สุดยอดชาวประมง - บทที่ 319 ขุดอุโมงค์
บทที่ 319 ขุดอุโมงค์
บทที่ 319 ขุดอุโมงค์
เนื่องจากพวกชายชุดดำรู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของนิกายกิเลนเป็นอย่างดี พวกเขารู้ว่าพวกนิกายกิเลนไม่มีความรู้เรื่องค่ายกล แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว พวกเขาต้องหาทางทำลายค่ายกลโดยเร็วที่สุด
หลังจากฉู่เหินนำผู้คนของนิกายกิเลนหลบซ่อนตัวในค่ายกลเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอนนี้มันอยู่ในการควบคุมของเขาแล้ว ตราบใดที่ค่ายกลยังทำงานได้อย่างถูกต้อง พวกชายชุดดำก็สู้พวกเขาไม่ได้หรอก
หลังจากเข้าไปอยู่ในค่ายกล ฉู่เหินก็พาหลิวจวิ้นซานและคนอื่น ๆ รวมตัวกัน หลังจากหลิวจวิ้นซานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอกให้เฉิงหมิงกู่ฟัง เฉิงหมิงกู่เมื่อได้ยินก็โกรธสุด ๆ เฉิงหมิงกู่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าบุกนิกายกิเลนแบบนี้ นี่มันมากเกินไปแล้ว!
แต่ในขณะเดียวกันทุกคนก็ขอบคุณของค่ายกลฉู่เหินไม่อย่างนั้นทุกคนคงตายไปแล้ว
“น้องฉู่ ค่ายกลนี้มีประโยชน์จริง ๆ แต่พวกเราจะซ่อนตัวอยู่ในนี้ได้นานแค่ไหน?” เฉิงหมิงกู่รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมารอช้า หากผิดพลาดทุกคนจะต้องตาย!
“กับพวกคนนอกแล้วมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายค่ายกลนี้ แต่ถ้าคนเหล่านี้รออยู่ข้างนอก รอคอยเวลาให้พวกเราออกไป ผมว่าพวกเราอดตายกันแน่ ๆ ” เห็นได้ชัดว่าฉู่เหินมั่นใจมากกับค่ายกลนี้มาก แต่ปัญหาเรื่องการกินและดื่มเป็นปัญหาใหญ่!
หลังจากได้ยินการวิเคราะห์ของฉู่เหินทุกคนก็เงียบกริบ ทุกคนเข้าใจดีถึงแม้การคุยเรื่องเสบียงอาหารในเวลานี้จะค่อนข้างหยาบคาย แต่มันก็เป็นปัญหาจริง ๆ มันอาจเป็นสาเหตุการตายที่แท้จริงของพวกเขาได้เลย
ในค่ายกลทุกคนต่างเงียบงันและคิดกันว่าจะทำยังไงต่อดี มันเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ เฉิงหมิงกู่และหลิวจวิ้นซานต่างขมวดคิ้ว พวกเขาสองคนเป็นผู้นำของนิกายกิเลนที่นี่ แต่ในเวลานี้พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ซึ่งพวกเขารู้สึกละอายใจกับพี่น้องทั้งหลายมาก
หลังจากเห็นทุกคนเงียบ ฉู่เหินก็ครุ่นคิดอยู่นานแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันมีสองวิธีที่จะสู้กับคนพวกนั้น” ทุกคนที่ได้ยินแบบนั้นต่างก็มองมาที่เขาพร้อม ๆ กัน
“น้องฉู่ ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าหายนะของนิกายเราจะเอานายเข้ามาเกี่ยวด้วย ฉันต้องขอโทษจริง ๆ แต่ตอนนี้พวกเราเป็นลูกไก่ในกำมือ ถ้ามีแผนในหัวอยู่ล่ะก็รีบพูดออกมาเถอะ“ เฉิงหมิงกู่พยักหน้าหลังจากมองไปยังหลิวจวิ้นซานและอีกสองคนพร้อมพูดกับฉู่เหิน
“ที่จริงแล้วทั้งสองวิธีนั้นไม่ยากเลย อย่างแรกก็คือพวกเราต้องใช้ค่ายกลให้เป็นประโยชน์ พวกเราจะจัดการพวกมันโดยที่ไม่ทันตั้งตัว และเมื่อพวกมันสู้กลับ พวกเราก็จะถอยกลับมาในค่ายกล แล้วทำซ้ำวนไปเรื่อย ๆ ยังไงพวกมันก็จะต้องบาดเจ็บและล้มตายมากกว่าเรา เมื่อถึงเวลานั้นชัยชนะก็จะเป็นของเรา!”
หลังจากทุกคนได้ยินคำพูดของฉู่เหินพวกเขาก็พยักหน้า พวกเขารู้ว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ การต่อสู้ด้วยวิธีการแบบนี้ไม่ต่างอะไรจากการโกง พวกเราสามารถโจมตีอีกฝ่ายได้ แต่อีกฝ่ายไม่สามารถโจมตีพวกเราได้ หากไม่ชนะในสถานการณ์เช่นนี้ก็ไร้เหตุผลแล้ว
หลังจากเห็นทุกคนพยักหน้า ฉู่เหินก็กล่าวบอกวิธีที่สอง “อีกหนึ่งคือวิธีการซุ่มโจมตี พวกเราจะต้องไม่ใช้มันบ่อย ๆ เพราะจะทำให้พวกมันระวังตัวมากเกินไป เมื่อถึงเวลานั้นถ้าเกิดพวกเราโจมตีอีกครั้งจะทำให้ยากขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้นพวกเราต้องคิดให้ดีว่าจะโจมตียังไง”
“แผนของฉันคือพวกเราต้องขุดอุโมงค์ออกไปจากที่นี่ อุโมงค์ที่สามารถตรงลงไปที่เชิงเขา! หากสร้างอุโมงค์ออกไปข้างหลังได้บางทีเราอาจสามารถจัดวางค่ายกลและสร้างกับดักรอพวกมันได้อีกต่อหนึ่ง”
เฉิงหมิงกู่และหลิวจวิ้นซาน ทั้งสองพูดคุยกันและพวกเขารู้สึกว่ากลยุทธ์ทั้งสองนี้ดีมากและควรจะใช้มันร่วมกัน ด้วยวิธีนี้จะสามารถปั่นหัวพวกมันได้! หลังจากที่ทุกคนพยักหน้าเป็นอันว่่าตกลง
แต่ฉู่เหินก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ เพราะเขามองเห็นพลังของชายชุดดำในวันนี้อย่างชัดเจน ซึ่งพวกเขาบางคนมีพลังเทียบเท่าเฉิงหมิงกู่และคนอื่น ๆ ! ที่แย่กว่านั้จำนวนมันต่างกันเกินไป ถ้าปะทะกันตรง ๆ ทุกคนในนิกายกิเลนจะต้องถูกฆ่าตาย แต่ถ้าแลกตายกันขนาดนี้มันจะคุ้มเหรอ ไม่ได้เป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อฆ่าแม่กันซะหน่อย
ทำให้ฉู่เหินรู้สึกแปลก ๆ ในเมื่อพวกชุดดำไม่ได้มีพลังห่างกันมากแล้วทำไมจะต้องยอมมาตายที่นี่ด้วย? หลังจากคิดแบบนี้ฉู่เหินก็ขมวดคิ้วเป็นปม ไม่แน่ว่าอาจมีศัตรูซ่อนอยู่เบื้องหลังก็ได้
แม้ว่าพลังคาดเดาอนาคตของเขาขัดต่อสวรรค์ แต่มันก็มองไม่เห็นอนาคตของคนอื่น ๆ หรือว่าคนที่อยากจะมอง มันพร่ามัวอีกทั้งยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา! หลังจากคิดอย่างระมัดระวังฉู่เหินก็รู้ว่าเขาต้องซ่อนตัว!
ด้วยค่ายกลนี้ ฉู่เหินสามารถมองเห็นภาพของโลกภายนอกได้อย่างชัดเจน เขาไม่บอกเรื่องนี้กับทุกคน แต่บอกว่าให้พวกเขาไปควรโจมตีไปที่ไหนแทน ฉู่เหินไม่อยากเปิดเผยความแข็งแกร่งของเขาให้ทุกคนรู้ตอนนี้!
ทุกคนขุดอุโมงค์ตามทิศทางที่ฉู่เหินบอก ในขณะที่ทุกคนขุดอุโมงค์อยู่นั้นฉู่เหินก็จะฝังวัสดุพิเศษ 2-3 ชิ้นตลอดทาง แน่นอนว่าสิ่งนี้เขาปกปิดอย่างแนบเนียน ไม่ต้องพูดถึงคนในนิกายกิเลนเลยแม้แต่เสี่ยวชิงและคนอื่น ๆ ก็ไม่ทันสังเกตเห็น
ขณะที่พวกเขากำลังขุดอุโมงค์ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ฉู่เหินก็บอกกับเสี่ยวชิงและคนอื่น ๆ ให้เดินช้า ๆ และระวังตัวให้ดี! แม้ว่าทุกคนจะสับสนจากคำเตือนของฉู่เหิน แต่พวกเขาก็ยังเชื่อฟังเป็นอย่างดี
ตอนนี้โม่เจียวเองก็ไม่ได้ทำตัววุ่นวาย เธอค่อนข้างระวังตัวทำให้ฉู่เหินสบายใจมาก แต่ฉู่เหินก็เจอปัญหาเพิ่มเมื่อเดินไปได้ระยะหนึ่ง เป็นโม่เจียวจะปล่อยงูออกมา จากนั้นเธอก็เหยียดนิ้วกลางอากาศและวาดบางอย่างลงบนร่างของงูพิษโดยที่ฉู่เหินไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไร
และทุกครั้งที่ฉู่เหินสบตากับเด็กคนนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนโมเจียวจะมีอะไรปิดบังเอาไว้และการที่เห็นท่าทางของโม่เจียวเงียบ ๆ นั้นทำให้เขายิ่งระวังตัวมากขึ้น ฉู่เหินเริ่มสงสัยว่า เด็กสาวคนนี้มีพลังอ่านอนาคตเหมือนเขา?
ฉู่เหินรู้ดีว่าสัตว์ที่สามารถทำนายอนาคตได้บนโลกนี้ก็คืองู ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เด็กคนนี้จะสามารถรู้อนาคต แน่นอนว่าเด็กคนนี้ก็น่าจะรู้แค่คลุมเครือเท่านั้น เธอไม่น่าจะเห็นอนาคตได้อย่างชัดเจน ไม่งั้นมันจะขัดกฏสวรรค์มากเกินไป
การโจมตีอย่างต่อเนื่องของพวกฉู่เหินที่อยู่ในค่ายกลทำให้พวกชายชุดดำหลายร้อยคนก็ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม เหลือชายชุดดำไม่ถึง 100 คน! แต่ส่วนที่เหลือนั้นเป็นขั้นปรมาจารย์ขั้นไปทั้งนั้น มันจึงไม่ง่ายที่จะจัดการพวกเขา! บวกกับการที่พวกเขาระมัดระวังตลอดเวลา ฉู่เหินไม่มีทางเลือกได้แต่โจมตีต่อไป
หลังจากนั้นเขาก็ทำหลุมบนพื้น ทุกครั้งที่ฉู่เหินเดินไปเขาจะวางค่ายกลไปด้วย ให้ค่ายกลที่เพิ่งสร้างนี้เชื่อมต่อกับค่ายกลดาบห้าธาตุ ด้วยวิธีนี้เขาไม่ต้องกลัวเลยว่าจะมีคนเข้ามาโจมตีอย่างกระทันหัน ถึงแม้ว่าความเร็วในการเดินจะช้ามากแต่อย่างน้อยมันก็ปลอดภัย
การเดินทางใช้เวลามากกว่าครึ่งวันและในที่สุดทุกคนก็มาถึงเชิงเขา แต่ขณะที่ทุกคนกำลังจะขึ้นมาบนพื้นดิน ฉู่เหินก็รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังพุ่งเข้ามา ระดับความอันตรายนั้นรุนแรงมากจนเขาเห็นอนาคตได้อย่างชัดเจนมันเป็นภาพที่น่าสังเวชปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา!