สุดยอดชาวประมง - บทที่ 356 เริ่มต้นฝึกฝนในเมืองโบราณอย่างเป็นทางการ
บทที่ 356 เริ่มต้นฝึกฝนในเมืองโบราณอย่างเป็นทางการ
บทที่ 356 เริ่มต้นฝึกฝนในเมืองโบราณอย่างเป็นทางการ
ความเจ็บปวดค่อย ๆ กัดกินจิตใจ แต่มีคำกล่าวที่ว่า ไม่รู้จักกินขมแล้วเมื่อไรจะได้กินหวาน* ดังนั้นฉู่เหินก็ได้แต่กัดฟันอดทนต่อไป
(ไม่รู้จักกินขมแล้วเมื่อไรจะได้กินหวาน* อุปมาว่า ความขมคือความลำบาก ความหวานคือความสำเร็จ หมายถึงอดทนลำบากตอนนี้เพื่อความสำเร็จในวันหน้า)
แต่เมื่อเห็นพลังวรยุทธ์เพิ่มขึ้นไม่หยุด ฉู่เหินก็ยิ้มออกมา หลังจากที่เขากัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด ความเจ็บปวดนั้นก็ได้กลายเป็นความสุข ในเวลานี้ฉู่เหินรู้สึกมีความสุขสุด ๆ!
เพียงแต่ว่าตอนนี้ท่วงท่าของฉู่เหินไม่ค่อยสง่างามเท่าไร ร่างกายของเขาถูกแรงโน้มถ่วงกดจนตัวติดกับพื้น รูปร่างก็มีแต่ไขมัน เนื้อปริแตกเลือดสาดกระจาย ชายหนุ่มในสภาพสะบักสะบอมกลับพลังวรยุทธ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากถูกคนอื่นมาเห็นคงจะตกตะลึงตาค้างเป็นแน่
ผ่านไปสองวัน ฉู่เหินก็พบว่าร่างกายของเขาผอมลงอย่างมาก แม้จะยังอ้วน แต่ก็เริ่มผอมลงไม่น้อยแล้ว รูปร่างใกล้เคียงกับตอนที่เพิ่งมาถึงเมืองโบราณแล้ว! ฉู่เหินรู้สึกพอใจมาก แถมเขาสัมผัสได้ว่าแรงโน้มถ่วงที่กดเขาเอาไว้ไม่หนักเท่าไรแล้ว เขาจึงนั่งลงขัดสมาธิกับพื้น
แค่นั่งขัดสมาธิเพื่อดูดซับพลัง ผลลัพธ์ก็แตกต่างกันอย่างลิบลับ อีกทั้งเขายังพบว่าจากเดิมที่เขาอยู่ขั้นผู้พิชิตดาราระดับ 3 ตอนนี้ก้าวกระโดดมาเป็นระดับ 8 แล้ว แค่ 1 วันก็ทะลวง 5 ระดับ นับว่าท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง
แม้พลังจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้มันเริ่มช้าลงมาก มีสองสาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะ สาเหตุที่หนึ่งแรงกดดันแค่นี้ไม่อาจทำอะไรเขาได้อีกแล้ว
สาเหตุที่สองร่ายกายของเขาปรับตัวกับแรงโน้มถ่วงระดับนี้ได้แล้ว จึงทำให้ความเร็วในทะลวงระดับพลังของเขาช้าลงมาก!
หลังจากฝึกฝนอยู่ตรงนี้อีกหลายชั่วโมงฉู่เหินก็พบว่ามันช้าลงมากจริง ๆ พอเขาแน่ใจแล้ว ฉู่เหินก็เดินลึกเข้าไปอีกและทุกก้าวแรงกดดันก็จะเพิ่มขึ้น เรื่อย ๆ พอเดินไป 10 ก้าว แรงกดดันก็จะเพิ่มขึ้นสิบเท่า ดังนั้นฉู่เหินจึงหยุดที่ก้าว 9 ไม่กล้าเดินต่ออีก
ฉู่เหินรู้ดีว่าถ้ากล้าเดินไปอีกก้าว สิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือร่างจะแยกออกเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน เขาไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งตรงนี้เพื่อฝึกฝนไปสักระยะก่อน รอให้ร่างกายตัวเองพร้อมแล้วค่อยเดินต่อ
ขั้นตอนนี้เขาใช้เวลาไปทั้งหมดสามวัน สามวันผ่านไปในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองเปลี่ยนไปไม่น้อยและเขาก็ไม่ผิดหวังเพราะตอนนี้เขาทะลวงระดับเข้าสู่ขั้นผู้พิชิตดาราระดับ 9 แล้ว! เขาพร้อมแล้วที่จะรับแรงกดดันก้าวต่อไป เขาจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปอีกหนึ่งก้าว
ในตอนที่ฉู่เหินกำลังฝึกฝนไม่หยุดนั้น ในเวลาเดียวกันด้านนอกก็เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดจนทุกคนวุ่นวายไปหมด การต่อสู้ทั้งหมดเกิดจากวัยรุ่นกลุ่มใหม่ที่เข้ามาที่นี่ พวกเขาอยากทำภารกิจที่เมืองโบราณแห่งนี้
พวกเขารู้มาว่าเมืองโบราณจะให้อะไรกับพวกเขามากมายและของรางวัล ที่พวกเขาไม่อาจฝันถึง เมื่อรู้แบบนี้พวกเขาทุกคนก็คิดจะทำภารกิจให้ได้
และเพราะเหตุนี้ทำให้วัยรุ่น 10 คน รวมตัวกันทำภารกิจในครั้งนี้ และหนึ่งในคนกลุ่มนี้ก็ยังเป็นคนที่ฉู่เหินคุ้นเคย คน ๆ นี้ไม่ใช่ใครอื่นเขาก็คือเด็กหนุ่มที่ช่วยฉู่เหินเอาไว้นั้นเอง
ในตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังต่อสู้กับคนเหล่านี้อยู่ แต่ละคนที่มาที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นอัฉริยะ ภารกิจในครั้งพวกเขา 10 คนจะมีคนได้ทำภารกิจแค่ 2 คนเท่านั้นทำให้พวกเขาต้องคัดเลือกคนที่เหมาะสม
การคัดเลือกยาวนานกว่า 4-5 วัน แต่ละคนผู้แพ้ต้องถูกคัดออกจนเหลือ 2 คนสุดท้าย หนึ่งในทั้งสองคนนั้นเป็นชายหนุ่มอายุ 26-27 ปี ในมือถือพัดหนึ่งด้ามตั้งแต่ต้นจนจบใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม แม้แต่ตอนที่ต่อสู้เขาก็ทำท่าทางราวกับว่าไม่ได้ออกแรงเลยด้วยซ้ำ
คน ๆ นี้ชื่อว่าหวังจือหลิน หวังจือหลินคนนี้ไม่เพียงแต่มีวรยุทธ์สูงส่ง พื้นเพของเขาก็สูงส่งจนน่ากลัวเช่นเดียวกัน ปู่ของคน ๆ นี้ก็คือคนที่ได้ฉายาว่า หวังจอมเผด็จการ? แล้วหวังจือหลินก็เป็นหลานรักของปู่นั้นเอง ปู่จอมเผด็จการถ่ายทอดวิชาทั้งหมดให้กับเขา ทำให้คุณชายหวังคนนี้อยู่ในขั้นทรราชดาราระดับ 3 ! ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จึงไม่มีใครสู้เขาได้เลย
อีกทั้งคน ๆ นี้ยังเคยผ่านการต่อสู้มาหลายต่อหลายครั้ง ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาเป็นอัจฉริยะแห่งท้องทะเล คน ๆ นี้เอาชนะฝ่ายตรงข้ามทีละคนง่ายดายราวกับไม่ได้ออกแรงเลยสักนิดเดียว ไม่นานเขาก็ทำให้คนเหล่านี้พ่ายแพ้จนหมด เหลือเพียงเด็กหนุ่มชุดขาวที่ยังยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวเอง
เด็กหนุ่มชุดขาวคนนี้ เป็นหนึ่งในสองคนที่ถูกเลือกให้เข้ามาในเมืองโบราณ พวกเขาควรที่จะร่วมมือกันถึงจะถูก ทว่าบัดนี้สายตาทั้งสองต่างเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว!
“น้องชายคนนี้ เรื่องทำภารกิจให้เสร็จ ฉันคนเดียวก็พอแล้ว! หนุ่มน้อยแบบนายไม่จำเป็นต้องตามมา อายุน้อยอย่างนายจะไปทำอะไรได้ ตามไปก็มีแต่จะเกะกะเปล่า ๆ!” หวังจือหลินดูถูกชายหนุ่มพร้อมกับพูดไม่ไว้หน้ากันเลยแม้แต่น้อย
หลังเด็กหนุ่มชุดขาวได้ยินก็ขมวดคิ้วแล้วมองหวังจือหลินด้วยเย็นชา
“แกอยากตายมากใช่ไหม?” ในตอนที่พูดประโยคนี้ เด็กหนุ่มชุดขาวราวกับกำลังพูดเรื่องตลกอยู่ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
“เหอะ ไอ้เด็กนี้แกกล้ามากหรือแกคิดว่าวรยุทธ์ของตัวเองนั้นไร้เทียมทานแล้ว จะบอกอะไรให้นะถ้าฉันอยากจะเอาชีวิตแกแค่มือเดียวก็พอแล้ว!” พอพูดจบหวังจือหลินก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ไม่เห็นเด็กหนุ่มอยู่ในสายตา
“พวกเธอสองคนอย่าทะเลาะกันเลย ภารกิจในครั้งนี้ถ้าพวกเธอไม่ร่วมมือกันแล้วจะสำเร็จได้ยังไง ภารกิจในครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน ๆ ก่อนที่พวกนายจะเข้าไปในเมืองโบราณก็มีคนเข้ามาก่อนแล้วคนหนึ่ง ดังนั้นหลังจากที่พวกนายเข้าไปในเมืองโบราณแล้ว พวกนายสองคนหรืออีกคนที่เข้าไปก่อนจะเป็นคนทำภารกิจสำเร็จยังไม่อาจทราบได้ เชิญพวกนายเลือกเอาเองเถอะ ว่าจะสู้กันตรงนี้หรือเข้าไปทำภารกิจ อีกอย่างภารกิจจะมีตำแหน่งที่ชัดเจนนั้คือ ผู้บัญชาการกับผู้ช่วย!”
“ฉันขอบอกไว้อย่าง ผู้บัญชาการกับผู้ช่วยนั้นรางวัลต่างกันมาก ดังนั้นพวกนายสองคนต้องขยันหมั่นเพียรเพื่อคว้าตำแหน่งผู้บัญชาการนี้ให้ได้ ไม่งั้นเมื่อถึงเวลารับรางวัลอย่าหาว่าฉันไม่เตือนพวกนายสองคน”
หลังได้ยินชายชราพูดจบ ทั้งสองที่กำลังท้าทายกันอยู่นั้นก็เลิกก่อเรื่องอีก พวกเขารู้ว่าสิ่งที่ไม่รู้นั้นน่ากลัวที่สุด พวกเขารู้ดีว่าหลังจากที่เข้าไปในเมืองโบราณแล้วยากจะหลีกเลี่ยงการปะทะเสือปะทะมังกร* ดังนั้นการเสียเวลาอยู่ที่นี่ทำให้พวกเขาเสียเปรียบมาก!
(*ปะทะเสือปะทะมังกร หมายถึง ถึงพริกถึงขิง)
หลังจากที่ถอนหายใจออกมาแล้วพวกเขาก็เดินเข้าไปในแสงสว่าง หลังสิ้นแสงสว่างเงาร่างของทั้งสองคนก็หายไป ทั้งสองรู้สึกหัวมึนงงชั่วขณะ ก่อนที่ทั้งสองจะกระพริบตาครั้งหนึ่งก็เห็นประตูเมืองโบราณขนาดใหญ่ยักษ์อยู่เบื้องหน้า
ทั้งสองเดินไปข้างหน้าก็เห็นประตูเมืองยักษ์ พวกเขาใช้มือดันประตูแล้วเข้าไปข้างใน เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาในเมืองโบราณแล้วก็มีเสียงดังขึ้นในหัวของพวกเขา
ณ เวลา 10 โมง ภารกิจเมืองโบราณได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว ทุกคน สามารถใช้เวลาในเมืองโบราณได้มากที่สุดคือ 5 ปี ซึ่งจะเทียบเท่ากับ 3 เดือนของเวลาข้างนอก ยิ่งทำภารกิจสำเร็จเร็วเท่าไร รางวัลก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ถ้าภายใน 5 ปีหากไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จจะต้องอยู่ที่เมืองโบราณไปตลอดกาล จนกว่าจะมีคนทำภารกิจสำเร็จถึงจะได้ออกไปได้!
หลังจากที่ทั้งสองได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็หรี่ตาลงพร้อมคิดถึงตอนที่พวกเขาเดินเข้ามา ชายชราคนนั้นไม่ได้พูดเรื่องราวภารกิจ แถมไม่พูดถึงเรื่องบทลงโทษเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ทั้งสองได้ยินประโยคดังกล่าวพวกเขาจึงรู้สึกว่าเรื่องราวมันไม่ถูกต้อง!