สุดยอดชาวประมง - บทที่ 245 ภูเขาเปลวเพลิง
บทที่ 245 ภูเขาเปลวเพลิง
บทที่ 245 ภูเขาเปลวเพลิง
ทุกวันนี้ภูเขาเปลวเพลิงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงจนมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่มากมาย ฉู่เหินและคนอื่น ๆ จึงดูไม่โดดเด่นนัก การแฝงมากับกลุ่มนักท่องเที่ยวเหล่านี้จึงเป็นทางเลือกที่ดี
ภูเขาเปลวเพลิงตั้งอยู่ในใจกลางของเขตทูหลูฟาน 98 กิโลเมตรจากตะวันออกไปตะวันตก กว้าง 9 กิโลเมตรจากเหนือจรดใต้ความสูงคือ 851 เมตร ยอดเขาหลักตั้งอยู่ 12 กิโลเมตรทางตะวันตกของเมืองเหลียนซินมณฑลซานซาน ชาวอุยกูร์ภูเขาเปลวเพลิงนี้เรียกว่า “ภูผาแดง” เมื่อใดก็ตามที่ภูเขานี้อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ร้อนในอากาศที่ร้อนขึ้นภูเขาจะมีสีแดงเข้มจนดูเหมือนจะถูกเผาไหม้
ไกลออกไป เมื่อทุกคนเห็นทัศนียภาพที่นี่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข มันราวกับภูเขาเปลวเพลิงในไซอิ๋ว ภูเขาเปลวเพลิงขนาดใหญ่นี้ให้ความรู้สึกที่น่าจดจำจริงๆ
ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่แผดเผาภูเขามีสีแดงดุจเปลวเพลิง บวกกับการขาดแคลนต้นไม้ของที่นี่ ขอบฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุดเต็มไปด้วยภูเขาสีแดงเรื่องเล่าขานอย่างภูเขาแห่งเปลวเพลิงทำให้มันดูสมจริงยิ่งขึ้นอีกไป
ขณะที่ผู้คนหลั่งไหลเข้าชม ก่อนมาที่นี่พวกเขาทุกคนคิดว่าภูเขาเปลวเพลิงคงจะร้อนมาก ระหว่างทางฉู่เหินเลยไปหาน้ำแร่เย็นๆ มานับร้อยขวดแต่เมื่อพวกเขามาถึงที่นี่พวกเขาก็เข้าใจว่ามันไม่เหมือนกับที่จินตนาการไว้
ลักษณะของภูเขาเปลวเพลิงนั้นไม่ใช่ความร้อน แต่เป็นความงาม ทิวทัศน์อันงดงาม! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเหยียบเท้าลงบนภูเขา มองไปไกล ๆ จะดูเหมือนเกาลัดที่อยุ่ในกองไฟ ฉู่เหินลืมความกังวลในใจไปชั่วคราว พวกเขาทั้งสี่เริ่มมีความสุขกับการเที่ยวชมบนภูเขาเปลวเพลิง
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของที่นี่น่าจะเป็นรูปปั้นทองเหลืองขนาดใหญ่ ซุนหงอคงยืนอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่และมองไปยังที่ห่างไกล
หลังจากมาที่นี่การถ่ายรูปเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่มีใครมีกล้องแต่สมัยนี้ โทรศัพท์มือถือมีฟังก์ชั่นนี้มากมาย เป็นผลให้พวกเขาสามารถถ่ายรูปเก็บภาพความงดงามของภูเขาเปลวเพลิงเอาไว้ได้
แต่ฉู่เหินรู้สึกอึดอัดใจมาก เพราะในภาพนั้นเขาอยู่ในรูปลักษณ์ของฉางเย่ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะทำท่าทางอย่างไรดี แล้วเขาจะสู้หน้าตัวเองเมื่อเห็นภาพนี้ในอนาคตได้ไหมนะ
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดเรื่องนี้ คำพูดของซ่างกวงเสี่ยวฟู่ก็ทำให้สีหน้าของฉู่เหินเปลี่ยนไป
” 10-20 ปีหลังจากนี้ เมื่อนายมีลูก ลูกของนายเห็นรูปนี้เด็กจะพูดว่ายังไงกันนะ? แม่ แม่ คนคนนี้เป็นใคร แล้วคนนี้คือใคร?” ซ่างกวงเสี่ยวฟู๋พูดขึ้นและชูภาพถ่ายชี้ให้ฉู่เหินดู ทำให้เสี่ยวชิงหัวเราะออกมาไม่หยุด
“ไม่เห็นเป็นไร? ฉันก็จะบอกเขาเองว่านั้นคือพ่อของลูกไง” หลังจากซ่างกวงเสี่ยวฟู๋พูดจบ เสี่ยวชิงก็ตอบในทันที ใบหน้าของเธอแดงก่ำแล้วเธอก็หันไปมองฉู่เหินที่ดูหดหู่จนอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง
ซ่างกวงเสี่ยวฟู่ไม่หยุด เธอเกาะแขนของเสี่ยวชิงและพูดแบบเด็กๆ
“แม่ พ่อตอนนั้นทำไมสวยจังเลย ฮ่าฮ่าฮ่า?”
“ซ่างกวงเสี่ยวฟู่ เธออยากโดนตีนักใช่มั้ย ไม่มีอะไรทำหรือไง” ฉู่เหินใบหน้าดูชั่วร้ายจากนั้นเขาก็บอกว่าเขาจะไม่ถ่ายรูป ทำให้ทั้งสามคนรอบข้างหัวเราะออกมา!
ทุกคนต่างก็ขึ้นไปบนภูเขาเพื่อพูดคุยและหัวเราะ แม้จะเป็นการหลบหนี แต่ทิวทัศน์ของที่นี่ทำให้ทุกคนมีความสุข ความยากลำบากในการหลบหนีเท่ากับศูนย์ อีกทั้งใบหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้ฉู่เหินสบายใจมาก ในทางกลับกันเม่ยชิงที่พรรคกระบี่เทียนซานเมื่อเธอได้ยินว่าฉู่เหินหนีไปแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำโต จากนั้นรีบก็สั่งให้ศิษย์ของเธอออกไปค้นหาอีกรอบ ๆ แต่ผ่านไปหลายวันแล้วฉู่เหินก็ยังไม่ถูกจับตัว
ความแข็งแกร่งของพรรคกระบี่เทียนซานเป็นที่เลืองลือ อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไป 2-3 วันก็ยังไม่มีข่าวเรื่องนี้แม้แต่น้อย เม่ยชิง สั่งให้ค้นหาทั้งเทือกเขาเทียนซานอย่างรวดเร็ว
แต่เนื่องจากการเคลื่อนไหวของพรรคเธอนั้นเอิดเกริกไปหน่อย ทำให้กองกำลังอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทือกเขาเทียนซานไม่พอใจภายในทั้งภูเขาเทียนซาน พรรคกระบี่แห่งเทียนซาน ไม่ใช่กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด อย่างน้อยก็ยังมีหลายขุมกำลังที่ดูดีกว่าพวกเขา ที่โดดเด่นที่สุดคือพรรคเจ็ดกระบี่
พรรคเจ็ดกระบี่เป็นหนึ่งในกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดในเทียนซาน ว่ากันว่าศิษย์ 7 คนจะถูกส่งตัวไปปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ทุก ๆ ร้อยปี จนถึงตอนนี้มีกระบี่ 7 เล่มอยู่ภายใต้เทือกเขาเทียนซาน เนื่องจากโลกภายนอกไม่รู้ว่าชื่อของพรรคนี้คืออะไรทุกคนจึงเรียกมันว่า “พรรคเจ็ดกระบี่”
พรรคเจ็ดกระบี่นั้นเป็นผู้นำของพรรคทั้งหมดบนเขาเทียนซานและโดยปกติมักจะไม่มายุ่งกับปัญหาทั่วไป แต่คราวนี้ พรรคกระบี่แห่งเทียนซานสร้างความวุ่นวายมากไปจริง ๆ และนี่ทำให้จิตใจของคนบนเขาเทียนซานทั้งหมดสั่นไหว เพราะกลัวพรรคเจ็ดกระบี่จะโกรธ
เมื่อเม่ยชิงที่กำลังเตรียมระดมคนของพรรคกระบี่แห่งเทียนซานจำนวนมากไปค้นหา ผู้มาเยือนทั้งเจ็ดก็มาถึง นั้นคือเจ็ดกระบี่ ฉีหยู่ชวน! เมื่อพวกเขาเอ่ยนามออกมาและกล่าวว่าพวกเขาเป็นคนของพรรคเจ็ดกระบี่ ทุกคนต่างก็ตกใจในการมาถึงของพรรคเจ็ดกระบี่
เป็นที่ชัดเจนว่าทั้งเจ็ดคนไม่ได้มาที่นี่เพื่อเป็นแขก แต่เป็นการนำข้อความจากหัวหน้าของพวกเขามาส่ง
“หัวหน้ารออยู่พวกเราอยู่ที่ตีนภูเขา พวกเราไม่อยากเสียเวลา ท่านเขาฝากให้เราส่งข้อความบางอย่างมาให้คุณ สถานที่เงียบสงบตามธรรมชาติแห่งนี้ไม่ต้องการความวุ่นวาย หากคุณไม่เข้าใจก็โปรดออกไปจากเทือกเขาเทียนซานในทันที ถ้าคุณยังรบกวนธรรมชาติ ผู้พิทักษ์จะลงมือด้วยตัวเอง!”
หลังจากพูดไม่กี่คำเหล่านี้จบคนทั้งเจ็ดก็หายตัวไป สิ่งนี้ทำให้เม่ยชิงและพี่ชายที่เป็นหัวหน้าพรรคได้แต่มองหน้ากัน พรรคกระบี่แห่งเทียนซานนั้นแม้จะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่กล้ายั่วยุพรรคเจ็ดกระบี่แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจแต่เธอก็รีบออกคำสั่งเรียกให้คนที่ออกไปข้างนอกล่าถอยกลับมา
จากเทือกเขาเทียนซานถึงทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีวิธีเดินทางเพียงไม่กี่วิธีหากคุณไม่ใช้ถนนสายหลัก วิธีแรกต้องไปที่เมืองลาซาและเข้าสู่คุนหมิงไปไหโข่ว วิธีที่สองทางซีหนิงไปที่หลานโจวแล้วตรงไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ วิธีที่สามไปที่ฮูฮอตในมองโกเลีย วิธีที่สี่จากชิงไห่ไปกานซูถึงหนิงเซี่ยแล้วข้ามชานซีไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ในเส้นทางทั้งสี่นี้เธอคิดว่าเป็นไปได้มากที่ฉู่เหินน่าจะไปทางมองโกเลีย
ด้วยทางนี้ฉู่เหินจะสามารถเดินทางตามภูเขาและทุ่งหญ้าดูปลอดภัยที่สุดส่วนเส้นทางอื่น ๆ ความเป็นไปได้นั้นไม่ค่อยเยอะนัก เธอคิดจะออกไปตามล่า ตัวฉู่เหินด้วยตัวเอง
หลังจากคิดอยู่ซักพัก เธอก็ออกจากพรรคและเดินทางตรงไปยังมองโกเลีย เธอเดินทางตลอดทั้งเวลาและหยุดพักในอีก 2 วันต่อใน 2 วันที่ผ่านมานี้ เธอไม่พบร่องรอยของฉู่เหินเลย! หลังจากคิดแล้วเธอก็ตรงไปที่เมืองซีหนิง แต่น่าเสียดายที่คราวนี้ก็ไม่เจออะไรอีกเช่นกัน เธอใช้เวลาในการเดินทางไปมาตลอด 3-4 วัน แต่ไม่ได้อะไรเลยนี่ทำให้เธอโกรธสุด ๆ !
จากนั้น เธอก็ตรงไปเมืองลาซาและเป็นอีกครั้งไม่มีร่องรอยของฉู่เหิน เธอจึงตั้งเป้าไปที่ชิงไห่! เธอคิดว่าสถานที่นี้เป็นไปไม่ได้มากที่สุด ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งใจคิดแผนการหลบหนีมาอย่างดี
ดวงตาของเม่ยชิงแคบลง เธอคิดว่าถ้าหาไม่เจอไล่จับไม่ได้งั้นก็ไปดักรอที่บ้านของฉู่เหินเลยแล้วกัน! เธอเชื่อว่าด้วยพลังของเธอ เธอสามารถจับตัวอีกฝ่ายได้ภายในพริบตา ฉู่เหินจะไม่มีโอกาสโต้ตอบเลยแม้แต่น้อยเมื่อเธอได้ตัวฉู่เหินแล้ว เธอจะเอาตัวเขากลับไปที่เทือกเขาเทียนซานทันที
เธอใช้เวลา 1 วันในที่สุดเธอก็มาถึงหมู่บ้านชาวประมง เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมานี่เป็นเพราะเธอพบว่าที่นี่มีพลังดวงดาวมากมาย เธอรู้สึกโล่งใจที่นี่ เป็นบ้านของฉู่เหิน เขาคงปรับปรุงที่นี่ให้เหมาะสมกับการฝึกยุทธ์
ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในหมู่บ้าน โป๋อีกู่ผู้ซึ่งยุ่งอยู่ในบ้านก็เงยหน้าขึ้นจากนั้นร่างกายของเขาก็สั่นสะเทือนและหายไปในพริบตา เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็มาอยู่ตรงหน้าของเม่ยชิงแล้ว!