สุดยอดชาวประมง - บทที่ 269 แกล้งผู้คน
บทที่ 269 แกล้งผู้คน
บทที่ 269 แกล้งผู้คน
พวกคนนอกได้แต่หวังให้ฉู่เหินและพวกคนใหญ่คนโตไม่สนใจพวกเขา แน่นอนตอนนี้ พวกนักกีฬาอาชีพที่ปรากฎตัวตอนแรกก็ได้แต่ตะลึง เพราะพวกเขาไม่คาดคิดว่าอิทธิพลของหมู่บ้านนี้จะยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้!
เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังตกตะลึง ฉู่เหินก็รู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องแสดงตัวออกมา เขาต้องแก้ไขเรื่องนี้ในเวลาอันรวดเร็วมิฉะนั้นจะส่งผลต่อการแข่งขันของวันนี้
พอคิดได้แบบนี้ ฉู่เหินก็เดินไปทีละก้าวตรงไปยังแท่นพูด
“ชื่อของฉันคือ ฉู่เหิน ฉันคิดว่าพวกคุณหลายคนคงจำฉันไม่ได้หรอก แต่ก็ไม่เป็นอะไร ฉันไม่อยากรู้จักพวกคุณด้วย ตอนนี้ฉันแค่อยากจะบอกอะไรบางอย่าง ตั้งแต่ที่คุณมาถึงที่หมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้ พวกคุณก็ต้องปฏิบัติตามกฎ ถ้าพวกคุณไม่ปฏิบัติตามกฎที่นี่ก็ได้โปรดออกไปจากที่นี่ซะ”
หลังจากพูดไปแล้ว ฉู่เหินก็มองไปยังทุกคน ก่อนที่จะพูดต่ออย่างช้าๆ
“ก่อนอื่นเลยรถทุกคันที่พวกคุณขับกันเข้ามา โปรดจำไว้เลยว่าถ้าคุณจะเข้ามาในหมู่บ้านของพวกเราไม่ว่ารถของคุณจะเป็นรถที่โด่งดังหรือราคาแพงแค่ไหน พวกคุณก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ขับมันเข้ามาหมู่บ้านของเรา หากคุณละเมิดกฎนี้ในครั้งต่อไป รถของพวกคุณจะถูกทุบและโยนลงทะเล”
“และขยะจำนวนมากในพื้นที่ที่พวกคุณยืนอยู่ บางคนก็ทิ้งขยะและก้นบุหรี่เรี่ยราดเต็มไปหมด ฉันให้เวลาพวกคุณ 10 นาทีในการเก็บกวาดพวกมัน จากนั้นก็เว้นที่ว่างตรงลานกว้างเอาไว้ด้วยเพราะที่นี่คือสถานที่จัดงานไม่ใช่เอาไว้ให้พวกคุณมาเล่นกัน”
สิ่งที่ฉู่เหินพูดนั้นค่อนข้างหยาบคาย ดังนั้นทุกคนที่มาที่นี่จึงเริ่มอับอายขายขี้หน้า แต่พวกเขาไม่มีทางอื่น พวกเขาต้องยอมรับในความผิดของตัวเอง ในขณะที่คนเหล่านี้กำลังจะจากไปฉู่เหินก็มองไปยังนักกีฬาอาชีพทั้งหลาย
“ยังอยู่อีกเหรอ? ก็ได้งั้นฉันจะส่งคน 2-3 คนไปแข่งกับนาย ไม่ว่านายจะพยายามแค่ไหน พวกนายก็ชนะพวกเขาไม่ได้ แตถ้านายชนะนายก็อยู่ที่นี่เพื่อดูงานแข่งขันได้ตามสบาย แต่ถ้าแพ้ล่ะก็พวกนายจะต้องคุกเข่าขอโทษต่อหน้าทุกคนในหมู่บ้านและจ่ายค่าเสียหายด้วย”
มีบางคนที่ยังรู้สึกไม่ชอบหน้าฉู่เหิน เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดสุดแสนมั่นใจของฉู่เหิน พวกเขาก็ได้แต่แสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมา ถ้ามันเป็นเรื่องอื่นพวกเขาก็ไม่กล้าพูดหรอกแต่ถ้าเป็นเรื่องแข่งขัน ฉู่เหินจะมีโอกาสชนะได้ยังไง
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ” ชายที่ชื่อหมิงเกอพูดทันทีที่ได้ยินคำของฉู่เหิน
“พวกนายอยากจะแข่งอะไรล่ะ?” ฉู่เหินถาม
“ฉันว่ายน้ำเก่งกว่านายแน่ ๆ” หมิงเกอตอบอย่างไม่ลังเลเพราะเขาเป็นนักว่ายน้ำของจริง
ฉู่เหินเรียกคนที่อยู่ข้าง ๆ ให้ไปหาคนที่จะเอาไปแข่งกับหมิงเกอ จากนั้นทั้งสองก็เดินมาถึงชายหาดด้วยกัน หมิงเกอดูแข็งแกร่งมากในชุดว่ายน้ำ แต่นางเงือกคนนี้ที่ถูกส่งเข้าแข่งขันโดยฉู่เหินดูไม่ได้เลย ยกเว้นหน้าตาดีๆของเขา ที่สำคัญที่สุดคือเขายังคงสวมสูทอยู่และไม่คิดจะถอดมันออกเลยซักนิด
ในที่สุดหลังจากที่กรรมการยิงปืนขึ้นฟ้าทั้งสองก็พุ่งหลาวลงไปทะเลทันที ทันทีที่พวกเขาเข้าสู่ทะเลหมิงเกอก็พยายามที่จะเร่งความเร็ว แต่เขากลับเห็นคนข้างๆ พุ่งตัวราวกับลูกศรและเพียงชั่วพริบตาอีกฝ่ายก็ไปได้ไกลเกิน 100 เมตรแล้ว ในขณะที่เขากำลังมึนงง อีกฝ่ายก็ถึงจุดสิ้นสุดและว่ายวนกลับไป
จนอีกฝ่ายจะขึ้นฝั่ง หมิงเกอก็ยังไปไม่เกินระยะ 100 เมตรแรก ตอนนี้เขารับรู้ได้แล้วว่านี่คือความต่างชั้นและมันคือระดับที่เขาไม่อาจเอื้อมถึง
คนที่มากับเขาก็มองหน้ากัน ชายอ้วนคนหนึ่งยืนขึ้นอย่างไม่มั่นใจและพูดออกมา “ฉันอยากแข่งชักเย่อกับนาย!” คนอ้วนคนนี้มีน้ำหนัก 200 กิโลกรัมพร้อมด้วยความแข็งแกร่ง เขาเชื่อว่าไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาในการแข่งขันชักเย่อได้แน่นอน!
“จีหยางแข่งกับพวกเขาหน่อย” ฉู่เหินมองไปยังชายร่างเล็กยืนอยู่ข้างๆ เขา แม้ว่าตงโกวจีหยางจะตัวเล็ก แต่เขาก็ไม่ได้ละเลยในการฝึกฝนวิชายุทธ์ การเล่นชักเย่อกับคนเหล่านี้น่าจะเป็นการรังแกพวกเขาอย่างสุดๆ แล้ว
แต่ฉากนี้ ในสายตาของชายอ้วนกลับคิดว่าอีกฝ่ายกำลังทำให้เขาอับอายการที่อีกฝ่ายเลือกที่จะส่งเด็กเข้ามาแข่งกับเขา นั้นก็ชัดเจนเลยว่านี่คือการดูถูกเขาอย่างถึงที่สุด สิ่งนี้ทำให้เขาโกรธเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามคำพูดของตงโกวจีหยางก็ทำให้เขาโมโหยิ่งกว่าเดิม
“เจ้าอ้วนเอ้ย แข่งกับนายแค่คนเดียวไม่ใช่คู่มือของฉันหรอก ไปพาคนอื่นมาด้วยสิ” ช่างบังเอิญอะไรขนาดนี้ ตงโกวจีหยางพูดได้แทงใจดำของชายอ้วนจริงๆ และมันเป็นคำพูดที่ทำให้ชายอ้วนโกรธสุด ๆ
“เจ้าอ้วน ไม่เป็นไรหรอก ขอแค่ชนะก็พอแล้วตราบเท่าที่พวกเราชนะเรื่องอื่นค่อยว่ากัน!” หมิงเกอกระซิบข้างหูชายอ้วน
ชายอ้วนหน้าตาดุดัน ดวงตาที่ดุร้ายจ้องมองที่ตงโกวจีหยาง แต่เด็กคนนั้นก็ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
ชายอ้วนไม่ฟังตงโกวจีหยางแล้ว เขาคว้าปลายอีกด้านของเชือกไว้อย่างแน่นหนา หากเอาชนะเด็กตัวเล็กแบบนี้ไม่ได้ด้วยตัวคนเดียวก็คงอับอายขายขี้หน้าไปตลอดชีวิต !
แต่เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น ชายอ้วนก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังคิดผิด และยังคิดผิดมากๆ อีกด้วย เพราะเด็กคนนี้แข็งแรงมากๆ น่ากลัวว่าแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังไม่มีแรงเยอะขนาดนี้ด้วยซ้ำ !
เขาพยายามอย่างถึงที่สุดแต่เขาก็ไม่อาจดึงอีกฝ่ายมาได้เลยแม้แต่น้อย เรื่องแบบนี้มันทำให้เขาโมโหมาก เพื่อน ๆ พยายามส่งเสียงเชียร์เขา พอเห็นแบบนี้ตงโกวจีหยางก็ดึงอย่างแรงจนตัวของชายอ้วนลอยขึ้นไปในอากาศ
ในที่สุดชายอ้วนก็ร่วงลงตรงหน้าตงโกวจีหยาง จนถึงตอนนี้ทุกคนไม่อาจรับรู้ได้ถึงพลังของสองคนนี้ แต่เมื่อพวกเขารู้พวกเขาก็เริ่มหวาดกลัวพรรคพวกของฉู่เหิน
แม้แต่เด็กตัวเล็กยังแข็งแรงขนาดนี้ ลองนึกภาพตอนที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่สิ ในเวลานี้พวกเขาไม่เหลือความภาคภูมิใจและความมั่นใจในตัวเองอีกแล้วส่วนผู้คนที่นำโดยหมิงเกอนั้นก็รีบมาขอโทษชาวบ้านด้วยความน้อบน้อม
ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นคนใจดี เมื่อพวกเขาเห็นว่าพวกเขากลับใจจริง ๆ ทุกคนก็ไม่ยึดติดอะไรแล้วปล่อยให้พวกเขากลับออกไปแต่โดยดี หลังจากที่คนเหล่านี้จากไปแล้วพวกเขาก็ฮึดสู้เพื่อพัฒนาตัวเอง มันทำให้พวกเขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่าอะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า
ในที่สุดอีกไม่กี่ปีต่อมา คนที่ชื่อหมิงเกอก็ได้ลงแข่งขันว่ายน้ำจนชนะได้ที่หนึ่งและยังสร้างสถิติใหม่ในโอลิมปิก เมื่อเขายืนอยู่ที่จุดสูงสุดของชีวิต นักข่าวหลายคนก็มารวมตัวกันเพื่อสัมภาษณ์เขา หมิงเกอพูดอย่างสุภาพ
“การที่ฉันมีวันนี้ได้เป็นเพราะว่าได้รู้จักกับหมู่บ้านชาวประมงแห่งหนึ่ง”
ในเวลานั้นผู้คนคิดว่าหมิงเกอเป็นชายจากหมู่บ้านชาวประมง แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างที่คิดพวกนักข่าวคิด
เรื่องตลกจบไปแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาส่งแขกกลับ เมื่อเห็นว่ายังไม่สายเกินไปพวกเขาก็เตรียมเปิดงานการแข่งขันของทั้งสองหมู่บ้านอย่างเป็นทางการ
ตอนแรกฉู่เหินขอไม่มีส่วนร่วมในการแข่งขันในวันนี้ ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านชาวประมงและตระกูลซื่อรู้สึกว่ามันน่าเสียดาย แต่หลังจากได้เห็นพลังของครอบครัวฉู่เหิน พวกเขาก็รู้ว่า เหตุผลที่ฉู่เหินไม่ยอมเข้าร่วมการแข่งขันก็เพราะเขาไปอยู่ในระดับที่ต่างออกไปแล้ว หากเขาลงแข่งขันล่ะก็เกมก็จะไร้ความหมายน่ะสิ
หลังจากที่จบเรื่อง ฉู่เหินก็ไปพบผู้อาวุโสจางอีกครั้ง ผู้อาวุโสจางโกรธมากเขาไม่ได้คิดว่าจะมีคนทำกับเขาแบบนี้ เห็นเขาเป็นอะไรกัน?
“เฮียจาง ผมรู้ตัวเองพูดเกินไปหน่อย แต่ผมเองก็โกรธมาก พี่อย่าได้ถือสาผมเลยนะ” ฉู่เหินยิ้มออกมา ผู้อาวุโสจางเองก็ปรายตามองฉู่เหิน สมองคิดอย่างรวดเร็วว่าห้ามสนใจฉู่เหิน
เด็กคนนี้เป็นเหมือนลาหัวดื้อ แม้แต่วัว 10 ตัวก็ไม่อาจรั้งไว้ได้ เขาอยากสั่งสอนฉู่เหินสักหน่อย
“น่า เฮียจาง ผมมีของดีอยู่นะ เอาเป็นว่าผมจะยกมันเป็นของขวัญให้พี่” ฉู่เหินเลิกคิ้วขึ้นและพูดต่อเพื่อโน้มน้าวผู้อาวุโสจาง