สุดยอดชาวประมง - บทที่ 263 อย่าก่อความวุ่นวาย
บทที่ 263 อย่าก่อความวุ่นวาย
บทที่ 263 อย่าก่อความวุ่นวาย
บรรพบุรุษเงือกตบหางปลาของตัวเองเบา ๆ เมื่อหางสัมผัสกับน้ำทะเลมันก็สร้างคลื่นยักษ์ขึ้นมา คลื่นยักษ์ถาโถมและถูกควบคุมด้วยน้ำมือของนางเงือกเป็นเหมือนเจ้าของท้องทะเลย่อมสามารถควบคุมน้ำทะเลได้
บรรพบุรุษเงือกค่อยบิดมือช้า ๆ และสะบัดนิ้ว
ฉู่เหินเห็นว่ามวลน้ำมากมายก่อตัวกันกลายเป็นสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ มันอ้าปากกว้างและโจมตีคนทั้งสองที่อยู่บนนกกระเรียน ศิษย์พี่มองดูภาพตรงหน้าอย่างนิ่งเฉย แม้จะแปลกใจกับอีกฝ่ายแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะเขาไม่รู้สึกถึงอันตรายอะไรเลย
หลังจากนั้นศิษย์พี่ก็โบกมือเบา ๆ ลมสายลมอันรุนแรงก็ปรากฎออกมา จากนั้นก็ก่อตัวเป็นพายุหมุนวนล้อมจับสัตว์ร้ายตัวนั้น ศิษย์พี่ของเม่ยชิงไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายเอาชนะเขาไม่ได้แน่ๆ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ต่อจากนี้ทำให้เขาต้องตกตะลึง
เมื่อเห็นพายุเฮอริเคนที่กำลังพุ่งเข้าไป สัตว์ร้ายของพื้นทะเลก็อ้าปากกว้างคล้ายกำลังกลืนกินเหยื่อลงโดยไร้ความหวาดกลัว ผู้คนที่เห็นต่างก็ตกตะลึงที่พายุเฮอริเคนลูกใหญ่ถูกกลืนลงท้องไปต่อหน้าต่อตา เจ้าสัตว์ร้ายไม่นิ่งนอนใจและยังคงพุ่งตรงไปหาทั้งสองคน
ภาพนี้ทำให้ศิษย์พี่ของเม่ยชิงรู้สึกตื่นตระหนก แต่แม้ว่าเขาจะอยากหลบหนีมันก็สายเกินไปซะแล้ว ศิษย์พี่ของเม่ยชิงไม่มีทางเลือกนอกจากจะเรียกง้าวให้ปรากฏในมือของเขาอย่างรวดเร็ว ง้าวนั้นฟาดฟันอย่างรุนแรงจากด้านบนลงล่าง
พลังของศิษย์พี่ของเม่ยชิงเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าเม่ยชิง เมื่อเขาควงง้าวอากาศถึงกับฉีกขาดแสดงให้เห็นถึงพลังที่สั่นสะเทือนฟ้าดิน หากเขาต้องการที่จะทำลายเนินเขาเล็ก ๆ สักลูก เขาคงสามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย
หลังจากง้าวฟันฉับลงกลางอากาศ พลังที่แข็งแกร่งก็เอ่อล้นจากบนฟ้า พุ่งเข้าหาน้ำทะเล น้ำทะเลเองก็ส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าทั้งสองจะยังไม่ได้สัมผัสกันและกันแต่แค่คลื่นพลังก็ก่อให้เกิดสึนามิขึ้นมา ในจุดนี้เห็นได้ชัดว่าพลังของพวกเขาแข็งแกร่งขนาดไหน
แต่ไม่ว่าจะเป็นเม่ยชิงหรือศิษย์พี่ของเธอ พวกเขากลับขมวดคิ้วเป็นปม คล้ายกับไม่ได้คาดหวังในการโจมตีครั้งนี้มากซักเท่าไหร่
ไม่นานนัก การโจมตีของทั้งสองก็พุ่งใส่กันอย่างรุนแรง ทุกคนคิดว่าหลังจากการโจมตีที่ดุเดือดของทั้งสอง พวกเขาจะต้องตะลึงด้วยแรงสะท้อนที่แผ่ขยายออกมา แม้แต่พวกต้าเอ้อตุนก็รีบสร้างเกราะป้องกันพวกเขาทันที
และก็เป็นไปตามที่ทุกคนคาดคิด เมื่อการโจมตีของทั้งสองเข้าปะทะกัน แผ่นดินแทบถล่มทลาย แต่จู่ ๆ ง้าวอันไร้เทียมทานที่ปะทะเข้ากับสัตว์ร้ายก็หยุดอย่างกะทันหัน จากนั้นก็มีพลังบางอย่างปรากฏออกมาจากง้าวของศิษย์พี่จนทำให้ศิษย์พี่รู้สึกชาที่ไหล่ทั้งสองข้าง จากนั้นมันก็กระเด็นออกไปจากมือของเขาและลอยหายไปไหนก็ไม่รู้
ในเวลานี้เองสัตว์ร้ายก็พุ่งตรงเข้าหาพวกเขาทั้งสองคน กรงเล็บขนาดใหญ่กวักแกว่งไปทางเม่ยชิงและศิษย์พี่ของเธอ และทำให้พวกเขาต้องล่าถอยในทันที ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้ฉู่เหินและทุกคนไม่อาจตั้งตัว
ความแข็งแกร่งของเม่ยชิงนั้นพวกเขายังจำความน่าหวาดหวั่นนั้นได้ดี
ยิ่งคนที่เป็นศิษย์พี่ของเธอนั้นจะไม่ร้ายกาจยิ่งกว่าอีกเหรอ? แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรพบุรุษเงือกนั้นพวกเขาก็ไม่ต่างจากเด็กน้อยเลย
“ท่านผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครกัน ทำไมต้องยุ่งวุ่นวายด้วย มันไม่ใช่ธุระกงการของท่านเลย พวกข้าจะให้เงินตอบแทน ท่านถอยไปเถอะ”
บรรพบุรุษเงือกไม่ได้กะจะฆ่าให้ตาย เพียงแค่ต้องการให้ทั้งสองกลัวจนหนีไปเองเท่านั้น ซึ่งทั้งสองรู้ดีว่าด้วยพลังของตัวเองนั้นไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเงือกตรงหน้าได้ แต่พวกเขาไม่เชื่อว่าเงินจะไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
“กล้ารังแกหลานชายของฉัน วันนี้ฉันแค่ตักเตือน ถ้ายังกล้ายุ่งกับหลานของฉันอีกล่ะก็ ฉันจะฆ่าพวกแกซะ” บรรพบุรุษเงือกมองพวกเขาพร้อมกับพูดจาอย่างเยือกเย็น
หลังจากได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะพร่ำบ่นในใจ ถ้าฉู่เหินเป็นหลานชายของอีกฝ่ายจริง ๆ พวกเขาทั้งสองก็น่าจะมีปัญหาแล้วล่ะ แต่ดูเหมือนว่าการคิดแบบนั้นมันก็ผิดไปหน่อย ฉู่เหินมันเป็นมนุษย์และอีกฝ่ายที่ดูยังไงก็เป็นเงือกชัด ๆ มันจะไปเป็นเครือญาติกันได้ยังไง
จากนั้นเขามองไปที่ปลาตัวใหญ่ที่อยู่ใต้เท้าของฉู่เหินและเริ่มตัดสินใจ
“ท่านผู้อาวุโส พวกเราทั้งสองเองก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายหลานของท่านหรอก แต่เจ้าโจรที่ขี่หลานท่านคนนี้มันชื่อฉู่เหินและมันเป็นคนที่โมโหง่าย
น้องสาวของฉัน รักเขามากและทั้งสองจะเข้าพิธีแต่งงานกัน นี่เป็นคู่แห่งโชคชะตาฟ้าลิขิต แต่หมอนี่มันไม่ยอมรับน่ะสิ เขาทำร้ายน้องสาวฉันและหนีออกมา ตอนนี้ฉันตามมาจนเจอมัน มันได้กระทำความผิดที่ไม่อาจให้อภัยได้ ส่งตัวมันมาเถอะ”
หลังจากที่ศิษย์พี่พูดประโยคนี้ เขาก็ดีใจอย่างลับ ๆ เขามีความสุขมากที่ได้พูดแบบนั้น โดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางเงือกกับฉู่เหิน ตราบใดที่เขาพูดแบบนี้ไปยังไงเสียอีกฝ่ายก็คงอยู่ข้างเขาและส่งตัวฉู่เหินมา แต่พอได้ยินแบบนี้ใบหน้าของฉู่เหินก็กลายเป็นสีเหลืองราวกับกำลังกินอึหมา
“ฉันถามนายจริง ๆ เถอะว่าตอนที่พูดแบบนี้ออกมาฝืนใจตัวเองบ้างมั้ย ศิษย์น้องของนายแก่ขนาดนี้ ยังกล้าจับฉู่เหินอีกเหรอ? ไม่อายบ้างหรือไง?” เสี่ยวชิงตะโกนออกมาดังก้องจนทำให้ฉู่เหินตกตะลึงไม่น้อย
หลังจากได้ยินแบบนี้ ฉู่เหินก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเบา ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็พูดเกินไป พวกนางเงือกเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากอยู่แล้ว คงไม่มีใครเชื่อคำพูดบ้า ๆ แบบนี้หรอก
“แกว่าใครเป็นยายแก่กัน ห้ะ ฉันน่ะมีเอวและบั้นท้ายที่งดงามกว่าแกอีก แล้วแกล่ะมีอะไรบ้างล่ะแม่สาวน้อย? มันเป็นพรหมลิขิตหรอกที่ทำให้เขาได้มาคู่กับฉันน่ะรู้ไหม?” หญิงแก่เริ่มหงุดหงิด ถ้าไม่มีนางเงือกอยู่แถวนี้ล่ะก็ป่านนี้เธอคงพุ่งเข้าไปซัดหน้าเสี่ยวชิงแล้ว
“แก่ขนาดนี้แล้วยังหน้าไม่อายอีกนะ ดูแกสิ หน้าเหมือนกบโดนต้ม แค่คิดว่าแกจะมาหลอกพี่เหินของฉัน ฉันก็อยากจับแกกดให้จมน้ำตายแล้ว !!” เสี่ยวชิงตะโกนเสียงดังแล้วเอามือเท้าเอว
ทุกคนในตอนนี้รู้สึกตกใจอย่างยิ่งกับหญิงสาวคนนี้ ในสายตาของทุกคน
ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้สงบนิ่งมาตลอด ไม่คิดเลยว่าเมื่อบ้าเลือดขึ้นมาจะทรงพลังขนาดนี้ ฉู่เหินเคยได้ยินจากเสี่ยวฟู๋ด้วยว่าอย่าห้ามทะเลาะกับเสี่ยวชิง ถ้าเกิดว่าไปยั่วยุเธอเข้าให้ล่ะก็จะไม่มีใครหยุดเธอได้
บรรพบุรุษเงือกยิ้มแย้มกับเสี่ยวชิงแล้วมองไปที่ศิษย์พี่และหญิงแก่
“ฉู่เหินเป็นหลานชายของฉันอย่างแน่นอนและราชาฉลามพิษที่เขานั่งอยู่นั้นก็เป็นสัตว์เลี้ยงของเขา ฉันว่ามีความเข้าใจผิดระหว่างกันนิดหน่อยนะ แต่ก็เหมือนว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ซักเท่าไหร่ ถ้าไม่ให้บทเรียนพวกแกซักหน่อยเห็นทีคงจะไม่ได้แล้ว” คำพูดเบา ๆ ของงนางเงือกทำเอาทั้งสองต้องสูดหายใจเข้าลึก ๆ
พวกเขาคาดเดาได้นับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าหลานชายที่บรรพบุรุษเงือกพูดถึง นั่นคือฉู่เหิน ความวิตกกังวลอย่างไร้ที่สิ้นสุดเอ่อล้นออกมาตอนนี้พวกเขาเสียใจที่ได้พูดออกไปมากมาย แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะย้อนกลับไปแก้ตัว
“ท่านผู้อาวุโสอย่าพึ่งโกรธ ๆ นี่ต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ เพราะฉู่เหินเป็นหลานของผู้อาวุโสแบบนี้พวกเราจะกล้าเข้าไปยุ่งได้ยังไง ขอแค่ท่านอาวุโสปล่อยพวกเราไป ฉันสัญญาว่าทั้งตัวฉันและน้องสาวจะไม่มายุ่งกับฉู่เหินอีกเลย” เมื่อศิษย์พี่เริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เขาจึงรีบโค้งคำนับขอโทษ
จนกว่าจะถึงเวลานี้ศิษย์พี่เริ่มเสียใจกับสิ่งที่พูดออกไปเมื่อกี้ เขาไม่คาดคิดว่าฉู่เหินจะรู้จักนางเงือกเหล่านี้ อย่างน้อยเขาจะต้องไม่เข้าไปยั่วโมโหอีกฝ่ายในขณะที่พวกนางเงือกอยู่ที่นี่ เขาละอยากสับฉู่เหินเป็นชิ้นๆจริงแต่เพราะกลัวความคิดนี้จะถูกจับได้เขาเลย ก้มหัวให้ต่ำลงไปอีก