สุดยอดชาวประมง - บทที่ 247 ฝันถึงโหลวหลาน
บทที่ 247 ฝันถึงโหลวหลาน
บทที่ 247 ฝันถึงโหลวหลาน
หลังจากตั้งเต็นท์ขึ้นแล้ว พวกเขาก็ก่อกองไฟขึ้นจากนั้นก็เริ่มนำอาหารบางส่วนออกมาปรุง ของพวกนี้มีขายทั่วไปตราบใดที่มีเงินคุณก็สามารถหาซื้อได้ง่ายๆ
เมื่อยามค่ำคืนมาถึงที่นี่กลับมีชีวิตชีวามากกว่าตอนกลางวัน ผู้คนนับไม่ถ้วนที่มาเที่ยวชมต่างทำวงรอบกองไฟและส่งเสียงเชียร์ หลายคนเองก็มารวมพูดคุยหรือร่วมวงด้วยกัน จากนั้นผู้คนก็ร้องเพลงด้วยกัน ร้องเพลงเต้นรำ กินบาร์บีคิวและการดื่มเหล้า เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
หลังจากดื่มเหล้าแล้วฉู่เหินก็เมาเล็กน้อย เขารู้สึกว่าอาจเป็นเพราะช่วงนี้เขาค่อนข้างเหนื่อย ทำให้เขาเมาง่ายแบบนี้ ปกติแล้วทั้งวันยังไหวหลังจากพูดคุยกับฝูงชน เขาก็ปลีกตัวมานอนในเต็นท์ก่อน แค่หลับตาลงเขาก็กรนทันทีที่ถึงหมอน!
ท่ามกลางหมอกหนาฉู่เหินสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที เมื่อเขาลืมตาและมองไปรอบ ๆ เขาพบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จักอย่างสิ้นเชิง สถาปัตยกรรมที่นี่มีเอกลักษณ์มาก ฟังดูเหมือนปราสาทในการ์ตูนสักเรื่องหนึ่ง
เขาเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ และไร้จุดหมาย ไม่นานนักเขาก็เห็นผู้คนค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นทีละคน เพียงแต่ว่าคนเหล่านี้มีเสื้อผ้าที่แตกต่างกัน ผู้ชายส่วนใหญ่สวมชุดเกราะและถือหอก เมื่อมองไปรอบ ๆ พวกเขาดูน่าเกรงขามมาก
ผู้หญิงทุกคนสวมกระโปรงยาวถึงเท้าและมีผ้าไหมบาง ๆ อยู่บนใบหน้า ระหว่างเดินแขนทั้งสองของพวกเธอแทบจะไม่ขยับเขยื้อน เขาเชื่อว่าแม้จะมีน้ำหนึ่งแก้วอยู่ในมือในมันไม่มีทางสั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
ฉู่เหินมองผู้คนเหล่านี้ด้วยความสับสน ที่นี่มันที่ไหน? เขามาที่นี่ได้ยังไง? เขาข้ามมาอีกมิติงั้นเหรอ? แต่เขาก็อดออกมายิ้มไม่ได้เพราะเรื่องแบบนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เขาคิดถึงความเป็นไปได้นับพันรูปแบบ เขาไม่คิดว่าที่นี่เป็นแค่เพียงความฝัน เพราะมันสมจริงเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดว่านี่คือความฝันเลยแม้แต่น้อย
“สวัสดีแขกผู้มีเกียรติ องค์ราชินีได้เชิญท่านไปเข้าเฝ้า!” ทหารเกราะที่สวมเกราะหนักทองคำ เข้ามาหาฉู่เหินและคุกเข่าลงพร้อมกล่าวออกมามัน เป็นคำเชิญที่จริงใจมาก
ฉู่เหินอยากรู้ว่าที่นี่คือที่ไหนแล้วเจ้าของที่นี่เชิญเขามาทำไม? เขาโบกมือและบอกให้ชายคนนั้นนำทางไปได้เลย
พลับพลาและศาลาที่เขาเห็นตลอดทางนั้นมีเอกลักษณ์มาก อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อน! ขณะที่พวกเขาเดินต่อไป ไม่นานพวกเขาก็มาถึงเมืองหลัก เมืองหลักสร้างขึ้นจากป้อมปราการสูงหลายแห่งมองจากระยะไกลเหมือนอาณาจักรเทพในการ์ตูน
หลังจากเข้ามาแล้ว ฉู่เหินก็รู้สึกถึงเสียงคึกคักและความตื่นเต้นของที่นี่ บนถนนมีคนเดินเท้าพ่อค้าหาบเร่ทุกชนิดนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังมีร้านค้ามากมาย! หากไม่ใช่คำเชิญขององค์ราชินี เกรงว่าเขาคงจะตรงไปที่ร้านค้าเหล่านี้เพื่อตรวจสอบแล้ว
เมืองหลักดูเหมือนจะไม่ใหญ่นัก แต่เขาเดินนานกว่าสองชั่วโมงแล้วก็ยังไม่เห็นจุดสิ้นสุด พวกคุณควรรู้ว่าด้วยฝีเท้าของเขาและทหารองครักษ์ตรงหน้าเกรงว่าพวกเขาคงเดินมาได้นับพันลี้แล้วในสองชั่วโมง ซึ่งหมายความว่าเมืองนี้กว้างขว้างยิ่งกว่าหลายพันลี้!
ฉู่เหินติดตามทหารองครักษ์ต่อไป ไม่กี่นาทีต่อมาก็มีวังสูงตระหง่านปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา ทหารองครักษ์ให้ฉู่เหินรออยู่ที่หน้าประตูก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินเข้าไปคนเดียวเพื่อกล่าวรายงาน ครู่หนึ่งทหารองครักษ์ก็กลับออกมาอีกครั้ง เพื่อบอกฉู่เหินให้เข้าไป
พระราชวังได้รับการตกแต่งอย่างยอดเยี่ยม ซึ่งสิ่งที่ดึงดูดฉู่เหินมากที่สุดคือรูปปั้นของหญิงสาวที่อยู่ตรงกลาง เธอสวมชุดสีขาวราวหยก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโศกเศร้า สายตาของเธอมองไกลออกไป เธอถือขวดเล็ก ๆ ไว้ในมือจากนั้นก็มีน้ำตาไหลหยดออกมาจากดวงตาเธอและหยดลงไปในขวดพอดิบพอดี
ถ้าคุณมองอย่างละเอียดอีกครั้ง น้ำตาหนึ่งหยดที่หางตาของรูปปั้นไม่มีรูทางไหลของน้ำเลยแม้แต่น้อยกล่าวได้ว่ารูปปั้นนี้ช่างน่าอัศจรรย์มาก
มีบัลลังก์สูงที่ด้านหน้าของรูปปั้นของหญิงสาว ในเวลานี้มีหญิงวัย 40 กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ เธอมีผมยาวสีฟ้าอ่อนและดวงตาสีทอง แม้ว่าเธอจะอายุ 40 ปี แต่รูปร่างหน้าตาของเธอยังคงมีเสน่ห์ เธอนั่งอย่างสง่างามอยู่บนบัลลังก์
“คำนับองค์ราชินี!” ฉู่เหินกล่าวพลางผสานมือคำนับ
“ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนโหลวหลาน เรามีความสุขมากที่ได้เจอเพื่อนใหม่การที่เจ้าสามารถมาที่นี่ได้นับเป็นโชคชะตา แต่มันก็ถือเป็นโชคชะตาของเราเช่นกัน แต่ไม่ว่าเจ้าจะเป็นคนที่เรากำลังรอหรือไม่ เราก็จำเป็นต้องตรวจสอบมันก่อน!” ประโยคที่ราชินีกล่าวขึ้นทำให้ฉู่เหินทำอะไรไม่ถูก
ขณะที่เขากำลังจะถาม ราชินีพูดขึ้นต่อ “อาณาจักรโบราณโหลวหลานยึดมั่นในเจตจำนงของฟ้าดิน น่าเสียดายที่โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว ภารกิจเพื่อปกป้องโชคชะตาของมนุษยชาติไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาเราได้มองหากษัตริย์และหวังว่าเขาจะสามารถทำภารกิจนี้ได้ น่าเสียดายที่สิ่งนั้นมันไม่เคยเกิดขึ้น!”
“ในเมื่อเจ้ามาที่นี่ได้ ก็ถือเป็นทั้งโชคและพรของเจ้าแต่มันก็นับเป็นหายนะของเจ้าด้วยเช่นกัน การทดสอบที่รอเจ้าอยู่เป็นการทดสอบที่โหดร้ายมาก ถ้าเจ้าผ่านมันไปได้เจ้าจะกลายเป็นราชาแห่งโหลวหลาน ในทางกลับกันเจ้าอาจไม่เหลือแม้แต่ซากศพ! ผู้เป็นที่รักของโหลวหลาน เราขอให้เจ้าประสบความสำเร็จ”
หลังจากที่อธิบายได้สองสามคำ องค์ราชินีก็โบกแขนของเธอเบา ๆ ฉู่เหินรู้สึกว่าตนกำลังถูกลมพัดปลิว เขาไม่สามารถลืมตาได้เลย หลังจากนั้นไม่นานในที่สุดเท้าของเขาก็สัมผัสกับพื้น แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้นเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในที่อื่น
เมื่อมองไปรอบ ๆ ฉู่เหินแทบจะเป็นลมเพราะนี่ดูเหมือนจะเป็นห้องสอบ ข้างหน้าเขามีโต๊ะเล็ก ๆ มีปึกกระดาษอยู่บนนั้นมีปากกาและหมึกอยู่ข้างๆกระดาษขาว!
หลังจากเข้าใกล้เขาตรวจดูกระดาษอย่างละเอียด มีตัวอักษรอยู่บนกระดาษซึ่งมันดูเหมือนข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์!
แม้ฉู่เหินจะไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัย แต่เขาก็ได้เรียนที่โรงเรียนตามปกติเขาเคยเรียนวิชาวิทยาศาสตร์มาไม่น้อย ดังนั้นหลังจากเห็นภาพตรงหน้าเขาจึงแปลกใจเล็กน้อย
นอกจากคำสี่คำ “รากเหง้าของประเทศ” ที่ปรากฏอยู่บนกระดาษก็ไม่มีอะไรอีกเลย! นี่แสดงให้เห็นว่าเขาต้องเขียนบทความเกี่ยวกับแก่นแท้ของของประเทศลงไป คำถามแบบนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย แต่เมื่อเขาหยิบพู่กันขึ้นมา เขาก็นึกถึงภาพรวมขึ้นมาได้และลงมือเขียนมันโดยทันที
หลังจากคิดเกี่ยวได้เขาก็เขียนลงไป 2-3 คำ “การศึกษาคือขุมปัญญาของเยาวชน”
ถ้าคนหนุ่มสาวเข้มแข็งประเทศก็จะเข้มแข็งตามไปด้วย คนหนุ่มสาวเป็นรากฐานของประเทศดังนั้นถ้าคนหนุ่มสาวแข็งแกร่งมาตุภูมิก็จะแข็งแกร่ง! ประเทศจีนมีประวัติยาวนานกว่า 5,000 ปี ดังนั้นจึงเต็มไปด้วยศิลปะและวัฒนธรรมต่าง ๆ มากมาย!
จนถึงทุกวันนี้ธรรมชาติของมนุษย์นั้นเป็นคนใจกว้าง แต่จะมีสักกี่คนที่รักษาหัวใจแห่งความเที่ยมธรรมแล้วบรรลุถึงแก่นแท้ ทุกคนต่างต้องการ เป็นผู้ชนะ คนโลภมีอำนาจล้นฟ้า ประชาชนไม่มีแม้แต่หนทางลืมตาอ้าปาก
ทุกคนรู้ว่าโลกนี้ไม่ใช่ของใคร แต่ก็ไม่มีใครรู้จักพอทุกคนเลยต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันตลอด
ทุกคนรู้ว่าสินค้าเช่นยาเสพติดเป็นของไม่ดี แต่ทุกคนก็รู้เช่นกันว่าผู้ค้าสิ่งที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ได้รับสนับสนุนจากผู้มีอำนาจอย่างลับ ๆ กันทั้งนั้น
บางคนชอบบอกว่าคุณเป็นพวกตื่นตูม บางคนชอบพูดว่าคุณเป็นคนที่ผิด บางคนถึงกับกำจัดคนที่ขวางทางเพื่อเป้าหมาย! แล้วเราจะเชื่อถือใครได้กันละ? ใครจะเป็นที่ยึดมั่นให้พวกเขา
เหล่าเด็กๆ ตอนที่ยังไร้เดียวสา ผู้ปกครองเกือบทั้งหมดมักจะพูดว่า
“เมื่อลูกโตขึ้นลูกหาเงินให้ได้มาก ๆ ไม่เช่นนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงลูกจะเอาอะไรจ่ายพวกเขา!”
ดังนั้นเด็กๆ ทั้งหมดจึงได้พยายามหาเงินและสร้างอำนาจ! บางทีเราอาจกำลังสร้างกลุ่มคนที่เราเกลียดขึ้นมาด้วยตัวเอง เราควรไตร่ตรองเรื่องนี้กันบ้าง!
ทุกๆ ปีใหม่ญาติและเพื่อนๆ จะไปเที่ยวด้วยกันและมอบซองแดง อังเปา แต๊ะเอีย เพื่อแสดงความยินดีนี่คือมารยาทจีนของเรา แน่นอนฟ้าดินเป็นพยาน ไม่ใช่ว่านี่คือต้นกำเนิดของการติดสินบนและการคตโกงหรอกเหรอ?