สุดยอดชาวประมง - บทที่ 243 ความเข้าใจผิดที่น่าอึดอัดใจ
บทที่ 243 ความเข้าใจผิดที่น่าอึดอัดใจ
บทที่ 243 ความเข้าใจผิดที่น่าอึดอัดใจ
ผ่านไปนาน เฉินเจียนก็ขึ้นมาจากน้ำเธอช่วยชีวิตของฉู่เหินเอาไว้ได้แล้ว
ก่อนที่เธอจะจากไปอาจารย์บอกตัวเธอว่าบางทีนี่อาจเป็นจุดสุดท้ายในชีวิตของพวกเธอทั้งสองคน เว้นเสียแต่ว่าฉู่เหินจะแข็งแกร่งขึ้นจนเป็นยอดฝีมือในตำนาน ซึ่งมีโอกาสน้อยมาก
ตอนนี้ราวกับว่าพวกเธอถูกลิขิตไม่ให้พอเจอกันอีกตลอดชีวิตเมื่อเฉินเจียนได้ยินแบบนี้ เธอก็คิดว่าคุ้มค่าแล้วที่ได้เสียความบริสุทธิ์ให้กับฉู่เหิน เธอจากไปพร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างเงียบๆ!
หญิงชราที่เห็นท่าทางของเฉินเจีนย ก็ได้แต่ลอบถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ทุกคนต้องชดใช้ผลของการกระทำตัวเองเมื่อเธอตัดสินใจที่จะทำจะได้ไม่มีการไม่เสียใจภายหลัง เพราะว่าชีวิตไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ด้วยเหตุนี้เวลาจะทำอะไรเธอต้องระมัดระวังให้มากๆนะ”
หลังจากถอนหายใจหญิงชราก็สะบัดมือ แน่นอนเธออยากให้ลูกศิษย์ของเธอมีความสุขมากที่สุดและเธอก็ไม่ลืมทำเรื่องสนุกๆอีกด้วย เธอห่อร่างของเฉินเจียนไว้แล้วทั้งสองก็หายไปในอากาศ ขณะเดียวกันฉู่เฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ ฉู่เหิน
บางทีหญิงชราอาจจงใจทำแบบนี้ เมื่อร่างของฉู่เฟิงโผล่มาเสื้อผ้าของเขาก็หายไปด้วย!!
ในที่สุดฉู่เฟิงก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความสับสน แต่เมื่อเขาเห็นตัวเองในตอนนี้ก็เกิดรู้สึกอับอายจนงุนงงสักหน่อย เพราะเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ตอนนี้เองที่บังเอิญฉู่เหินก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน แม้เขาจะเสียสติเพราะยาพิษ แต่เมื่อเขารู้ว่าเขาถูกพิษอะไรเขาก็อยากล้างพิษด้วยตัวเอง แต่เหมือนมันจะไม่ได้ผล แม้เขาเขาจะเสร็จความใคร่ด้วยตัวเองไปแล้ว
เขาลืมตาขึ้นมาก็รู้สึกแปลกๆ เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยมีคนมาช่วยเขาเอาไว้งั้นเหรอ ท่ามกลางสติเลือนอันรางในเวลานั้นเธอคนนั้นเป็นใครกันแน่ เขารู้สึกเหมือนว่าเห็นเฉินเจียน เป็นไปได้ไหมที่เฉินเจียนจะเป็นคนช่วยเขา?
ในขณะที่เขากำลังคิด เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันมองร่างขาวๆที่ตรงหน้าเขา เมื่อเขาขยับขึ้นมองดูใบหน้าของอีกฝ่าย เขาก็เผลอตะโกนออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นเขาก็เอามือปิดบังความอัปยศอย่างรวดเร็ว แต่ก็รู้สึกว่านี่มันไม่ถูกต้องเขาจึงมองรอบๆด้วยความตกใจและหวาดกลัวไปพร้อมๆกัน ขณะที่มองฉู่เฟิง
“อย่าบอกฉันนะว่านายยอมเสียสละความบริสุทธิ์เพื่อช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ถ้าเป็นอย่างงั้นฉันขอตายดีกว่า” เมื่อเขาพูดจบใบหน้าของฉู่เหินก็ดำราวกับขี้เถ้า แต่ในใจร้องไห้ไปแล้ว! คุณรู้ใช่ไหมไม่ว่าฉู่เฟิงเป็นผู้ชาย!!
เมื่อฉู่เฟิงได้ยินคำพูดของฉู่เหิน ใบหน้าของเขาก็ยังคงเรียบนิ่ง เขาไม่ค่อยฉลาดเท่าไรและเขาเป็นมนุษย์ที่ยังไร้ความรู้อยู่มาก เขาจะไปหาคำตอบที่ฉู่เหินต้องการได้จากที่ไหนกัน?
ความนิ่งเงียบนี้ในสายตาของฉู่เหินราวกับพายุฝนฟ้าคะนอง ทั้งตัวเขาดูเหมือนจะสูญเสียกำลังทั้งหมด เขาอ้าปากค้างจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
“เจ้าโง่ๆ ความบริสุทธิ์ของฉัน นายกำลังทำให้ฉันเป็นบ้า ใช่ ชีวิตของฉันมันพังทลายลงแล้ว ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว ฉันจะไปสู้หน้าใครที่ไหนได้อีก” ฉู่เหินร้องไห้จากนั้นเขาก็เสียสติไปพักหนึ่ง เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันน่าเศร้าเกินไป ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป อนาคตเขาจะยังนับเป็นผู้ชายได้อยู่อีกไหม?
ฉู่เฟิงจ้องมองไปที่ฉู่เหิน เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงร้องไห้เห็นได้ชัดว่าพิษในร่างกายของฉู่เหินหายแล้ว แต่ตอนนี้ฉู่เหินกลับไม่มีความสุข
หญิงชราที่ซ่อนตัวอยู่ในความว่างเปล่าหัวเราะออกมาสุดเสียง แม้แต่เฉินเจียนหลังจากเห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ร่องรอยความเฉยชาที่เพิ่งเกิดขึ้นในใจของเธอ หายไปด้วยการละเล่นที่แปลกประหลาดจากท่านอาจารย์ของเธอ
“อาจารย์ ท่านควรเตือนเขาและบอกไปว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน แต่อย่าบอกเรื่องของฉันละ!” หลังจากคิดแล้วเฉินเจียนก็ขอร้องอาจารย์ของเธอ
หลังจากที่หญิงชราหัวเราะสักพักเธอก็รู้สึกว่าเธอสนุกพอแล้ว เธอสะบัดนิ้วปรากฏเป็นใบไม้หนึ่งใบในมือของเธอ ไม่มีใครเห็นว่าเธอทำได้ยังไงจากนั้นเธอก็ทิ้งใบไม้ไปที่แม่น้ำใต้ดิน
ฉู่เหินนั่งอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บใจ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงใบไม้ที่กำลังลอยลงมา เขายกมือของเขาขึ้นเพื่อจับใบไม้เอาไว้ จากนั้นความผันผวนทางวิญญาณจางๆ ที่แข็งแกร่งก็กระจายออกมา
“เด็กงี่เง่า คิดอะไรบ้าๆ คนช่วยเธอคือลูกศิษย์ของฉัน เธอเป็นเด็กสาวที่จริงจังและสง่างาม ตอนนี้ลูกศิษย์ของฉันไม่อยากเห็นเธอ หากชะตาลิขิตคงเจอกันใหม่ในภายหลัง อ๋อใช่ ฉันจะบอกข้อความให้เธอฟรีอย่างหนึ่ง ประมาณ 300 ลี้ทางตะวันออกมีผู้หญิง 2 คนกำลังตามหาเธออยู่ดูเหมือนว่าพวกเธอจะชื่อว่า เสี่ยวชิง เสี่ยวฟู่!”
หลังจากนั้นความผันผวนของวิญญาณก็กระจายหายไปใบไม้เองก็สลายไปตามสายลมเช่นกัน นั่นทำให้ฉู่เหินที่เศร้าอยู่มีความสุขขึ้นมาทันตาเห็นเขาหยิบชุดเสื้อผ้าออกจากแหวนเก็บของและโยนมันไปที่ฉู่เฟิง ก่อนรีบขึ้นไปที่ฝั่งอย่างรวดเร็ว!
หลังจากขึ้นมายืนอยู่บนฝั่ง ฉู่เหินก็กำมือหมัดและโค้งคำนับอากาศที่ว่างเปล่า “ขอบคุณครับผู้อาวุโส แต่ผมไม่รู้ว่าใครคือศิษย์ของท่านผู้อาวุโส
แต่ถ้าไม่ใช่คนคุ้นเคย เธอคงจะไม่มีวันเสียสละความบริสุทธิ์ให้กับผม สิ่งที่มีค่าแบบนี้นั้น แม้แต่คนที่รู้จักผมดีก็คงยังไม่กล้าเสียสละให้ขนาดนี้”
หลังจากพูดถึงเรื่องนี้ฉู่เหินก็หยุดลงครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็พูดต่อไปว่า
“ผู้อาวุโส ท่านบอกว่าเสี่ยวชิง เสี่ยวฟู่อยู่ห่างออกไป 300 ลี้ทางตะวันออกเช่นนั้นก็ไม่ใช่เธอสองคนนี้ที่เสียสละให้กับผมอย่างแน่นอน ในบรรดาคนที่ผมรู้จักนอกจากเธอสองคนนี้แล้ว ก็เหลือแค่พี่เฉินเจียนเท่านั้น !”
“ผู้อาวุโส คราวนี้ผมลุยฝ่าภูเขาเทียนซานมาคนเดียว เพื่อช่วยเหลือพี่เฉินเจียน ในเมื่อพี่เฉินเจียนอยู่ที่นี่ ก็ขอให้เธอออกมาพบกับผมหน่อยเถอะ” หลังจากตะโกนประโยคนี้จบฉู่เหินก็รออยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็พบว่าในความว่างเปล่านั้นมีเพียงเงียบงันและไร้ซึ่งคำตอบใดๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้ฉู่เหินก็อดรู้สึกกังวลไม่ได้และตะโกนขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้งว่า “เป็นพี่เฉินเจียนหรือเปล่า ผมรู้ว่าเป็นพี่ พี่รีบออกมาเถอะ สองสาวนั้นก็มาแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่พี่ พวกเรากลับบ้านไปด้วยกันเถอะ!”
ฉู่เหินและตะโกนอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับมา ทำให้เขาสลดจากนั้นก็พึมพำเบา ๆ อย่างโศกเศร้าซ้ำแล้วซ้ำอีก “เธอไปแล้ว ไปแล้วจริง ๆ เหรอ? ทำไมกัน ฉันก็ยังอยู่ที่นี่ บ้านเธอก็อยู่ที่นี่ เธอจะไปอยู่ที่ไหนได้กัน?”
น้ำตาสองหยดไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ เขายกแขนเช็ดเบา ๆ และถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ พลางเดินช้า ๆ ถอยออกมา
ฉู่เฟิงมองการกระทำของฉู่เหินที่ค่อนข้างลึกลับ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาสวมใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าตามหลังไปอย่างใกล้ชิด
ฉู่เหินหยิบหน้ากากออกมาและทาบลงบนใบหน้าของเขา เขากลายเป็นคนแปลกหน้าในทันที เขาใช้ใบหน้าเมื่อตอนที่เขาต่อสู้กับโทนี่ อาจเป็นเรื่องยุ่งยากหากอยู่นอกสถานที่ แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาที่จะใช้มันในกรณีฉุกเฉิน ส่วนฉู่เฟิงเขาก็ถูกเก็บเข้าไปในแหวนมิติอีกครั้ง