สุดยอดชาวประมง - บทที่ 259 คู่แค้นมักโคจรมาเจอกัน
บทที่ 259 คู่แค้นมักโคจรมาเจอกัน
บทที่ 259 คู่แค้นมักโคจรมาเจอกัน
เม่ยชิงรอดตายในที่สุดเธอก็สามารถรักษาชีวิตน้อย ๆ เอาไว้ได้ แม้ว่าร่างกายจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ถ้าให้เวลาเธอเพียงพอการรักษาอาการบาดเจ็บก็ไม่ใช่เรื่องยาก อีกทั้งเธอยังมีวิธีรักษาตัวเองไม่น้อย ถ้ามองด้วยตาละก็บอกได้เลยว่าเธอหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว
หลังสิ้นสุดการเก็บตัว เธอก็เตรียมพร้อมเดินออกทว่าเพราะอยู่ในถ้ำนานเกินไปเลยทำให้ขยับร่างกายไม่ค่อยได้ อีกทั้งเม่ยชิงยังรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัว อยากจะอาบน้ำแทบบ้า
แต่หลังจากที่เธอออกมา เธอก็รู้สึกไม่เหมือนเดิม เธอรู้สึกว่าบนเกาะแถวนี้นอกจากเธอแล้วยังมีคนอื่นอยู่ด้วย ถ้าแค่คนเดียวละก็เธอคงไม่ได้สนใจนักหรอก เพราะยังไงเกาะนี้ก็ไม่ไกลจากชายฝั่ง จะมีหนึ่งหรือสองคนมาเที่ยวบ้างบางครั้งไม่แปลกอะไร
แต่เธอกลับพบว่ามันไม่เหมือนกัน เพราะกลิ่นนี้เธอรู้สึกคุ้นเคยเป็นพิเศษหลังคาดเดาสักพักเธอก็ยิ่งสัมผัสได้ว่ากลิ่นนี้ก็คือฉู่เหินนั้นเอง
แม้เธอจะกำลังบาดเจ็บหนักแต่ถ้าแค่ฆ่าฉู่เหินทำได้สบายๆ ยิ่งถ้าได้ดูดเลือดจากร่างของฉู่เหินละก็อาการบาดเจ็บคงจะหายเป็นปลิดทิ้ง แต่ฉู่เหินเองก็ไม่ธรรมดามันอาจมีไพ่ตายซ่อนอยู่เธอเลยไม่กล้าลงมือทันที
ถ้าโดนฉู่เหินฆ่าตาย มันคงน่าขายหน้ามาก เพราะความรู้สึกกลัวนี้ทำให้เม่ยชิงตามกลิ่น ๆ นั้นไปอย่างช้า ๆ
ฉู่เหินและพวกออกมาจากถ้ำเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาเดินทางไปที่ชายหาดของเกาะ เขาใช้วิธีสื่อสารพิเศษเรียกราชาฉลามพิษ ราชาฉลามพิษไม่ได้ไปไหนไกลแค่ดำลงไปใต้ทะเลเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงฉู่เหินเรียกมันก็โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำทันที
เสี่ยวชิงกับซ่างกวนเสี่ยวฟู๋กระโดดขึ้นไปก่อนใครเพื่อน ตามมาด้วยโจวหู่ในตอนนี้เองก็มีเสียกหัวเราะดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ทำให้โจวหู่ที่เดิมกำลังจะกระโดดขึ้นไปถึงกับหยุดชะงัก
“โจวหู่นายขึ้นไปก่อนเถอะ คน ๆ นี้ไม่ใช่คนที่นายจะสู้ด้วยได้ขึ้นไปบนหลังราชาฉลามพิษรอฉัน” ฉู่เหินพูดอย่างรีบร้อน
หลังจากนั้นโจวหู่และฉู่เฟิงก็กระโดดขึ้นหลังราชาฉลามพิษ แต่ฉู่เหินไม่ได้กระโดดตามไปด้วยเพราะเขารู้ว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายก็คือเขา ถ้าเขากระโดดตามไปน่ากลัวว่าอีกฝ่ายจะโจมตีเช่นกัน
ต้าเอ้อตุนกับอีก 2 คนเองก็ไม่ได้กระโดดขึ้นบนหลังราชาฉลามพิษ แต่กลับยืนเคียงไหล่อยู่ข้าง ๆ ฉู่เหิน ในมือของทั้งสามยังถืออาวุธเตรียมพร้อมแล้วด้วย ถ้ามีใครกล้าเข้ามาพวกเขาจะเอาชีวิตมันทันที ยังไงพวกเขาก็มีหน้าที่ปกป้องฉู่เหินอยู่แล้ว
“พวกเรานี้มีวาสนาต่อกันดีนะ ไม่คิดเลยว่าพอฉันมากักตนที่นี่ อยู่ ๆ ก็ได้เจอแกเข้านี่คงจะเป็นลิขิตสวรรค์ เจ้าโจรน้อยเอ่ย ตั้งแต่ฉันได้รู้จักกับแกชีวิตของฉันก็ซวยไม่รู้จบ วันนี้แหละฉันจะจบชีวิตของแกซะ ฮ่าฮ่าฮ่า” เม่ยชิงที่เพิ่งปรากฏตัวเมื่อพูดจบก็หัวเราะออกมาอย่างสบายอารมณ์
ในที่สุดเธอก็ได้เจอฉู่เหิน เธอเชื่อว่าครั้งนี้ต่อให้ฉู่เหินมีปีกก็หนีไปได้ยากแล้ว
“เหอะ งี่เง่าชะมัด โชคชะตาอะไร แก่แล้วไม่เจียมอย่างแกเอาอะไรมาว่าพวกเรามีโชคตาต่อกันวะ” ฉู่เหินจ้องเขม็งอีกฝ่าย ตอนนี้เขาทะลวงเลื่อนขั้นได้สำเร็จแล้ว พอมีพวกต้าเอ้อตุนอยู่เคียงข้างก็ไม่ต้องกลัวแล้ว
“แกนี้ไม่เห็นความหวังดีของฉันเลยสินะ ระดับพลังที่ต่างกันขนาดนี้ไม่ทำให้แกสำนึกเลยใช่มั้ย งั้นก็อย่างหาว่าฉันไม่ไว้หน้าละกัน” ใบหน้าของเม่ยชิงกดต่ำมองไปยังฉู่เหินอย่างอาฆาตมาดร้าย เหมือนจะกลืนเขาลงท้องในคำเดียว
“แขนถูกบุรุษนุ่นนอน ริมฝีปากถูกบุรุษลิ้มลองหลายคน* ผู้หญิงอย่างแกกล้าพูดกับฉันอย่างนี้ฟังแล้วคลื่นไส้จริงๆ” *(เปรียบเปรยว่าเป็นหญิงโสเภณี)
พูดถึงตรงนี้ ทุกคนก็เข้าใจไปแล้วว่าเธอคนนี้คือยายแก่ที่จะบังคับฉู่เหินให้แต่งงานด้วย ในตอนนี้เองที่ต้าเอ้อตุนกับอีก 2 คนเริ่มเข้าใจเรื่องราวอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น จึงมองอีกฝ่ายด้วยสายตาแปลกประหลาด
ฉู่เหินปราดมองเขาวับหนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ดูสายตาน่าเกลียดๆของแต่ละคนนั้นสิ โดยเฉพาะคุณชายสามต้าเอ้อตุน ที่ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกน่าหมั่นไสชะมัด
“เออ อย่างนี้นะคุณยายพวกเรามาเจรจากันก่อน เธอเห็นคนที่ยืนข้างฉันคนนี้มั้ย เขาชื่อว่าต้าเอ้อตุน หล่อแถมยังแข็งแก่รงอีกด้วย ยายสนใจเอาเขาไปแทนไหมละ เห็นมันยืนข้าง ๆ แล้วเกะกะลูกตา”
ฉู่เหินปราดตามองต้าเอ้อตุนที่ยืนข้าง ๆ พอเห็นรอยยิ้มของชายหนุ่มเขาก็เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมาจริง ๆ หลังจากมองเสร็จแล้วเขาจึงพูดออกไป
“หา คุณชายฉู่อย่าทำเช่นนี้เลยมองจากบนฟ้าก็รู้แล้วว่าแม่นางๆนี้จัดจ้าน ขนาดไหน คนที่เหมาะสมที่สุดเห็นทีจะไม่ใช่ข้า ผู้น้อยอย่างข้าจะไปกล้าเทียบแม่นางได้อย่างไร คงต้องกล่าวปฏิเสธตามตรง” เมื่อต้าเอ้อตุนได้ยินฉู่เหินพูดเขาก็รีบร้อนเล่นลิ้นปฏิเสธไป
“หึๆ ข้าว่าท่านยายผู้นี้ออกจะแข็งแรงอย่างยิ่ง เจ้าแค่คนเดียวจะไปทำให้นางพอใจได้อย่างไร มิสู้พวกท่านก็แต่งให้นางทั้งสองเลยเสียสิ” จาผีเอ้อหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“เฮ้ยๆ จาผีเอ้อ แกอยากโดนต่อยรึไง พูดเพ้อเจ้อ ฉันจะยกแกให้แต่งกับยายแก่คนนี้แน่ ๆ” ทั้งฉู่เหินและก็ต้าเอ้อมองหันมองจาผีเอ้ออย่างโกรธแค้น จนจาผีเอ้อเห็นดังนั้นก็หดคอไม่กล้าพูดออกมาอีก
“พอซักที เจ้าพวกน่าตายพวกนี้ คิดว่าผู้หญิงอย่างฉันจะทำอะไรพวกแกไม่ได้ใช่ไหม วันนี้อย่าได้คิดจะหนี ตายซะที่นี่เถอะ” ตอนนี้เม่ยชิงบ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว เจ้าเด็กพวกนี้เรียกเธอคำก็ยาย สองคำก็ยายทำให้เธอหมดคำจะพูดจริงๆ
เธอเกลียดเจ้าพวกน่าตายนี้จนไม่รู้จะเกลียดยังไงแล้ว แต่เม่ยชิงทราบดีว่าบาดแผลของตัวเองยังไม่หายดีนัก ถ้าต้องกำจัดคนเหล่านี้คงต้องเสียแรงแขนขาไม่น้อย ดังนั้นเธอจึงรอจังหวะที่จะลงมือได้อย่างเหมาะสม !
“เงียบน่า ยายแก่อย่างแกจะมาพูดแทรกทำไม ยายแก่นับเป็นตัวอะไรกันไม่ดีมารยาทเอาซะเลย ” ทั้งสามพูดขึ้นพร้อมกัน
จนนั้นคนที่สงบเสงี่ยมที่สุดก็คือกู้ปาเทอ เขาเงยหน้าและพูดออกมา
“อืมๆ ท่านยายคนนี้ไม่ใช่ตัวอะไรหรอก ท่านฉู่เหินคนเดียวทำให้นางพอใจไม่ได้ ก็เลยอยากแต่งพร้อมกันสามคน เกรงว่าช่วงล่างต้องยิ่งใหญ่มากเป็นแน่แท้ ไม่รู้จริงๆว่าเหตุใดคุณยายท่านนี้ถึงแข็งแรงได้ขนาดนี้”
แม้กู้ปาเทอจะแข็งเกร่งมาก ทว่าฝีปากของเขากลับเงองะสุด ๆ ทำให้ไม่มีใครสนใจเขาเท่าไร ทว่าคิดไม่ถึงว่าคนที่พูดตัดจบอย่างสวยงามจะกลายเป็นเขาซะงั้น นี้ทำให้พวกฉู่เหินอดมองตาค้างไม่ได้
“นี้ยายแก่ พวกเราน่ะยังไงก็ถือว่าเป็นศัตรูที่โคจรมาเจอกันอีกครั้ง แต่บังเอิญว่าผู้ช่วยข้างกายฉันเหล่านี้ด้วยมาด้วย งั้นวันนี้ปีหน้าคงเป็นวันครบรอบวันตายของยายแล้วละ” ฉู่เหินพูดออกมาอย่างมั่นใจ
ตอนนี้โจวหู่มองสถานการณ์โต้เถียงเบื้องหน้านี้อย่างเงียบๆ โจวหู่อยากจะเข้าไปสู้ด้วยสักตั้ง แต่ถูกเสี่ยวชิงใช้สายตาห้ามเขาเอาไว้โดยไม่พูดอะไรสักคำ โจวหู่เห็นดังนั้นก็อดสงสัยไม่ได้