สุดยอดชาวประมง - บทที่ 324 ลาจาก
บทที่ 324 ลาจาก
บทที่ 324 ลาจาก
2 วันก่อน ลูกศิษย์ของสามนิกายใหญ่ถูกขั้นราชันดาราที่แอบอยู่ในความมืดฆ่าไปนับไม่ถ้วน ผู้แข็งแกร่งขั้นราชันดารา 2-3 คนไม่ปกปิดตัวตนอีกต่อไป พวกเขาเริ่มที่ฆ่าคนอย่างไม่เกรงกลัวหน้าใครไหน พวกเขาค้นหารอบเกาะแห่งนี้ว่ามีทางหนีอีกไหน จนแน่ใจว่านอกจากค่ายกลดาบตรงหน้าก็ไม่มีที่ไหนน่าสงสัยให้หนีไปซ่อนได้อีก
พวกเขาเริ่มโจมตีค่ายกลดาบตรง ๆ ฉู่เหินเองก็สั่งการค่ายกลดาบห้าธาตุ ให้โจมตีอย่างรวดเร็ว! พอสู้ไปได้สักพักพวกฉู่เหินก็ตกใจว่าเสียงดังอึกทึกครึกโครมขนาดนี้จะไม่มีนิกายอื่น ๆ บนเกาะพบจริง ๆ เหรอ? พวกเขาที่อยู่ข้างในค่ายกลก็เริ่มหลบหนีออกมา ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งหลบหนีง่าย
ทว่าอีกฝ่ายก็คำนวณไว้แล้วเช่นกัน เมื่อลงมือแล้วก็ต้องลงมือให้ถึงที่สุด พวกเขาปิดล้อมทั้งภูเขาและเริ่มทำลายภูเขามีละลูก
ตราบใดที่พวกเขาจัดการนิกายกิเลนได้ พวกเขาจะไปฆ่าศิษย์นิกายต่างๆให้หมดให้นิกายพวกนี้ฆ่ากันเอง พอจบเรื่องนี้พวกเขาจะแสร้งแกล้งตายปิดบังตัวตน! พวกเขาจะหนีไปจากเรื่องนี้แล้วตอนที่ทุกอย่างจบลง พวกเขาก็กลับมา
และก่อนอื่นพวกเขาต้องฆ่านิกายกิเลนก่อน นี้คือเป้าหมายอันดับหนึ่งของพวกเขา เพียงแค่ฆ่าพวกนิกายกิเลนให้หมด ก็จะไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังว่ามันเกิดอะไรขึ้น!
ทั้งสามส่งสายตาถึงกัน สายตาพวกเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมก่อนจะมุ่งตรงเข้าไปยังค่ายกลดาบห้าธาตุอย่างรวดเร็ว พวกเขาคิดจะกำจัดนิกายกิเลนให้ได้ ที่สุดตอนนี้ก็คือพวกเขาต้องทำลายค่ายกลดาบตรงหน้าให้ได้ ทั้งสามเป็นขั้นราชันดาราทั้งหมด พวกเขาสามารถยืนโจมตีจากด้านนอกจนทำให้รากฐานในค่ายกลถูกทำลาย โดยไม่ต้องเข้าไปเสี่ยงด้านในค่ายกลด้วยซ้ำ!
ตอนนี้ ฉู่เหินกับคนอื่น ๆ ต่างหมดอาลัยตายอยาก กระทั้งเวลาพักพวกเขาก็ยังไร้พลังได้แต่มองหน้ากันไปมา และพูดกับตัวเองราวกับคนบ้านี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมฆ่าเวลาอย่างหนึ่งที่ดีอย่างหนึ่งล่ะมั้ง!
ขณะที่ฉู่เหินกำลังพูดคุยกับความว่างเปล่าอยู่นั้น จู่ ๆ ก็ต้องขมวดคิ้ว! เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าบิดเบี้ยวดูไม่ได้
“น้องฉู่เป็นอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เฉิงกู่พอเห็นฉู่เหินเป็นแบบนี้ก็รู้ว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน จึงถามออกไป คนอื่น ๆ เองก็มองไปยังฉู่เหินพร้อมกัน ดวงตานั้นมีความกังวลอยู่จาง ๆ ในตอนนี้ทุกคนถือว่าตกที่นั่งลำบากแล้ว ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกก็คงเป็นเรื่องผีซ้ำด้ำพลอยแล้ว
“พี่เหิน เกิดอะไรขึ้นคะ” เสี่ยวชิงถามด้วยสายตาเป็นกังวล เธออยากอยู่ด้วยกันกับฉู่เหิน ลำบากขนาดไหนเธอก็ไม่กลัว! เป็นแล้วยังไง ตายแล้วยังไง เพียงแค่ได้อยู่กับฉู่เหิน ความตายก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว
“พี่ คนพวกนั้นโจมตีค่ายกลพี่เหรอ” โม่เจียวดวงตาเปล่งประกายแวววาว
ฉู่เหินมองเด็กสาวคนนี้แวบหนึ่ง อย่างไรเด็กสาวคนนี้ก็คือราชินีอสรพิษ เธอปล่อยงูพิษออกไปตัวหนึ่ง ทำให้เธอรู้เรื่องราวข้างนอกได้เป็นอย่างดี!
ฉู่เหินพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ พอทุกคนเห็นแบบนี้ก็แตกตื่นขึ้นมา! ถ้าเกิดค่ายกลถูกทำลาย งั้นพวกเขาก็ต้องตายอย่างแน่นอน!
ฉู่เหินคิดหนัก ตอนนี้ในแหวนของเขาไม่เหลือวัตถุดิบอะไรอีกแล้ว คิดจะสร้างค่ายกลอีกอันก็เป็นเรื่องยาก! หมดปัญญาทำได้เพียงมองทุกคน
“วัตถุดิบสำหรับทำค่ายกลไม่มีอีกแล้ว ใครมีวัตถุดิบอะไรบ้าง ถ้ามีวัตถุดิบเพียงพอฉันสามารถสร้างค่ายกลขัดขวางไว้ได้อีกสักพัก”
หลังจากทุกคนได้ยินที่ฉู่เหินถาม พวกเขาก็หยิบวัตถุดิบในแหวนตัวเองออกมา ในสายตาของฉู่เหินวัตถุดิบพวกนี้ก็เหมือนน้ำน้อยแพ้ไฟมาก มันน้อยเกินไป นอกจากนี้คุณสมบัติของวัตถุดิบยังต่ำมากอีกด้วย หากอาศัยของเหล่านี้สร้างค่ายกล ไม่ต้องพูดถึงขัดขวางขั้นราชันดาราเลย แม้แต่ขั้นผู้พิชิตดาราก็ยังขัดขวางไม่ได้ด้วยซ้ำ!
“น้องฉู่ ไม่ใช่ว่าพวกเราโลภมากจนไม่สนชีวิตหรอกนะ แต่พวกเราก็เป็นแค่ลูกศิษย์ธรรมดา ๆ ปกติแล้วไม่ได้รับของอะไรอยู่แล้ว ของที่พอจะดีอยู่บ้างก็อยู่ในมือของศิษย์พี่ในนิกาย จะได้อะไรก็ต้องขอร้องจากอีกฝ่ายมา”
เฉิงกู่พูดไปหน้าแดงไป เขามองดูก็รู้ว่าระหว่างทางที่มา วัตถุดิบที่ฉู่เหินใช้เหล่านั้นอันนั้นถึงกับทำให้พวกเขาอิจฉาตาร้อน! เอาตัวเองไปเทียบกับฉู่เหินแล้วพวกเขาก็เหมือนมดกับช้างอย่างไรอย่างงั้น
“น้องฉู่ที่เฉิงกู่พูดมาเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ศิษย์แบบพวกเราได้รับของเหล่านี้มาก็ถือว่าไม่เลวแล้ว จากที่พวกเรารู้มาเกรงว่าของที่ผู้อาวุโสมียังไม่อาจเทียบเท่ากับที่น้องฉู่ใช้ออกไปเมื่อกี้เลย โชคชะตาฟ้าลิขิต พวกเราทำเต็มที่ที่สุดแล้ว ถ้ายังไม่พองั้นก็ต้องแล้วแต่ฟ้าดินแล้วล่ะ!”
หลิวจวิ้นซานได้แต่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา เขารู้ดีว่าการสร้างค่ายกลตรงหน้านี้ก็เพื่อรักษาทุกคนจากอันตราย ความหมายของน้องฉู่เหินคนนี้ชัดเจนยิ่ง และวัตถุดิบที่ฉู่เหินใช้ไปตลอดทางนั้น ไม่ต้องพูดถึงลูกศิษย์อย่างพวกเขาเลย แม้แต่ผู้อาวุโสในนิกายถ้ารู้เข้าก็ต้องเสียดายจนร้องไห้ออกมาแน่ ๆ
เพราะแบบนี้เขาถึงได้รู่วาพวกเขาติดหนี้ฉู่เหินมากมายขนาดไหน! ฉู่เหินใช้วัตถุดิบราวกับน้ำเปล่า เกรงว่าของที่ใช้ไปจะมีค่าเท่าเมืองได้ทั้งเมือง ถ้าเอาทั้งหมดมาเปลี่ยนเป็นพลังวรยุทธคงสามารถเลื่อนขั้นได้อีกหนึ่งขั้น
ฉู่เหินหลับตาแน่นก่อนจะลืมตาขึ้นมา เขารู้ว่าตอนที่ไม่ใช่เวลาจะมาเศร้าเสียใจ เขาจำเป็นต้องคิดหาวิธีไม่งั้นค่ายกลพังเละแน่ ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะต้องตาย อาศัยวัตถุดิบในมือของคนเหล่านี้ยากที่จะทำให้รอดไปได้
หลังจากพิจารณาไตร่ตรองแล้วเขาก็คิดออก ตอนนี้มีแค่วิธีนี้เท่านั้น ฉู่เหินจะใช้วัตถุดิบเหล่านี้สร้างค่ายกลอำพรางขึ้นมา! ค่ายกลนี้มันคุณสมบัติเพียงอย่างเดียวก็คืออำพรางร่างของพวกเขา มองจากภายนอกจะไม่พบร่องรอยเลยแม้แต่น้อย! แต่ถ้าเจออีกฝ่ายระเบิดพลังทำลายพื้นที่มั่ว ๆ คนที่อยู่ในค่ายกลก็ไม่มีโอกาสรอดชีวิตเช่นกัน
ไม่กี่นาทีค่ายกลก็สร้างเสร็จ “พวกนายต้องหลบอยู่ในค่ายกลนี้ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด ถ้าอีกฝ่ายไม่เก่งเรื่องค่ายกล บ้างทีอาจยือชีวิตได้อีกหน่อย ฉันจำเป็นต้องออกไปควบคุมค่ายกล ฉันขอร้องทุกคน! ถ้าวันนี้พวกนายรอดไปได้รบกวนพวกนายพาพวกเธอกลับไปส่งบ้านที”
หลังจากพูดจบฉู่เหินก็เตรียมจะออกไป นัยน์ตานิ่งสงบราวกับตัดสินใจจะเอาชีวิตไปทิ้ง! ฉู่เหินรู้ดีว่าการออกไปครั้งนี้ มี 80-90% ที่เขาจะตายแต่หากทำให้เสี่ยวชิงและทุกคนรอดได้มันก็คุ้มค่า!
ที่จริงเขาเคยคิดจะใช้วิธีเปิดมิติตัวหนอนหนีไป แต่เมื่อเขาถึงตีนเขา เขาก็รู้มันมีว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะขั้นราชันดาราพวกนั้นปิดเทือกเขากิเลนไว้ทั้งหมดแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้จะอยากลองแต่เขาก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้อีกทั้งยังเป็นการทำให้พวกขั้นราชันดาราพวกนั้นรู้ตัว ซึ่งมันได้ไม่คุ้มเสีย!
ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้เขาคงไม่จนตรอกขนาดนี้! ที่จริงฉู่เหินยังทางที่จะรักษาชีวิตเอาไว้อยู่ เพราะเขามีนกกระเรียนอวกาศที่มีความสามารถข้ามอวกาศ ถ้านั่งนกกระเรียนก็จะสามารถบินออกไปยังอวกาศได้อย่างง่ายดาย แต่พลังของกระเรียนอวกาศมีจำกัด มันสามารถพาเขาไปได้แค่คนเดียว
แต่การเดินทางมาเกาะซาถัวนี้ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียวการจะให้เขาหนีไปคนเดียวน้ันเขาไม่อาจทำได้จริง ๆ