สุดยอดชาวประมง - บทที่ 221 ไม่หยุดยั้งการไล่ล่า
บทที่ 221 ไม่หยุดยั้งการไล่ล่า
บทที่ 221 ไม่หยุดยั้งการไล่ล่า
ฉู่เหินวิ่งหนีเพื่อรักษาชีวิตน้อยๆ ของตัวเองเอาไว้แต่เพราะแรงสั่นสะเทือนจากระเบิดภูเขาไฟทำให้เขาวิ่งได้อย่างยากลำบาก ทันใดนั้นจุดที่เขายืนอยู่ก็สั่นไหวอย่างรุนแรงและถล่มลงไปยังด้านล่าง คาดไม่ถึงว่าข้างล่างนั้นจะเป็นธารน้ำที่ทอดยาวลงมาจากภูเขา ขณะที่กำลังร้อนรนเขาก็เอาร่มนภาออกมาหวังว่ามันพอที่จะช่วยเขาได้บ้าง
ร่างของเขากำลังตกลงไปในลำธาร พอเขาหยิบร่มนภาออกมากลางอากาศ พร้อมๆ กับถ่ายทอดพลังดวงดาวลงไป ตัวของเขาก็ค่อยๆ ถูกลอยขึ้นช้าๆ ซึ่งถ้าเกิดว่าตกลงไปในจุดที่ภูเขาถล่มละก็ เขาต้องตายเป็นแน่แท้
ยิ่งไปกว่านั้นด้านล่างยังเต็มไปด้วยลาวา ตัวเขาที่กำลังลอยขึ้นอย่างช้าๆ มีจังหวะที่จะหลบหินที่ร่วงลงมาได้ ถ้าหากไม่มีเจ้าร่มนภาอันนี้คงอันตรายสุดๆ
หลังจากที่เขาขึ้นมาด้านบนได้แล้ว มันก็ทำให้เขาไม่กล้าที่จะขึ้นไปยืนบนพื้นภูเขาอีก เขาเลยต้องลอยอยู่เหนือพื้นประมาณ 1 ฟุต ถึงมันจะไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าตกลงไปตาย
ถึงอย่างนั้นฉู่เหินก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองจะปลอดภัยขึ้นเลย เขาคิดกับตัวเองว่าแรงระเบิดแบบนี้จะยังมีคนรอดมาแล้วดักฆ่าเขาอีกไหม? ขณะที่ฉู่เหินกำลังคิดอยู่นั้นก็มีสิ่งหนึ่งบินมาขวางทางเขาไว้
ปีกของอินทรีคู่นั้นสยายออกไปกว่า 10 เมตรราวกับคมดาบเลยทีเดียว มันพุ่งเข้ามาทางฉู่เหินอย่างรวดเร็ว และฉู่เหินสังเกตเห็นว่ามีชายตาเดียวคนหนึ่งยืนอยู่บนร่างของนกอินทรียักษ์ตัวนั้นด้วย
ชายคนนั้นดูอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี มีแผลขนาดใหญ่พาดยาวอยู่บนร่าง ในมือถือธนูยาวเอาไว้แม้ว่าจะไม่ได้ว่าจะยังไม่ได้ง้างคันธนู แต่ในเวลาต่อมา ธนูกว่าหนึ่งหมื่นดอกก็ถูกยิงออกมาทางนี้อย่างฉับพลัน
ลูกธนูทั้งหลายที่หมายจะเอาชีวิตส่งเสียงดังกึกก้อง ถ้าถูกยิงละก็คงตายอย่างไม่ต้องสงสัย เขารีบเร่งพลังดวงดาวให้กับร่มนภาเพื่อหลบการโจมตีอย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นภาพทับซ้อน ภาพทับซ้อนนั้นถูกลูกธนูยิงเข้าอย่างจังภายในเวลาไม่กี่อึดใจ ฉู่เหินเห็นแบบนั้นก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้ แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันตั้งตัว การโจมตีครั้งต่อไปก็พุ่งเข้ามาหาเขาแล้ว เขาจึงรีบหลบไปทางด้านข้างอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าลูกธนูพุ่งผ่านในจุดเขาอยู่เหมือนเดิม เขาไม่คิดว่าดอกที่ 2 จะตามมาเร็วขนาดนี้
“ไม่คิดเลยว่าลูกศรพวกนี้จะจับลมหายใจของศัตรูแล้วพุ่งเข้าหาเป้าหมายได้เอง ดูท่าว่าจนกว่ามันจะยิงโดนมันจะไม่ยอมหยุดเลยสินะ” เมื่อฉู่เหินคิดได้เขาก็รีบหาทางแก้สถานการณ์ในทันที
แต่ชายตาเดียวบนหลังนกอินทรียักษ์ไม่ยอมเปิดช่องว่างให้แก่ฉู่เหินเลย เขายังคงยิงธนูออกมาเรื่อยๆ ฉู่เหินรู้ดีว่ายิ่งปล่อยไว้นานจะยิ่งตึงมือกว่านี้แน่ ถึงตอนนั้นเขาคงจะไม่สามารถหลบได้อีกแล้ว
เมื่อมองไปรอบๆ ตัว การจะบินหนีขึ้นไปสูงๆ ก็ไม่ใช้ทางเลือกที่ดีนักทาง อื่นๆ อีกฝ่ายปิดทางเอาไว้หมดแล้ว เมื่อเป็นแบบนี้เขาก็มีทางออกเดียวเท่านั้น คือ หนีไปทางด้านหน้าผา!
ในวินาทีแห่งความเป็นความตาย ฉู่เหินคิดอะไรไม่ออกแล้ว ฉู่เหินทำได้แค่วิ่งไปยังขอบหน้าผาและทิ้งตัวลงไปเลย เขาใช้ร่มนภาต้านลมตอนลงจากหน้าผาเพื่อให้บาดเจ็บน้อยที่สุด
อย่างไรก็ตาม ชายตาเดียวไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆแน่ ชายตาเดียวขี่นกอินทรีไล่บี้เข้ามา พร้อมยิงลูกธนูโฉบซ้ายโฉบขวาข้างลำตัวของฉู่เหินไม่หยุด
ฉู่เหินเปลี่ยนไปถือร่มด้วยมือซ้ายแล้วหยิบดาบวงพระจันทร์ออกมา ธนูถูกง้างและยิงออกมาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ดาบวงพระจันทร์ปัดป้องการโจมตีของลูกธนูเอาไว้ได้ จนลูกธนูถูกผ่าออกเป็นสองซีก
ลูกธนูที่ถูกตัดออกเป็นสองส่วนนั้นร่วงกราวตกลงสู่เบื้องล่าง ฉู่เหินไม่คิดว่าอานุภาพของดาบในมือยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้
ฉู่เหินจึงไม่ลังเลอีกต่อไป เขาใช้ดาบวงพระจันทร์จัดการกับลูกธนูอย่างต่อเนื่อง ชายตาเดียวที่เห็นภาพตรงหน้าก็มีท่าทางไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากลูกธนูเหล่านั้นเป็นของที่ถูกทำขึ้นมาจากวัสดุพิเศษน้อยคนนักจะสามารถสร้างออกมาได้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ไม่ดีสำหรับฉู่เหินเลยสักนิด เพราะมันแปลว่ากว่าเขาจะทำลายมันหมดต้องเปลืองพลังไปมากแน่ๆ
ไม่นานนักในที่สุดฉู่เหินก็ทำลายลูกธนูที่ถูกยิงออกมาจนหมด ในเวลานี้
ฉู่เหินมองฝ่ายตรงข้ามไม่วางตา สถานการณ์แบบนี้ถ้าอยากที่จะรอดออกไปก็มีแต่จะต้องสู้ยิบตาเท่านั้น
ถ้าเกิดว่ายังไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายได้ เขาก็คงไม่สามารถหนีไปได้อย่างตลอดรอดฝั่งแน่ๆ ไม่ต้องถามเลยคนๆ นี้ยังมีหัวหน้าของคนที่ออกไล่ล่าเขาอีกแล้วผู้หญิงที่ถูกหินกระแทกใส่เครื่องบินนั่นก็ด้วย เขาไม่รอดแน่ๆ
หลังจากคิดเสร็จ ฉู่เหินก็ควงดาบในมือและเก็บดาบวงพระจันทร์ไป
จากนั้นเขาก็เหยียดขาข้างหนึ่งออกไปเกาะร่มนภาเอาไว้ให้แน่น มืออีกข้างก็เรียกธนูออกมาไว้ในมือ ถึงเวลาวัดกันแล้วว่าใครจะยิงธนูได้แม่นกว่ากัน
เมื่อชายตาเดียวเห็นก็อดที่จะยิ้มเยาะเย้ยไม่ได้ ในความคิดเขาฝีมือการยิงธนูของตนไร้เทียมทาน กล้ามากนะที่จะวัดฝีมือยิงธนูกับเขา นี้ถือว่าเป็นการหยามหน้ากันชัดๆ
ชายตาเดียวไม่เห็นฉู่เหินอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ซึ่งฉู่เหินเองก็ไม่สนใจกับสายตาของอีกฝ่าย เขาพาดลูกธนูลงกับคันธนูเตรียมพร้อมที่จะยิงออกไป ถึงจะยิงออกไปแค่ดอกเดียวแต่มันก็เป็นลูกธนูระดับ 3 ซึ่งแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
พลังของธนู ลูกธนู พลังกิเลน พลังลมปราณถูกรวมเข้าด้วย ลูกธนูค่อยๆ ขยายใหญ่มากขึ้น แต่เขาไม่กล้าที่จะอัดพลังกิเลนลงไปอย่างเต็มที่ เพราะลูกธนูระดับ 3 เดิมทีอานุภาพของมันก็รุนแรงมากอยู่แล้ว แค่นี้พลังของมันก็ไม่ต่างอะไรกับอาวุธระดับ 5 ด้วยซ้ำ
ฉับพลันชายตาเดียวก็เห็นท่าไม่ดี หลังจากที่เห็นพลังอันน่าหวาดหวั่น เขาจึงตัดสินใจบังคับให้เจ้านกอินทรียักษ์หลบออกจากวิถีลูกธนู
ในตอนแรกเขากะจะยิงสวนใส่ฉู่เหิน แต่เมื่อเขาเห็นพลังการต่อสู้ของฉู่เหินสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะให้นกอินทรีบินหนีแทน
ลูกธนูพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็วจนทำให้มองเห็นเป็นลำแสง! แม้ว่าลูกธนูของฉู่เหินจะไม่ได้ติดตามตัวอย่างอีกฝ่าย ทว่าด้วยความเร็วระดับนี้ก็ยากที่จะหลบพ้น
ชายตาเดียวสั่งในนกบินหนีแต่การเคลื่อนไหวของมันก็ช้าเกินไปเสียแล้ว ฉับพลันเขาก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส พอก้มหน้ามองก็เห็นว่ามีรูโบ๋อยู่ตรงอกของตัวเอง
ลูกธนูยาวเหยียดตรงทะลุไปบนร่างของอินทรียักษ์ จนมันร้องคำรามออกมา ชายตาเดียวทรุดลงอย่างไร้เสียง เลือดสาดกระจายออกมาราวกับฝนตก