สุดยอดชาวประมง - บทที่ 261 หลบหนี
บทที่ 261 หลบหนี
บทที่ 261 หลบหนี
พายุไฟฟ้าจากพัดวิเศษอันบ้าคลั่งดูเหมือนจะไม่หยุดลงง่าย ๆ ในขณะที่มันกำลังคลุ้มคลั่งอยู่นั้น ผู้คนรอบข้างต่างก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังออกมา ราวว่าอีกฝ่ายได้รับความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด
หลังจากได้ยินเสียงกรีดร้อง ทุกคนรวมไปถึงฉู่เหินเองก็รู้สึกตื่นเต้น ถ้าเกิดว่าการโจมตีนี้สามารถจัดการยัยแก่ปีศาจได้จริง ๆ แม้ว่าพลังดวงดาวในร่างกายจะถูกใช้จนหมดมันก็คุ้มค่า
ถ้าไม่ใช่ต้าเอ้อตุนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ดึงตัวเขาเอาไว้ฉู่เหินคงจะล้มตึงไปบนพื้นแล้ว หลังจากดึงตัวเขาไว้ คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้เดินไปข้างหน้าแต่กลับถอยหลังอย่างช้า ๆ
การโจมตีของฉู่เหินนั้นไร้เทียททาน แม้ว่าพวกเขาจะเตรียมตัวแล้วก็ตาม พวกเขาก็ไม่คิดว่าฉู่เหินจะโจมตีอย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่ทว่าถ้าการโจมตีนี้ยังไม่สามารถล้มอีกฝ่ายได้ ไม่งั้นพวกเขาก็น่าจะหนีได้แล้ว
พวกที่อยู่ริมทะเลมองไปยังพายุสายฟ้า ถ้าเกิดว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปเพียงนิดเดียวพวกเขาจะหนีทันที เวลาผ่านไปนาทีต่อนาที พายุสายฟ้าโหมกระหน่ำลงมาไม่ยั้ง นอกจากเสียงสายฟ้าที่ฟาดลงมา ที่เหลือก็มีแต่ความเงียบงัน
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ปรากฎเงาหนึ่งพุ่งออกมา ฉู่เหินเห็นร่างที่น่าอับอายร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากสายฟ้านั่น คน ๆ นั้นก็คือเม่ยชิงนั้นเอง
ในตอนนี้เม่ยชิงดูน่าเวทนามาก ผมที่เคยยาวตอนนี้มันถูกตัดจนหัวเธอเกือบล้านด้วยสายฟ้า เสื้อผ้าขาดวิ่นเผยให้เห็นชั้นผิวสีขาว และยังมีรอยเลือดเต็มตัวอีกด้วย
หลังจากที่เดินออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาของเธอก็ปรากฏความโกรธแค้น เธอไม่เคยคิดว่าฉู่เหินจะโจมตีได้รุนแรงขนาดนี้ได้ ถ้าหากรู้มาก่อนคงไม่ยืนรอนิ่ง ๆ แบบนี้หรอก เธอคงหนีไปนานแล้ว!
แต่ท้ายที่สุดแล้วดูเหมือนว่าร่างฉู่เหินตอนนี้อ่อนแอมากๆ แต่ยืนให้ตรงก็ยากแล้ว ฉู่เหินกำพัดวิเศษในมือแน่น ในจังหวะเดียวกันก็มีจิตสังหารปรากฎขึ้นในดวงตาของเขา
“ฉันไม่คิดว่าแกจะตายจากการโจมตีครั้งนี้หรอก แต่ก็ดี ฉันอยากจะเห็นว่าแกจะทนได้อีกซักกี่น้ำ” หลังพูดจบฉู่เหินก็ถ่ายเทพลังดวงดาวในร่างกายของเขาลงไปให้กับพัดวิเศษในมือ หลังจากที่พัดวิเศษถูกเสริมด้วยพลังดวงดาว พัดวิเศษก็เปล่งแสงอ่อน ๆ ออกมาอีกครั้ง
หลังจากที่เห็นฉากนี้ ดวงตาของเม่ยชิงก็หรี่ลง การโจมตีเมื่อสักครู่ ถ้าไม่ใช้อาวุธลับสองออกไป เกรงว่าเธอคงจะตายไปแล้วแน่ ๆ ตอนนี้เห็นฉู่เหินจะโจมตีอีกครั้ง เธอก็อดรู้สึกตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้
เมื่อกี้เธอเกือบตาย ในครั้งนี้เธอจะยอมรับการโจมตีบ้าๆ นั้นอีกแล้วงั้นเหรอ? เธอไม่ลังเลหมุนตัวหนีทันที เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะหนี ต้าเอ้อตุนก็มองหน้าคนอื่น ๆ และเริ่มระเบิดพลังตัวเองออกมาอย่างเต็มที่
ทันใดนั้น ทั้งสามก็รวมกลุ่มกันแล้วใช้ค่ายกลสามเหลี่ยมกลางอากาศ ในจังหวะที่ค่ายกลก่อตัวขึ้น เม่ยชิงก็ถูกจับไว้ได้ แต่พลังของค่ายกลนี้ก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย ถ้าเกิดว่าเธออยากจะแหกมันออกไปก็ไม่ยากนัก
แต่แค่นี้ก็พอที่จะถ่วงเวลาเธอได้แล้ว เธอมองฉู่เหินอยู่ตลอดเวลา ถ้าเธอโดนการโจมตีครั้งนี้เข้าไป ตายแน่นอน !
เธอกัดฟันแน่น และตัดสินใจกรีดเลือดออกมาเพื่อทำการบูชายัญ ทันใดนั้นทั้งสองมือก็ถูกจัดอยู่ในตำแหน่งที่พอเหมาะ ริมฝีปากขยับไม่เป็นภาษา จนฟังไม่ออกว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่
เกือบจะในทันที ร่างของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นหมอกสีเลือดลอยหายไปในพริบตาแถมยังรวดเร็วเทียบเท่าความเร็วของดาวตกได้เลย
เพียงชั่วพริบตา เม่ยชิงใช้เลือดของตัวเองอีกครั้ง แม้ว่าวิชาหมอกเลือดจะช่วยให้หนีได้ง่ายก็จริง แต่การใช้มันบ่อยๆ จะส่งผลเสียต่อร่างกายสุด ๆ แถมมีโอกาสที่จะทำลายวิชาใดวิชาหนึ่งในร่าง และก็ยังดีกว่าตาย
ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการเอาตัวรอด แน่นอนอยู่แล้วว่าไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่น เพราะแบบนี้ยังไงก็รอดแน่นอน รักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ดีที่สุด เม่ยชิงไม่คิดว่าด้วยพลังของตัวเองตอนนี้จะสามารถรับการโจมตีของฉู่เหินได้อีก
ตอนนี้ในใจของเธอเต็มไปด้วยความหงุดหงิด เธอไม่คิดว่าฉู่เหินจะพัฒนาได้เร็วขนาดนี้ ถ้าเธอรู้อย่างนี้ วันนั้นเธอน่าจะฆ่าเขาไปเลย ไม่ปล่อยให้มีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้หรอก แต่ทว่าโชคร้ายที่มันสายเกินไปที่จะพูดแบบนั้นแล้ว
ค่ายกลสามเหลี่ยมสลายไปทันทีที่สัมผัสกับหมอกเลือด จากนั้นหมอกเลือดก็ได้ลอยหายลับไปจากสายตา
เพียงชั่วพริบตามันก็ไปไกลเกินเอื้อมถึง จนกระทั่งตอนนี้เห็นว่ายัยแก่หนีไปแล้วฉู่เหินก็หยุดเร่งพลังและกระอักเลือดออกมา
จริง ๆ แล้วเขายืนแทบไม่ไหวแล้ว เขากำลังฝืนตัวเองใช้พัดวิเศษอีกครั้ง มันทำให้เขากระอักเลือดออกมาไม่น้อย ถ้าเกิดว่านี่มันเป็นเวทย์มนต์ที่ย้อนเข้าใส่ตัวเองได้ล่ะก็ป่านนี้เขาคงตายไปแล้ว
ถ้าเกิดว่าเม่ยชิงคิดจะแลกชีวิตจริง ๆ บางทีฉู่เหินคงจะต้องตายอยู่ที่นี่แล้วก็ได้ โชคยังดีเธอหนีไปก่อน
ในตอนนี้หลาย ๆ คนรวมไปถึงพวกต้าเอ้อตุนไม่คิดจะอยู่แถวนี้แล้ว ฉู่เหินเองก็กระโดดไปบนหลังของราชาฉลามพิษอย่างรวดเร็ว ราชาฉลามพิษว่ายน้ำเร็วจนอากาศฉีกขาดนี่ถ้าไม่ใช่เพราะว่าต้าเอ้อตุนสร้างม่านพลังไว้ น่ากลัวว่าด้วยความเร็วระดับนี้คงไม่มีใครทนทานได้
มองไปยังเกาะที่ห่างออกไป ทุกคนก็ลอบถอนหายใจออกมา พวกเขายอมรับเลยว่าครั้งนี้เสี่ยงชีวิตมากจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอีกฝ่ายตกใจกลัวจนถอยไปเอง เกรงว่าพวกเขาคงตายกันหมดแล้ว
เม่ยชิงที่บาดเจ็บและหนีออกมา เธอต้องเลือกสถานที่สงบ ๆ แล้วรักษาอาการบาดเจ็บอย่างเงียบ ๆ แต่เวลาผ่านไปไม่นานนัก เธอก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเฉพาะที่เป็นของเพื่อนร่วมพรรค จากนั้นไม่นานนักคน ๆ นั้นก็ปรากฏกายยืนอยู่ข้าง ๆ เป็นศิษย์พี่ของเธอนั้นเอง
ศิษย์พี่ของเธอเห็นเธออยู่ในสภาพนี้ก็โกรธมาก ใครเป็นคนบังอาจทำให้คนของพรรคกระบี่เทียนซานมีสภาพแบบนี้ได้ หลังสอบถามจากเม่ยชิงแล้วเขาก็พร้อมที่จะไปไล่ตามอีกฝ่ายทันที
ตัวเม่ยชิงเองก็อยากจะไปด้วย เธอคิดไว้แล้วว่าตอนที่เธอถอยออกมานี้อีกฝ่ายเองก็คงเสียพลังไปมากกว่าครึ่งแน่นอน ทว่า ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้เธอก็คงจะหนีอยู่ดี เพราะเธอไม่อยากแลกชีวิตโง่ ๆ แบบนั้น
ตอนนี้ศิษย์พี่ของเธอกำลังไล่ตามไปอยู่ ถ้าเธอกับศิษย์พี่สองคนร่วมมือ
ไม่ยากเลยที่จะฆ่าฉู่เหินและคนอื่น ๆ แม้ว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บแต่เธอก็ยังสู้ต่อได้
หลังจากครุ่นคิดแล้ว เม่ยชิงก็แสดงความกล้าที่จะไปกับศิษย์พี่ของเธอ
ศิษย์พี่ของเธอหยิบเอานกกระดาษออกมา ไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร แต่จากนั้นเมื่อเขาขว้างมันออกไปก็เกิดเสียง ปิ๊บ ดังออกมา จากนั้นเธอก็เห็นว่านกกระดาษนั่นกลายร่างเป็นนกจริง ๆ
ศิษย์พี่ถกแขนเสื้อแล้วอุ้มเม่ยชิงขึ้นไป ทั้งสองนั่งบนนกกระเรียนจากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทางไปยังทะเลอันไร้ที่สิ้นสุด
หลังจากฉู่เหินหนีไปได้ พวกเขาก็ไม่อยู่กับที่ เพราะว่าลางสังหรณ์ที่ห่อหุ้มหัวใจทุกคนยังไม่หายไป ดังนั้นพวกเขาต้องหนีแล้ว ยิ่งพวกเขาหนีไปไกลเท่าไรก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
ฉู่เหินเองก็รู้ดีอีกฝ่ายคงไล่ตามมาแล้ว และถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ใครจะประมือกับเม่ยชิงได้ล่ะ เขาต้องหาคนช่วยแต่ที่สำคัญที่สุดก็คือใครล่ะจะกล้ายืนมือเข้ามาช่วยเขาในตอนนี้กัน !