สุดยอดชาวประมง - บทที่ 301 ผู้ยิ่งใหญ่ในมหาสมุทร
บทที่ 301 ผู้ยิ่งใหญ่ในมหาสมุทร
บทที่ 301 ผู้ยิ่งใหญ่ในมหาสมุทร
ทุกคนขึ้นเรือเพื่อออกเดินทาง แต่จริง ๆ แล้วมันนี้มันโกหกทั้งเพ เพราะเมื่อระดับน้ำเริ่มลึกขึ้นพวกเขาก็จะทิ้งเรือประมงและใช้ราชาฉลามพิษแทน นกคีรีบูนยืนอยู่บนเสากระโดงของเรือประมงมันมองกลับไปที่ฝั่งอย่างตื่นเต้นจนห้ามไม่อยู่
การต่อสู้กับฉู่เหินในสนามรบเป็นความฝันของเขาเสมอมา ที่จริงไม่ใช่แค่นกคีรีบูนเท่านั้นที่คิดแบบนี้แม้แต่พี่เสือและแรดเขาเดียวก็คิดเช่นเดียวกัน แต่ว่าวรยุทธของพวกเขามีจำกัด อีกทั้งถ้าพวกเขาอยู่กลางทะเลมันก็ยากที่พวกเขาจะได้แสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้ ถ้าไม่อย่างงั้นมีหรือที่พวกเขาทั้งสองจะพลาดเหตุการณ์นี้ไปได้
เมื่อเรือประมงแล่นออกจากฝั่ง ไม่ทันไรก็มองไม่เห็นแนวชายฝั่งแล้ว ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋และเจียฉิวฉิวสองสาวมองเรือที่แล่นออกไปด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ อย่าเห็นว่าเวลาปกติเมื่อพวกเธออยู่ด้วยกันแล้วมักจะทะเลาะกันเอง แต่จริง ๆ แล้วพอต้องห่างไกลกัน พวกเธอรู้สึกราวกับว่าชีวิตไม่มีความหมายอย่างไรอย่างงั้น
เมื่อฉู่เหินมาถึงเกาะเล็ก ๆ ในทะเล ฉู่เหินก็เรียกราชาฉลามพิษมา 2-3 ตัวครั้งนี้เขาต้องเตรียมตัวให้พร้อมในทุก ๆ สถานการณ์ ฉู่เหินเหลือราชาฉลามพิษให้อยู่ที่เรือไว้ 1 ตัว ส่วนที่เหลือก็พากันไปด้วย ที่ทำแบบนี้ก็เพราะเขากลัวว่าจะมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นเหมือนกับครั้งที่แล้ว เขาต้องเหลือทางหนีให้กับตัวเองเอาไว้
ราชาฉลามพิษที่เหลือพาฉู่เหินลงมาใต้ทะเลลึก แต่พวกเขาก็ถูกบรรพบุรุษเงือกรั้งเอาไว้เสียก่อน บรรพบุรุษเงือกรู้ดีว่าเป้าหมายของฉู่เหินที่จะออกทะเลในครั้งนี้คืออะไร ดังนั้นอีกฝ่ายจึงกังวลมาก
“ครั้งนี้พวกเธอออกทะเลเพื่อตามหาพวกโจรร้ายนั้น จะต้องระวังตัวให้ดีที่ทะเลอันกว้างใหญ่แห่งนี้มีเจ้าถิ่นอยู่เยอะ ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปยุ่งกับคนพวกนี้เป็นอันขาด คนเหล่านี้แม้แต่ฉันก็ต้องชั่งใจก่อนว่าจะพูดด้วยยังไง!”
หลังจากได้ยินแบบนี้ ฉู่เหินก็ตัวสั่นเทา คนที่สามารถทำให้บรรพบุรุษเงือกถึงกับพูดแบบนี้ออกมา เจ้าถิ่นพวกนี้จะเก่งกาจขนาดไหนกันนะ
บรรพบุรุษเงือกหยุดนิ่งไปสักพักก่อนจะพูดต่อ “ในทะเลอันกว้างใหญ่มีตระกูลผู้มีอิทธิพลนับไม่ถ้วน ดังนั้นการเดินทางบนมหาสมุทรต้องระมัดระวังยิ่งกว่าบนพื้นบนมาก เพราะที่นี่มีผู้ทรงพลังมากมาย”ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นของบรรพบุรุษเงือก ฉู่เหินก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
“กองกำลังของผู้มีอิทธิพลในทะเลไม่ได้มีแค่สัตว์เท่านั้น เพราะเมื่อหลายปีก่อนมีผู้แข็งแกร่งมากมายนับไม่ถ้วนมายังทะเลแห่งนี้ คล้ายกับพวกเขามารวมตัวสร้างเป็นขุ่มกำลังใหม่ที่ไม่ด้อยกว่า เกาะเพิงลายแห่งทะเลตงไห่* และภูเขาพูทั่วแห่งทะเลใต้* ไม่ว่าที่ไหนก็แข็งแกร่งทั้งนั้น!” ในมหาสมุทรแห่งนี้ก็ชื่อเกาะชื่อภูเขาอันแสนลึกลับเหล่านี้มากมายนับไม่ถ้วน
เกาะเพิงลายแห่งทะเลตงไห่* ว่ากันว่าเป็นเกาะที่ผู้คนจะไม่มีวันแก่เฒ่า
ภูเขาพูทั่วแห่งทะเลใต้* ว่ากันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์
แต่หลายปีก่อนได้ปรากฏเหล่า 4 ทรราช 5 เกาะ และ 4 เทพพระเจ้าในมหาสมุทร กองกำลังเหล่านี้ล้วน แต่ดุร้ายและทรงพลัง 4 ทรราชมีแบ่งเป็น ทะเลตะวันออกเทียนบา, เต่าทะเลตะวันตก, วัดปูยูทะเลจีนใต้และเกาะคนชั่วทะเลเหนือ ในบรรดา 4 ที่นี้มีเพียงเต่าทะเลตะวันตกเท่านั้นที่เป็นสัตว์ทะเลอีกสามแห่งอยู่ภายใต้การปกครองของมนุษย์อย่างสมบูรณ์
ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่เป็นสองรองใคร แต่พวกเขาคล้ายกับไม่อยากโอ้อวด ดังนั้นเมื่อเดินออกไปข้างนอกตราบใดที่ไม่ไปก่อกวนเหล่ากองกำลังทั้ง 4 ก็แทบจะไม่เป็นอันตรายอะไรเลย มีเพียงเกาะคนชั่วเท่านั้นที่มีข่าวลือว่าเข้าได้ออกไม่ได้ ดังนั้นต้องระมัดระวังให้ดีเมื่อไปที่ทะเลเหนือ
นอกจากทรราชเหล่านี้แล้วยังมีเกาะอีก 5 เกาะ ห้าเกาะนั้นลึกลับพอ ๆ กับทรราชทั้ง 4 เพราะคนนอกจะไม่สามารถรู้ตั้งตำแหน่งที่ตั้งของเกาะทั้ง 5 ได้เลย เนื่องจากพวกมันถูกปกคลุมด้วยภาพลวงตาและสามารถเคลื่อนไหวได้เองอย่างอิสระในมหาสมุทร ทำให้ 5 เกาะนี้เป็นสิ่งลึกลับแห่งท้องทะเล
ว่ากันว่าเกาะทั้งห้านี้อาจเป็นกลุ่มผู้มีอำนาจเดียวกันก็เป็นได้ เนื่องจากเกาะทั้ง 5 ได้ฉายาว่า 5 สรรพชีวิต ทั้ง 5 เกาะถูกเรียกต่างกันว่าเกาะแห่งดิน ทอง ไม้ น้ำ ไฟ เล่ากันว่าใครที่เข้าไปยังเกาะไฟเพียงไม่กี่อึดใจก็จะถูกไฟคลอกร่างจนทำได้แค่ถอยออกมา
นอกจาก 9 แห่งนี้แล้วยังมีอีกหนึ่งที่เรียกว่า พรรคกุยหยวน และนอกจากพรรคกุยหยวนแล้วยังมีอีกพรรคก็คือพรรคเทียนไห่! กล่าวกันว่าทั้งสองขุมกำลังนี้ตั้งอยุ่ที่ทะเลทางตอนใต้และทะเลทางตอนเหนือแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ไกลกัน แต่ทั้งสองกลับมีบุญคุณความแค้นระหว่างกัน! พรรคกุยหยวนเรียกตัวเองว่าเป็นพรรคคุณธรรม พวกเขาประกาศตัวว่าจะต้องขุดรากถอนโคนปีศาจแห่งพรรคเทียนไห่ให้สิ้นซาก
ส่วนพรรคเทียนไห่ก็บอกว่าตนเองได้รับบรรชาจากสวรรค์ ให้มากำจัดพรรคกุยหยวนที่ชั่วร้ายให้สิ้น ดังนั้นยากที่จะบอดกว่าฝ่านไหนคือพรรคคุณธรรม และฝ่ายใดคือพรรคมาร เพราะพวกเขาต่างประกาศว่าตนเองเป็นผู้มีคุณธรรม บรรพบุรุษเงือกจึงบอกฉู่เหินว่าถ้าพวกเขาเผชิญหน้ากับกองกำลังทั้งสองพวกเขาจะต้องซ่อนตัวเอาไว้ให้ดี ๆ ห้ามเลือกข้างเด็ดขาด
ทั้งสองพรรคนั้นมีหัวหน้าพรรคที่แม้แต่บรรพบุรุษเงือกก็ยังไม่กล้าลบหลู่ เพราะระดับของพวกเขาหากสู้กันด้วยพลังทั้งหมดจริง ๆ สวรรค์ยังต้องสั่นสะเทือน! จนก่อให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ ถ้าเป็บแบบนั้นโลกก็คงถึงกาลอวสาน ดังนั้นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงจึงไม่ค่อยลงมือเองเพราะพวกเขาพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ทำลายโลกใบนี้
ในทะเลอันกว้างใหญ่แห่งนี้นอกเหนือจากขุมอำนาจทั้้ง 11 แห่งนั้นแล้ว ยังมีขุมอำนาจขนาดกลางและขนาดเล็กอีกมากมายนับไม่ถ้วน เพียงแต่ว่าคนเหล่านี้อาศัยอยู่อย่างสันโดษในทะเลมานานนับสิบปี ไม่อยากที่จะสุงสิงกับใคร
ก่อนจากกันบรรพบุรุษเงือกได้มอบป้ายอาญาสิทธิ์ของชนเผ่าท้องทะเลไว้หนึ่งอัน สิ่งนี้สามารถสั่งสิ่งมีชีวิตทุกเผ่าในมหาสมุทรได้ กระทั้งพวกเต่าเมื่อเห็นมันแล้วก็ต้องไว้หน้าบรรพบุรุษเงือกหนึ่งส่วน เพราะเผ่าเต่าและเผ่านางเงือกถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลอันดับ 1-2 บนท้องทะเลไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
หลังจากบอกลาบรรพบุรุษเงือก ฉู่เหินและคนอื่น ๆ ก็มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของมหาสมุทร จุดมุ่งหมายของพวกเขาก็เพื่อมาจับกุมโจรสลัดก็เท่านั้น ส่วนขุมอำนาจเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาอยู่แล้ว และพวกเขาก็ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับอีกฝ่ายหรอก!
บรรพบุรุษเงือกมองแผ่นหลังของฉู่เหินและคนอื่น ๆ พร้อมกับคิดกับตัวเองอย่างเงียบ ๆ มีแค่บรรพบุรุษเงือกที่รู้ว่าเรื่องคราวนี้มันอาจไม่ง่ายดายอย่างที่ฉู่เหินคิด เพราะบรรพบุรุษเงือกพอจะทราบเรื่องโจรสลัดเหล่านี้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากขุมอำนาจใหญ่ ๆ ในมหาสมุทร มีหรือที่พวกมันจะหลีกเลี่ยงการตามล่าของประเทศต่าง ๆ ได้
อย่างไรก็ตามนี้เพียงข้อสันธาน บรรพบุรุษเงือกเองก็สงสัยว่ากลุ่มโจรสลัดเหล่านี้กำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่ เรื่องจะเป็นยังไงต่อต้องพึ่งโชคของฉู่เหินแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะท้ายที่สุดมันก็ขึ้นอยู่กับโชคของฉู่เหินว่าจะเจอพวกโจรสลัดหรือไม่
ตอนแรกเธอเตรียมจะเข้าไปก้าวก่ายเรื่องนี้ แต่วันนี้มีนักพยากรณ์เจาะจงมาว่าต้องเป็นฉู่เหินเท่านั้น การพยากรณ์บอกไว้ชัดเจนว่าครั้งนี้ฉู่เหินจะพบกับอันตรายครั้งใหญ่ แต่ก็เป็นโอกาสอันดีในชีวิตเช่นกัน ถ้าบรรพบุรุษเงือกเข้ามาก้าวก่ายจะเป็นเหมือนการขัดขวางโอกาสในครั้งนี้ของฉู่เหิน
นักพยากรณ์คนนั้นยังบอกอีกว่า ในมหาสมุทรจะเกิดเหตุจลาจลครั้งใหญ่ขึ้นในไม่ช้า เมื่อถึงเวลานั้นขุมอำนาจทั้งหลายรวมทั้งทุกเผ่าพันธุ์ก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากเหตุการณ์นี้ได้ นอกจากนี้สวรรค์ยังไงส่งบุตรแห่งสวรรค์มาหนึ่งคน นักพยากรณ์เดาว่าคน ๆ นั้น แม้จะไม่ใช่ฉู่เหินก็เกรงว่าต้องมีความสัมพันธ์โดยตรงกับเขาอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้เหล่าผู้อาวุโสถึงไม่อาจแทรกแซงได้ มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการเจริญก้าวหน้าของฉู่เหินในอนาคต! และเพราะคำพูดของนักพยากรณ์ทำให้บรรพบุรุษเงือกต้องมอบป้ายอาญาสิทธิ์แห่งท้องทะเลให้แก่ฉู่เหินแม้ว่ามันจะช่วยอะไรไม่ได้มากก็ตาม! แต่ในความคิดของฉู่เหินแค่นี้ก็ช่วยเขาได้มากพอแล้ว
ทุกคนออกเดินทางไปโดนขี่หลังฉลามพิษบนอ่าวตงไห่ ซึ่งในเวลานี้ปกติพวกโจรสลัดต้องปรากฏตัวให้เห็น! ถ้าสกัดอีกฝ่ายได้ที่นี่ก็จะดีมากหรือถ้าสกัดไม่ได้ ขอให้หารังของพวกมันเจอก็ยังดี
เดิมทีก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสจางได้เตรียมจะมอบคนจำนวนหนึ่งให้แก่ฉู่เหินเพราะยิ่งจำนวนคนเยอะก็ยิ่งดีใช่มั้ยล่ะ! แต่ฉู่เหินปฏิเสธไปแล้ว เพราะในทะเลเขามีความลับมากมายและไม่อยากจะให้คนอื่นรู้เท่าไร ยิ่งไปกว่านั้นคนในทีมมังกรเขาก็เคยพบเจอมาแล้วเช่นกัน ถ้าอยู่บนพื้นดินพวกเขาก็น่าจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่ในท้องทะเลคนพวกนี้กลับจะเป็นภาระซะเปล่า ๆ
“พี่เหิน ดื่มน้ำสักแก้วเถอะ” ตอนนี้ฉู่เหินอยู่บนหลังของฉลามพิษที่เปรียบเสมือนเรือลำใหญ่ บนบ่าของฉู่เหินแบกรับความหวังเอาไว้มากมายเมื่อเข้าใกล้ทะเลตงไห่ฉู่เหินก็ยิ่งรู้สึกกดดัน โชคดีที่มีเสี่ยวชิงอยู่ข้าง ๆ เมื่อเขาร้อนรนเธอก็จะคอยแก้ความกลุ้มใจให้เขาตลอด
ไม่กี่วันมานี้เขาได้ฝึกพลังกิเลนจนแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะสามารถเลื่อนเข้าสู่ขั้นเต๋าระดับสูง* อย่างแน่นอน ยิ่งเขาฝึกฝนอย่างหนักผลลัพธ์ก็จะยิ่งปรากฏออกมาอย่างชัดเจน
(ฉู่เหิน ยังเป็นขั้นเต๋าระดับกลาง ตอนก่อน ๆ ที่เป็นขั้นเต๋าระดับสูงเนื่องจากไปต่างโลกมาทำให้พลังขึ้น ๆ ลง ๆ ตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว)