเห็นจากพวกสัตว์กลายพันธุ์เสียอีก การที่มีคนพวกนี้เป็นศัตรู ท่าจะทำให้เขาต้องลำบากซะแล้วถ้าไม่ใช่เพราะว่าจำเป็น ฉู่เหินจะไม่ยอมเป็นศัตรูกับคนพวกนี้เด็ดขาด!!