สุดยอดชาวประมง - บทที่ 306 ฟาร์มยา
บทที่ 306 : ฟาร์มยา
บทที่ 306 : ฟาร์มยา
การเดินในป่าใหญ่แห่งนี้ยิ่งเดินมากก็ยิ่งน่ากลัว ที่นี่มีสมบัติล้ำค่าที่จะปรากฏทุก ๆ 1,000 ปีและระหว่าทางทุกคนเก็บวัตถุดิบเหล่านั้นมาด้วย เก็บทุกอย่างมาเกลี้ยงจนไม่เหลือ
ในป่าอันกว้างใหญ่นี้ ไม่เพียงแต่มีสมบัติที่แปลกประหลาดมากมายนับไม่ถ้วน พวกเขาเห็นหญ้าจิตวิญญาณหลายต้นด้วยกันและยังพบต้นไม้สวรรค์ระหว่างทาง ต้นไม้สวรรค์มีผลไม้ไม่น้อยกว่า 50 ผลและแต่ละผลนั้นมีสีทองอร่ามและมีกลิ่นหอมรุนแรง
หลังจากฉู่เหินอ่านข้อมูลต่าง ๆ จากระบบเชื่อมโลกาก็พบว่าต้นไม้ชนิดนี้มีชื่อว่าต้นท้อสวรรค์ ทุกผลนั่นไม่อาจประเมินค่าได้ ตามที่รู้มาเมื่อกินเข้าไปแล้ว 1 ผลจะมีอายุยืนขึ้น 30 ปี จากข้อมูลบอกได้เลยว่าผลไม้เหล่านี้สุดยอดมาก! เมื่อเจอสมบัติล้ำค่ามากมายพวกเขาก็ไม่อาจปล่อยให้รอดไปได้ ดังนั้นบนต้นไม้ที่มีผลท้อถึง 50 ลูกก็ถูกพวกเขาเก็บเรียบ!
เดิมทีฉู่เหินกะจะแบ่งให้ทุกคนเท่า ๆ กัน เพราะยังไงผลไม้สวรรค์เหล่านี้ มาอยู่กับตัวเองก็ไม่ได้ใช้อะไร ให้คนที่ตัวเองรักจะดีที่สุด แต่ฉู่เฟิง ปาเค่อและก็เสี่ยวชิงกลับไม่ยอมรับซะงั้น สำหรับปาเค่อแล้วการอายุยืนขึ้น 30 ปี ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขาเลยเพราะเขาอายุยืนมาก ๆ อยู่แล้ว
ต้องเข้าใจว่าเผ่าคนแคระมีชีวิตที่ยืนยาวกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายเท่านัก ดังนั้นมันจึงไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนักสำหรับเขาที่จะเพิ่มหรือไม่เพิ่มอายุขัย 30 ปี ส่วนฉู่เฟิงรู้ว่าตัวเองเป็นหุ่นหากเขากินผลไม้พวกนี้ลงไปก็ไม่ต่างอะไรกับการกินผลไม้ทั่วไปมันเลยไม่น่าสนใจสำหรับเขาเท่าไร
ส่วนความคิดของเสี่ยวชิงนั้นค่อนข้างเรียบง่าย เธอคิดว่าของฉู่เหินก็เหมือนของตัวเอง ให้ฉู่เหินเก็บไว้จะเป็นการดีที่สุด ยิ่งกว่านั้นถ้าเธอต้องการเขาพี่ฉู่ก็เอามาให้เธอเอง? เพราะแบบนี้เธอเลยไม่ได้อยากได้ผลไม้พวกนี้เลยแม้แต่น้อย
ส่วนโม่เจียวเป็นคนที่ไม่คิดอะไรมากอยู่แล้ว ถ้าสมมุติมีของดี ๆ กองอยู่ตรงหน้าก็ไม่แน่ว่าเธอจะสนใจมัน ส่วนผลไม้ที่มีดีแค่เพิ่มอายุไขได้พวกนี้ เธอไม่ค่อยรู้สึกสนใจมันเท่าไร
เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่อยากเอาส่วนแบ่งเขาก็ได้แต่เก็บผลไม้ทั้ง 50 ลูกไว้ในแหวนมิติของตัวเอง หลังจากเก็บลงไปแล้ว ฉู่เหินก็มองไปยังทิศทางหนึ่งและเดินไปทางนั้นอย่างรวดเร็วโดยมีทุกคนเดินตามเขาไป
“ทุกคนต้องระวังตัวให้ดี ถ้าฉันเดาไม่ผิดอีกไม่นานพวกเราก็ใกล้จะเดินออกจากเขตนี้แล้ว ที่นี่มีของล้ำค่ามากมายแต่ข้างนอกกลับไม่เห็นยามเลย ดังนั้นทุกคนจะต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวให้มาก!” หลังจากเดินมาถึงปลายเขตแดนแล้ว ฉู่เหินก็กล่าวเตือนทุกคน
เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของฉู่เหิน ทุกคนก็พยักหน้าพวกเขารู้ว่าที่ฉู่เหินเป็นห่วงน่ะถูกต้องแล้ว ถ้าที่นี่เป็นสวนหลังบ้านของผู้แข็งแกร่งก็ต้องมียามรักษาการณ์อย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระวังตัว!
ว่าแล้วก็พวกเขาก็ก้าวเดินเข้าไปอีกสิบก้าว จากนั้นพวกเขาก็พบกับถนนขนาดใหญ่มากเส้นหนึ่ง! เห็นแบบนี้ก็ทำได้เพียงเดินบนถนนใหญ่เส้นนั้นเท่านั้น เมื่อพ้นเขตพื้นที่นี้แล้ว พวกเขากลับสังเกตเห็นว่าบริเวณรอบด้านนั้นไม่มีคนที่น่าสงสัยเลยสักคนเดียว
หรือว่าที่นี่จะไม่มียาม? แต่คิดยังไงมันก็ไม่น่าเป็นไปได้! ทำไมถึงไม่มีการป้องกันอะไรเลยล่ะ ฉู่เหินเตรียมที่จะเก็บทุกคนเข้ามาในแหวนมิติ เขาลองใช้เสื้อหลุมล่องหนที่คนหรือผีก็ไม่อาจเห็นได้เดินออกไป
แต่หลังจากเขาใช้แหวนมิติเขาก็ต้องพบปัญหาหนึ่ง ข้างในนี้คล้ายกับถูกค่ายกลปกคลุมเอาไว้ ทำให้แหวนมิติไม่อาจเก็บของใด ๆ ได้พอเห็นแบบนี้เขาก็กังวลไม่ได้ เขาไม่กล้าผ่อนคลายใด ๆ เพราะใครจะรู้ว่าข้างนอกนั้นมีสิ่งน่ากลัวอะไรรอพวกเขาอยู่
จากนั้นทุกคนก็มาหลบที่หลังก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง แล้วปรึกษากันอย่างเงียบ ๆ โดยหวังว่าการปรึกษาครั้งนี้จะได้อุบายดี ๆ สักอย่างที่จะสามารถเดินในมิติแห่งนี้แบบที่ไม่มีใครรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา
“นายท่านขอรับ ผมไม่รู้ว่าจะให้เขาเข้ามา ขออภัยด้วยจริง ๆ ครับ!” ขณะที่พวกเขากำลังปรึกษาอยู่นั้น จู่ ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังสะท้อนมาจากตีนเขา
ทุกคนฟังบทสนทนานี้อย่างละเอียด พวกเขาคิดว่าที่นี่ไม่มีคนอยู่แต่อยู่ ๆ ก็มีวัยรุ่นสองคนโผล่มา อายุของทั้งสองไม่เยอะเท่าไร น่าจะประมาณ 20 ต้น ๆ แต่ละคนก็หล่อเหลาคมคาย
ทั้งสองคนถูกกันด้วยชายวัยกลางคนหนึ่ง คน ๆ นั้นสวมชุดหมางเผ่า* ตรงเอวแขวนหยกขาว เห็นก็รู้แล้วว่ามีตำแหน่งไม่ธรรมดา! อีกทั้งเครื่องแต่งกายของคน ๆ นี้เมื่อมองดี ๆ จะพบว่าเหมือนกับชุดของคนโบราณ
*หมางเผ่า หรือก็คือเสื้อคลุมลายมังกรที่เจ้านายขุนนางสวมใส่ แต่ที่เรียกเพราะหมางเผ่าแปลว่าพญางู ตั้งชื่อให้เลี่ยงจากการเทียบบารมีกับฮ่องเต้ที่เป็นตัวแทนมังกรทอง
ด้วยเหตุนี้เองสามารถคาดการณ์ได้ว่าผู้แข็งแกร่งของเกาะแห่งนี้อาจอยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง หรือไม่ก็คนที่นี่ชอบสวมใส่ชุดโบราณหรืออาจจะเป็นขุนนางในราชวงศ์รุ่นหลัง ๆ ก็เป็นได้
แน่นอนตอนนี้นี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะวิเคราะห์ เพราะก่อนอื่นพวกเขาต้องคิดว่าจะซ่อนตัวยังไงดีมากกว่า! ทุกคนมองออกว่าชายวัยกลางคนขึ้นเขามาเพื่อเก็บของสิ่งหนึ่ง ถ้าเกิดเขาขึ้นมาแล้วพบว่าของวิเศษหายไปแล้ว ถึงตอนนั้นผลที่ตามมาจะน่าหวาดกลัวขนาดไหน พวกเขาต้องคิดหาวิธีหนีโดยเร็ว!
หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ฉู่เหินก็คิดออก 1 วิธี ถ้าเขาสร้างค่ายกลเป็นพื้นแล้วให้ทุกคนรวมกันก่อนให้กระเรียนอวกาศพาทุกคนบินออกไป ก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีหวังอยู่บ้างนิดนึง แต่ความหวังมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น
นอกจากนั้นก็ยังแผนอีกคือทำให้คนอื่น ๆ คิดว่าพวกเขาหนีไปแล้ว แต่จริง ๆ แล้วพวกเขายังหลบอยู่ในภูเขา เมื่อเป็นแบบนี้ผู้แข็งแกร่งฝ่ายนั้นก็จะไม่สังเกตที่นี่แล้ว ถึงตอนนั้นพวกเขาค่อยใช้เวลานั้นหลบหนีออกไป
หลังจากฉู่เหินคิดเสร็จก็ให้ทุกคนรออยู่ตรงนี้ แล้วเขาจะขี่กระเรียนอวกาศไปอีกทางหนึ่งก่อนจะให้กระเรียนอวกาศเปิดมิติตัวหนอนและในพริบตานั้นก็ปิดลง จากนั้นเขากับกระเรียนอวกาศค่อยกลับมาหาทุกคนอีกครั้ง
ที่ฉู่เหินไม่รู้ก็คือตอนที่เขาใช้มิติตัวหนอนนั้นฉับพลันคนด้านล่านก็จะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวแล้ว แต่พวกเขาแค่รอมาตรวจสอบร่องรอยด้านบนอย่างละเอียดอีกที
หลายคนขมวดคิ้วพร้อมกับสังเกตทิศทางของมิติอวกาศนั้น ทั้งยังส่งข่าวนี้กลับมาอย่างรวดเร็ว! เพิ่งส่งข่าวกลับไปกี่นาที อากาศที่ว่างเปล่าก็ถูกเปิดออก ทันใดนั้นก็ปรากฏชายชราหัวขาวหลายคนจากกลางอากาศนั้น
หลังจากพวกเขาตรวจสอบรอบทิศตรงนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เพราะพวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีร่องรอยอวกาศถูกเปิดออก แต่กลับไม่ได้กลิ่นอายอื่นอีก ทั้งที่ตามความเป็นจริงแล้ว ขอแค่มีคนยังไงก็ต้องมีกลิ่นอายหรือบางทีคน ๆ นี้อาจจะระวังตัวมากจนแม้แต่กลิ่นก็ถูกกลบจนสิ้น
คนพวกนี้ตรวจสอบทุกทิศทางหนึ่งรอบก็ไม่พบอะไรจึงได้แต่ส่ายหัวแล้วกลับไปรายงานผล ฉู่เหินรู้เลยว่าถ้าเขาเปิดมิติอวกาศแล้วใช้มันหนีไปล่ะก็ เขาคงตายแน่ๆ เขาเลยเปิดหลอกๆ แล้วกลับมาข้างล่าง
ในตอนนี้ฉู่เหินให้ทุกคนระวังตัวมากขึ้น เวลาผ่านไปไม่นานก็พบว่าด้านหน้าพวกเขามีแม่น้ำ แม่น้ำสายนี้มีความกว้างกว่า 10 เมตร มองไม่เห็นว่าตื้นหรือลึก ทั้งยังเห็นว่ากระแสน้ำสายนี้ไหลอย่างเอื่อย ๆ แต่ก็สามารถบอกได้ว่าความลึกของน้ำอย่างน้อยที่สุดก็ต้องลึกประมาณ 100 เมตรได้
แม่น้ำใสสะอาดมาก แต่น้ำในแม่น้ำกลับมีสิ่งปนเปื้อนอยู่อย่าง เมื่อดมเข้าไปก็จะมีกลิ่นเหม็นขึ้นจมูก ฉู่เหินใช้กิ่งไม้ที่เต็มไปด้วยใบไม้จุ่มลงไปในน้ำ ไม่ถึง 15 นาทีกิ่งไม้นั้นก็ถูกย่อยสลายจนหมด พวกเขารู้ทันทีว่าน้ำนี้มันมีพิษ