สุดยอดชาวประมง - บทที่ 226 หลี่ตายแทนถาว
บทที่ 226 หลี่ตายแทนถาว
บทที่ 226 หลี่ตายแทนถาว
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว หลังจากที่ฉู่เหินเจอเกี้ยวเจ้าสาวระหว่างทาง พวกที่ไล่ตามมาเปิดม่านดูก็เจอหญิงสาวนางหนึ่งนั่งหลับตานิ่งๆ ไม่แสดงท่าทีแปลกๆอันใด อีกคนก็เข้าไปสำรวจเกี้ยวเจ้าสาวแค่เขาแค่กวาดสายตามองไม่กี่ทีก็จากไป ไม่ได้ทำให้หญิงสาวตกใจเลยแม้แต่น้อย
พวกเขาที่ไล่ล่าฉู่เหินรู้สึกแปลกใจมาก เพราะพวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าฉู่เหินอยู่ในขบวนเจ้าบ่าวแน่ๆ อยู่ๆ มันจะหายตัวไปได้ยังไง แถมกลิ่นอายของฉู่เหินเองก็หายไปด้วยเช่นกัน
พวกเขาไม่รู้เลยว่าที่กลิ่นอายของฉู่เหินหายไปนั้น เป็นเพราะถูกกลิ่นตัวของฉางเย่กลบเสียหมด ต่อให้พวกเขาเป็นเทพเซียนพวกเขาก็ไม่มีทางคิดว่าฉู่เหินจะไปหลบอยู่ใต้กระโปรงของเจ้าสาวแบบนี้!
หลังจากเดินทางไกลพอสมควรแล้ว ฉู่เหินรู้สึกว่าพวกนั้นยังคงไล่ล่าเขาอยู่ไม่ได้จากไปไหนไกล แต่ตามหลังขบวนมาอย่างช้าๆ เพราะว่าคนเหล่านี้เชื่อว่าการที่ฉู่เหินหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ ขบวนเจ้าบ่าวเจ้าสาวนี้ต้อง มีอะไรสักอย่างแน่นอน
หลังจากรับรู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ได้ไปไหน ฉู่เหินก็ขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด เขาต้องคิดทางรอดไปให้ได้ เขาคิดว่าอีกไม่นานเขาคงโดนจับได้ ไม่ช้าก็เร็ว
“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตไว้นะครับ แต่คนเหล่านี้ยังตามมาข้างหลังไม่เลิก อีกไม่นานผมคงต้องไปแล้วล่ะ ผมขอโทษที่มารบกวนงานแต่งของซินเหนียงถ้าผมหนีไปได้ ผมจะกลับมาช่วยแน่นอน!” ฉู่เหินกระซิบบอกฉางเย่หลังจากที่ออกมาจากกระโปรงของเธอแล้ว
หลังจากเห็นฉู่เหินออกมา ใบหน้าของฉางเย่ก็แดงก่ำราวกับแอปเปิ้ล
เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเมื่อกี้ตัวเองถึงได้บ้าคลั่งขนาดนั้น พระเจ้า นี้เป็นครั้งแรกที่เธอทำตัวแบบนี้
“รบกวนอะไรกัน ฉันคนนี้ไม่มีอะไรดีอยู่แล้ว” ในดวงตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความเศร้าโศก แม้ว่าใบหน้าของเธอจะยังคงมีรอยแดง แต่ก็ยากที่จะซ่อนความเศร้าในหัวใจของเธอ
“เอ่อ หรือว่าเธอโดนบังคับให้แต่งงานโดยที่เธอไม่เต็มใจงั้นเหรอ” ฉู่เหินรู้แล้วว่าเจ้าบ่าวเป็นชายวัยกลางคนในวัย 40 แถมยังป่วยเป็นวัณโรคอีก เขาพอจะรู้เรื่องแล้วว่าเรื่องนี้น่าจะถูกบังคับแต่เขาต้องถามเพื่อความแน่ใจ ก่อนที่จะลงมือ
หลังจากได้ยินคำถามของฉู่เหิน ฉางเย่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หยดน้ำตามากมายไหลอาบแก้มนวล มันกระแทกหัวใจของฉู่เหินอย่างแรง
จากนั้นหญิงสาวก็เล่าเรื่องราวชีวิตของเธออย่างช้าๆ ทำให้ฉู่เหินเดือดดาลมากกว่าเดิมมากตอนแรกเขาแค่คิดว่าพวกนี้บังคับแต่งงานไม่คิดว่าเธอจะผ่านเรื่องราวเลวร้ายขนาดนี้มา ในโลกทุกวันนี้ยังมีขบวนการค้ามนุษย์เหลืออยู่อีกเหรอ! คนเลวพวกนี้สมควรตายจะได้ไม่เป็นภัยต่อคนอื่นอีก
“วางใจเถอะ ในเมื่อผมรู้เรื่องนี้แล้วไม่มีทางปล่อยผ่านไปแน่” ฉู่เหินเริ่มคิดแผนการในใจเงียบๆ
ตอนนี้เขาแค่ปกป้องตัวเองยังยากหากออกไปตอนนี้ คนที่แอบตามมาต้องลงมือสังหารเขาอย่างไร้ความปรานีแน่นอน แม้ว่าขบวนเจ้าบ่าวนี้จะยังต้องเดินทางอีกไกลกว่าจะถึงจุดหมาย แต่ถึงจุดหมายแล้วเขาจะทำยังไงต่อดี จะให้หลบอยู่ใต้กระโปรงของเจ้าสาวเหรอ ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน
หลังจากครุ่นคิดอย่างหนัก ฉู่เหินก็คิดถึงประโยคที่เขาบอกว่า ภรรยานำแมวมาเปลี่ยน* ไม่สิมันควรจะเป็นหลี่ตายแทนถาว* ดีล่ะ โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ต้องสลับตัวเป็นผู้หญิงคนนี้แทนแล้วหญิงสาวเข้าไปหลบในแหวนมิติ จากนั้นเขาก็จะสวมรอยแต่งงานแทนเธอ คนพวกนั้นต้องคิดไม่ถึงแน่ๆ
(ภรรยานำแมวมาเปลี่ยน* เป็นวรรณกรรมจีนเรื่อง《三侠五义》กล่าวถึงภรรรยาสับเปลี่ยนลูกตัวเองกับแมว)
(หลี่ตายแทนถาว* หนึ่งในกลยุทธ์สามก๊กหมายถึงเสียสละส่วนน้อยเพื่อส่วนมาก)
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉู่เหินก็อดชมตัวเองไม่ได้ว่าเรานี่มันอัจฉริยะจริงๆ หลังจากคิดแผนการทั้งหมดเสร็จแล้ว ฉู่เหินก็ตรวจสอบทั่วร่างของหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาอันร้อนแรง!
แม้ว่าฉางเย่จะก้มหน้าคอตกอยู่ แต่หลังจากเห็นว่าฉู่เหินยังคงนิ่งไม่ขยับไปไหนเธอก็เลยเงยหน้าขึ้นมามองว่าชายหนุ่มต้องการอะไรกันแน่ ทว่าเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น
เพราะว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ไม่ใช่ฉู่เหินคนเดิม แต่เป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาและกิริยาท่าทางเหมือนกับเธอราวกับแกะ
เมื่อเห็นท่าทางที่ตกใจ ฉู่เหินเลยยิ้มออกมาอย่างขบขัน “ที่เหลือให้ผมจัดการเอง เดี๋ยวผมจะพาคุณหนี รอให้ผมจัดการคนพวกนี้ก่อนนะ”
“ฉัน ฉันน่ะ…” ฉางเย่ติดอ่างอยู่นานเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงดี สิ่งที่เธอฝันถึงมานานแสนนานจะกลายเป็นจริงแล้ว
“ผมจะขอถามอะไรเธอหน่อยนะ เต็มใจที่จะไปกับผมหรือเปล่า เธอคงไม่อยากแต่งงานกับคนป่วยเป็นวัณโรคสินะ” ฉู่เหินพูดทีเล่นทีจริง
“คุณ คุณจะ…” เธอพูดได้จบประโยคเสียที ฉู่เหินคิดเธอคงดีใจมากเกินไปเพราะเธอถูกจับตัวมานานกว่า 20 ปีแล้ว
“เต็มใจ ฉันเต็มใจค่ะ!” แม้ว่าสติของเธอตอนนี้เตลิดไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่เธอก็พยายามพูดมันออกมาให้ได้
“สาวน้อย เธอไม่คิดสักหน่อยแล้วค่อยตอบตกลงเหรอ” เขาพูดอย่างติดตลก ทันทีที่สาวน้อยได้ยิน เธอก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ถ้าคุณพาฉันไป ให้ฉันทำอะไรก็เต็มใจค่ะ” เสียงพูดแผ่วเบาเหมือนเสียงยุงบินจนแทบไม่ได้ยิน ใบหน้าแดงก่ำ ฉู่เหินเห็นดังนั้นก็เข้าใจทันที ท่ามกลางความกระอักกระอ่วนฉู่เหินโบกมือไปมาเพื่อยุติเหตุการณ์
“ช่างเถอะๆ ตอนนี้เธอถอดชุดนั่นออกมาก่อน!” พูดประโยคนั้นจบฉู่เหินก็ต้องเสียใจ เพราะว่ามันฟังดูล่อแหลมสุดๆ
“ตรงนี้? ไม่ดีมั้งคะ กลางงานแบบนี้เลยเหรอ” เธอกระซิบตอบเขา ฉู่เหินรู้สึกเหมือนถูกน้ำเย็นสาดรดสมองอย่างจัง
เขารีบสรุปในทันที “ถ้าไม่ถอดออกมา แล้วผมจะปลอมเป็นเธอได้ไงเล่า?”
ฉางเย่เข้าใจผิดไปไกลลิบโลด เธอเขินอายแล้วรีบถอดชุดออก ฉู่เหินไม่เข้าใจว่าเธอเข้าใจผิดไปมากขนาดไหน นอกจากตัวชุดแล้ว เธอแทบไม่มีอย่างอื่นเลย ยกเว้นผ้าสองชิ้นที่ปกปิดในส่วนที่มันควรจะต้องถูกปิดเอาไว้
แล้วฉู่เหินก็ถึงเพิ่งรู้สึกเสียใจว่าทำไมไม่ให้เธอไปอยู่ในแหวนมิติก่อนค่อยถอนชุด แต่ฉู่เหินรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมัวพูดมาก หลังจากที่เขาเก็บหญิงสาวเข้าไปไว้ในแหวนมิติแล้วเขาก็เอาชุดของเธอมาเปลี่ยนทันที