สุดยอดชาวประมง - บทที่ 293 ผู้หญิงใจกว้าง
บทที่ 293 ผู้หญิงใจกว้าง
บทที่ 293 ผู้หญิงใจกว้าง
แต่ถ้าเสี่ยวชิงยัดลิ้นจี่เข้ามาอีกคนสุดท้ายเขาก็ต้องเลือกลิ้นจี่ของเสี่ยวชิงโดยไม่ลังเล แต่แบบนี้มันจะทำให้ผู้หญิงสองคนนี้เศร้าเสียใจมากแน่ๆ
แม้จะไม่มีการแทรกแซงจากเสี่ยวชิงเขาก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วจะเขาเลือกอะไรล่ะ! พวกเธออดทนกันสุด ๆ เหยียดแขนค้างไว้อยู่นานจนน้ำของลิ้นจี่หยดลงบนโต๊ะ
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงันไม่มีใครขยับเขยื้อน แม้แต่ลมก็ไม่พัดผ่าน ไมใช่แค่ฉู่เหินที่ไม่สบายใจ แม้แต่หญิงสาวทั้งสามเองก็ไม่สบายใจเช่นกัน
เสี่ยวชิงไม่เข้าร่วมในเรื่องตลกเรื่องนี้เพราะเธอเป็นคนมีคุณธรรม เธอไม่อยากทำให้ฉู่เหินต้องลำบากใจ และเธอบุคลิกที่นุ่มนวลไม่อยากทำอะไรสุดโต่งแบบนี้ แต่เธอก็อยากรู้ว่าตัวเลือกสุดท้ายของฉู่เหินคือใครกันแน่ เธออยากเห็นว่าจิตใจของฉู่เหินซ่างกวนเสี่ยวฟู๋หรือเจียฉิวฉิวใครสำคัญมากกว่ากัน
นั่นเป็นเหตุผลที่เธอไม่พูดอะไร เมื่อเวลาผ่านไป หญิงสาวก็เข้าใจว่า
ฉู่เหินเองก็กำลังสับสน ไม่ว่าเขาจะเลือกลิ้นจี่ของใครเขาก็ต้องทำร้าย
ผู้หญิงอีกคน! ในใจของเสี่ยวชิงคิดสุดท้ายพี่ฉู่เหินคงจะลุกออกไปและไม่กินลิ้นจี่ของใครเลย
แต่แบบนั้นหัวใจของหญิงสาวทั้งสองก็จะแตกสลาย ถึงแม้ว่าฉู่เหินจะทุ่มเทกับความรักแต่เขาก็ขี้สงสาร พี่ฉู่เหินไม่น่าทำอะไรไร้น้ำใจแบบนั้น
ในวินาทีต่อมาเสี่ยวชิงทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด การกระทำของเธอทำให้ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋และเจียฉิวฉิวประทับใจมาก
“พี่เหิน ถ้ายังไงก็กินทั้ง 2 ลูกเลยสิ” ในขณะที่พูดแบบนี้ เสี่ยวชิงก็คว้าลิ้นจี่จากมือของซ่างกวนเสี่ยวฟู๋และเจียฉิวฉิวยัดเข้าไปในปากของฉู่เหิน เขาเคี้ยวอย่างอดทนและไม่อยากที่จะเชื่อสายตาตัวเอง พวกเธอเพิ่งทะเลาะกันไปเองนะแล้วนี่มันอะไรเนี่ย
หลังจากที่ฉู่เหินกินลิ้นจี่แล้วหญิงสาวทั้งสามก็พูดคุยกันอย่างสนิทสนม
ฉู่เหินกลายเป็นอากาศธาตุ เขาอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะปิดปากเงียบ
ยังไงทั้งสามสาวก็สงบศึกกันแล้วและนั้นเป็นข่าวดีที่สุดสำหรับเขา เขาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว
ฉู่เหินมองสาว ๆ คุยกันโดยไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปนอน ซึ่งหมายความว่าสิ่งที่เขาอยากจะทำกับเสี่ยวชิงก่อนหน้านั้นถูกทำลายหมดสิ้นแล้ว!
ฉู่เหินลุกขึ้นยืนโดยไม่สนใจพวกเธอ แต่หันกลับไปก็ไม่มีใครสนใจเขาเลย เขาได้แต่เศร้าเสียใจกลับไปที่ห้องของตัวเอง และจนกระทั่งร่างของฉู่เหินหายไปนาน หญิงสาวทั้งสามที่กำลังพูดคุยกันอย่างร้อนแรงก็หยุดลงทันที จากนั้นแต่ละคนก็หันมองไปท้องฟ้าราวกับว่ามีบางสิ่งแปลก ๆ ในท้องฟ้า!
จากนั้นพวกเธอก็หันกลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างเงียบๆ ฉู่เหินคิดว่าพวกหญิงทั้งสามแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าพวกเธอแค่ไม่อยากให้เขาเป็นกังวลเท่านั้น
แต่ถึงยังไงในหัวใจของซ่างกวนเสี่ยวฟู๋และเจียฉิวฉิวก็รู้สึกว่าเสี่ยวชิงนั้นค่อนข้างใจกว้าง เธอเหมาะสมกับตำแหน่งพี่ใหญ่ที่สุด! แม้ว่าพวกเธอจะเป็นคู่แข่งแต่เสี่ยวชิงก็ยังสร้างทางถอยให้กับพวกเธอ ทำให้ทั้งสองชื่นชมเสี่ยวชิงจากใจจริง!
หลังจากเข้ามาในห้อง ฉู่เหินก็นอนไม่หลับ เขาจึงจะฝึกตนจากหนังสือที่เขาซื้อมาในต่างโลก มันมีหนังสือฝึกตนมากกว่า 20 บนหัวเตียงของเขา แต่เขาไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี!
ด้วยความสิ้นคิดเขาเลยสุ่มเลือกออกมาได้เป็น เคล็ดวิชาเก้ารัตติกาล วิชานี้จะต้องฝึกฝนจิตวิญญาณ แต่เมื่อฝึกฝนวิชานี้ร่างกายก็จะอยู่ในสภาวะไร้ตัวตนหรือก็คือจะร่างกายอ่อนแอที่สุดในตลอดช่วงเวลาที่ฝึกฝนวิชานี้ พอฝึกฝนจนจะบรรลุเคล็ดวิชา ร่างกายจะได้รับการเติมเต็มส่วนที่อ่อนแอใหม่ทั้งหมด!
แม้วิชานี้จะเป็นวิชาที่แข็งแกร่งมาก แต่ฉู่เหินรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมกับเขา เพราะเขายังไม่ได้มีความสุขกับชีวิตเลย เขาไม่อยากมีร่างกายที่อ่อนแอใน ตอนนี้ อีกทั้งเขายังคิดว่าวิชานี้ไม่เห็นจะวิเศษวิโสอะไร
แต่แล้วเขาก็เห็นบางอย่างที่น่าสนใจ เคล็ดวิชาขุนเขาไม่สั่นไหว วิชานี้จะทำให้การฟื้นฟูเพิ่มขึ้นตามร่างกายที่แข็งแกร่ง เมื่อฝึกถึงขั้นตัดวิญญาณจะเป็นดั่งขุนเขาที่เชื่อมต่อฟ้าดิน
ฉู่เหินไม่อยากยอมแพ้กับเส้นทางการฝึกตนเขาอยากแข็งแกร่ง เขาเริ่มค้นดูหนังสือเล่มอื่น กลยุทธ์จักรพรรดิ เคล็ดวิชาวิหคเวหา เคล็ดวิชาเทพพยัคฆ์ เคล็ดวิชามังกรคำราม ทั้งหมดล้วนเป็นการฝึกตนพื้นฐานและฟังดูเทพมาก ๆ แต่เขาก็ไม่อยากเป็นสัตว์ประหลาดและถูกเอาไปศึกษาหรือทดลองเพราะร่างกายที่เปลี่ยนไป
หลังจากที่ฉู่เหินใช้ความคิด เขารู้สึกว่าเมื่อฝึกตนวิชาพวกนี้ไปไม่แน่ว่าตัวเขาเองอาจจะกลายเป็นสัตว์อสูรจริง ๆ ก็ได้
อาจกล่าวได้ว่าวิชาเหล่านี้มีไว้สำหรับสัตว์อสูร ซึ่งทำให้เขาเองก็พูดไม่ออก เขาก็รู้ว่ามีหลายคนในต่างโลกที่ฝึกวิชาพวกนี้ เมื่อพวกเขาฝึกจนถึงขีดสุด พวกเขาจะสามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายและต่อสู้กับมนุษย์ได้
เป็นเรื่องแปลกที่จะบอกว่าสัตว์ร้ายพยายามสุดชีวิตเพื่อแปลงร่างให้เป็นมนุษย์ แต่มนุษย์กลับทำทุกอย่างเพื่อแปลงร่างเป็นสัตว์ร้าย แม้ว่าจะแข็งแกร่งขึ้นแต่มันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกอยู่ดี!
จากนั้นเขาก็มองไปที่หนังสือค่ายกลห้าธาตุ แต่มันธรรมดาเกินไปและไม่มีอันไหนเข้าตาฉู่เหิน หลังจากค้นหาอีกครั้งก็มีหนังสือชื่อเคล็ดวิชาหัวใจเหมันต์ และเคล็ดวิชาผสานจิตวิญญาณ ฉู่เหินหยิบขึ้นมาทันที! ทั้งสองเล่มนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่เขามีในตอนนี้ แต่ยังไงซะเล่มแรกมันมีไว้ให้ผู้หญิงฝึก ส่วนอันที่สองเหมาะสำหรับฝึกตน 2 คน!
ฉู่เหินคิดจะเอาเคล็ดวิชาหัวใจเหมันต์ให้เสี่ยวชิง เธอจะต้องฝึกสำเร็จแน่ ๆ แต่จริง ๆ แล้วพลังการฝึกฝนของเจียฉิวฉิวเองก็ไม่ธรรมดา แต่เหมือนจิตใจเธอจะไม่ได้นิ่งสงบขนาดนั้น ไม่น่าเหมาะกับวิชานี้
สำหรับเคล็ดวิชาผสานจิตวิญญาณฉู่เหินจะเก็บไว้ก่อน ทำให้ตอนนี้ไม่มีวิชาฝึกตนเข้าตาเข้าเลย ฉู่เหินหดหู่มาก เขาจะไม่มีวิชาที่เหมาะสมสำหรับตัวเองเลยหรือไงกัน?
“ทักษะกิเลนกลั่นทิพย์” ขณะที่ฉู่เหินยอมแพ้ จู่ๆวิชาฝึกตนนี้ก็ปรากฏในสายตาของเขา ฉู่เหินฝึกฝนเกี่ยวกับกิเลน ดังนั้น “ทักษะกิเลนกลั่นทิพย์” จึงทำให้เขาตกใจและรีบอ่านอย่างรวดเร็ว
ทักษะกิเลนกลั่นทิพย์ สอนผู้ฝึกตนดูดซับลมปราณของฟ้าดิน และใช้ทักษะกิเลนเพื่อดูดซับเข้าร่างกาย ความเร็วจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ! เมื่อฝึกตนอย่างต่อเนื่องความเร็วในการดูดซับพลังก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นคัมภีร์สวรรค์อย่างแท้จริง
แต่ทักษะนี้มีข้อเสียนั่นคือวิชานี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น มันเป็นเพียงส่วนที่กลางไม่มีส่วนแรกและส่วนท้าย และหลังจากฝึกวิชานี้แล้วจะไม่สามารถฝึกวิชาอื่นได้อีกในอนาคตไม่เช่นนั้นจะถูกตีตราจากสวรรค์ ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงรู้ว่าฝึกตนนี้ขัดกับสวรรค์และไม่มีใครกล้าเลือกมันมาฝึก
ฉู่เหินลังเลอยู่นาน หากเขาไม่ฝึกเขาก็จะรู้สึกว่างเปล่า แต่เมื่อฝึกวิชานี้ก็เท่ากับเดินอยู่บนเส้นด้าย วันหนึ่งเขาอาจตกมาโดยไม่ตั้งใจและกระดูกหักก็ได้
ฉู่เหินคิดอยู่นานเขาก็คิดว่ากิเลนกับเขาถูกลิขิตมาคู่กัน ยิ่งเขาได้เรียนรู้ดัชนีกิเลนและหมัดกิเลนเขาก็ยิ่งแข็งแกร่ง แม้แต่ไฟในร่างกายของเขาก็คือไฟของกิเลน หากเขาฝึกตนกิเลนไม่อาจจิตนาการได้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน
ดังนั้นหลังจากลังเลอยู่นานเขาก็ตัดสินใจ เนื่องจากพระเจ้าให้โอกาสมาแล้วเขาก็ไม่ควรปล่อยมันไป แม้ว่าอีกหลายปีข้างหน้าอาจจะเป็นหลุมดำ ที่ทำให้เขาไปต่อไม่ได้ เขาก็จะก้าวต่อไป!