สุดยอดชาวประมง - บทที่ 363 คืนชีพศพ
บทที่ 363 คืนชีพศพ
บทที่ 363 คืนชีพศพ
หลังจากเคยมาแล้วครั้งนึ่งตอนนี้เขาเหมือนรถที่คุ้นเคยเส้นทาง ระหว่างทางก็ปกปิดตัวตนอย่างระมัดระวังไปด้วย ไม่นานเขาก็มาถึงด้านข้างของเหมืองแล้ว! เขาสร้างภาพมายาปิดบังร่างกายอีกครั้งถึงค่อนเดินเข้าไปภายในอย่างช้า ๆ
เขาได้ยินเสียงเหมือนกับเมื่อวานทันทีที่เขาเพิ่งเดินเข้ามา ไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องอันเจ็บปวดจากข้างในอย่างชัดเจน ครั้งนี้ฉู่เหินไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะเดินไปหาเสียงนั้นอย่างรวดเร็ว
เขาเดินเข้ามาภายในก็ยิ่งรู้สึกขนลุกขนพอง อีกทั้งยิ่งเขาเดินไปข้างหน้ามากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกราวกับว่ามีดวงตาที่มองไม่เห็นจ้องมองเขาอยู่หลายคู่
เขาหยุดเดินแล้วสังเกตรอบข้าง ทว่าเขาก็พบว่ารอบข้างนั้นไม่มีเงาร่างใด ๆ เลยสักร่างหนึ่ง แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกจิตใจไม่สงบ
ยิ่งเขาเดินไปข้างหน้าความรู้สึกนี้ก็ยิ่งชัดเจน ฉู่เหินสงบจิตใจตัวเอง เขาไม่ยอมให้อะไรก็ไม่รู้มาทำให้เขาตกใจกลัว ด้านในมีอะไรอยู่เขาต้องรู้ให้ได้
จากที่เขาเข้ามาข้างใน เสียงร้องอันเจ็บปวดก็ยิ่งสมจริงมากขึ้น หลังจากฉู่เหินสงบจิตใจตัวเองแล้ว เขาถึงค่อย ๆ เดินต่อไป เขาสัมผัสได้ว่าทั่วบริเวณมีอะไรบ้างอย่างซ่อนตัวอยู่ แต่ระหว่างทางเขาใช้จิตวิญญาณของตัวเองตรวจสอบแล้ว ก็ยังไม่พบสิ่งใดผิดปกติ
สุดท้ายเขาลองใช้วิชาเนตร ศาสตร์วิชาเนตรไม่เพียงแต่โจมตีได้แต่ยังทำให้มองเห็นทุกสิ่งในโลกอีกด้วย! หลังจากเขาปลดปล่อยพลังเนตรออกมาแล้วเรื่องไม่น่าเชื่อก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาตอนนี้!
ในอุโมงค์ที่ว่างเปล่านั้นเต็มไปด้วยใบหน้าน่าเกียจน่ากลัวของดวงวิญญาณ ลักษณะของดวงวิญญาณเหล่านี้ฉู่เหินรู้สึกคุ้นเคยนิดหน่อย หลังจากมองอย่างละเอียดรอบหนึ่งเขาก็นึกขึ้นมาได้อย่างกะทันหันว่าที่แท้ดวงวิญญาณในอุโมงค์ก็คือวิญญาณของซอมบี้ที่อยู่ข้างนอกนั้นเอง
มีแต่คนบอกว่าดวงวิญญาณของซอมบี้จะหายไปจากร่าง คิดไม่ถึงว่าดวงวิญาณเหล่านี้จะมาสิงสถิตในอุโมงค์แห่ง เขามองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าดวงวิญญาณเหล่านี้ถูกพลังบางอย่างกักเอาไว้ให้อยู่ที่นี่ไม่อาจออกไปไหนได้
ที่ทำให้ฉู่เหินแปลกใจคือดวงวิญญาณเหล่านี้มีจิตสำนึกเป็นของตัวเอง จนสามารถพิสูจน์ได้ว่าตอนนี้วิญญาณของพวกเขานั้นยังมีความรู้สึกนึกคิดอยู่! ดวงวิญญาณแถวนี้ตกใจกลัวบางสิ่งจนตัวสั่นไปหมด
ต่อมาฉู่เหินเดินเข้าไปภายในเรื่อย ๆ ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าวิญญาณมันเยอะขึ้น ๆ มันเยอะเสียจนเขาขนหัวลุก!
แม้จะไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร แต่ฉู่เหินก็รู้ว่าที่นี่ต้องมีบ้างอย่างไม่ชอบมาพากล อีกทั้งหลังจากเดินมาได้ครึ่งชั่วโมง เขาก็เดินเข้าไปในห้องใหญ่ห้องหนึ่ง ห้องนี้ไม่มีประตูแต่มีม่านพลังบ้างอย่างครอบคลุมไว้อยู่มันสั่นไหวราวกับระลอกคลื่น
หลังจากมาถึงที่นี่ฉู่เหินก็เดินผ่านม่านพลังเข้าไป ในห้องนั้นไม่ถือว่าใหญ่ประมาณ 800 ตารางเมตร ในห้องเป็นห้องว่าง ๆโล่ง ๆ ไม่มีสิ่งของอะไรมากมาย แต่ตรงกลางห้องมีเตียงขนาดใหญ่วางอยู่ บนเตียงนั้นมีสาวงามนางหนึ่งนอนอยู่บนนั้น
ผู้หญิงคนนี้มีอายุไม่มากน่าจะประมาณ 20 ปีได้ แต่ว่าคน ๆ นี้คล้ายกับไม่หายใจแล้ว นอนใบหน้าขาวซีด เห็นได้ชัดว่าเป็นศพ ๆ หนึ่ง แต่ฉู่เหินสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเหนือร่างของศพตรงหน้านั้น ถูกพลังบ้างอย่างครอบคลุมเอาไว้อยู่
พอมองด้านบน เขายังเห็นมีวิญญาณหนึ่งตัว สองตัวเต็มไปหมดอยู่ด้านบนสุด ทุกดวงวิญญาณถูกกักขังให้อยู่ที่นี่ ในเวลาเดียวกันบนร่างของวิญญาณคล้ายกับมีท่อไร้ตัวตนเชื่อมไว้กับค่ายกลด้านบนนี้ จากการเชื่อมต่อกันนี้ทำให้สิ่งนั้นของวิญญาณถูกดูดออกไปจนทั้งหมด
สิ่งที่ถูกดูดไปนั้นฉู่เหินรู้จักดี มันคือแกนพลังวิญญาณ เจ้าค่ายกลนี้เป็นตัวช่วงชิงบ่อเกิดพลังวิญญาณนั้นเอง สิ่งนี้ถูกดูดกลืนเข้าร่างของผู้หญิงคนนี้ วิญญาณดวงหนึ่งที่ถูกช่วงชิงบ่อเกิดพลังก็จะสับสนมึนงง
จากนั้นก็ถูกสายลมพาออกไปและแทนที่ด้วยดวงวิญญาณดวงใหม่เข้ามาแทนที่ กระบวนการนี้ ทำให้ทุกตัวที่ถูกช่วงชิงบ่อเกิดพลังไปจะร้องด้วยความเจ็บปวด! แกนพลังวิญญาณนั้นเปรียบเสมือนชีวิตของคน ถ้าแกนถูกช่วงชิงไปก็หมายความว่าวิญญาณนั้นเกือบจะสูญสิ้นแล้ว
เมื่อเป็นแบบนี้ผู้หญิงที่นอนราบอยู่ตรงกลางห้องจะได้รับพลังสดใหม่ทุกวัน และข้อดีของวิธีนี้คือแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้สามารถชุบชีวิตจากความตายได้ แต่ก็ทำให้เธอเหมือนกันยังไม่ตาย สักวันอาจเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นก็ได้
ถ้าเธอถูกแกนพลังวิญญาณหล่านี้หล่อเลี้ยงไปเรื่อย ๆ บางทีในอีกสัก 10 ปี 100 ปีหรือ 1,000 ปี 10,000 ปี ผู้หญิงคนนี้อาจจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งก็ได้
ฉู่เหินพบว่าศพของคนผู้หญิงคนนี้ ปลดปล่อยพลังงานพิเศษบางอย่างออกมา พลังงานชนิดนี้ยิ่งใหญ่มาก ฉู่เหินมองอย่างวิเคราะห์สักพัก เขาก็พบว่าคนที่บรรลุขั้นจักรพรรดิดาราอย่างโป๋อีกู่มาเปรียบกับเธอคนนี้ก็ยังสู้ไม่ได้ แค่กลิ่นอายจากร่างกายของผู้หญิงคนนี้ก็สามารถฆ่าเหล่าผู้อาวุโสของนิยายกิเลนได้แล้ว!
วรยุทธ์สูงส่งขนาดนี้ช่างเป็นเรื่องที่สั่นสะเทือนฟ้าดิน ถ้าผู้หญิงคนนี้ฟื้นขึ้นมาจะต้องเป็นเคราะห์ร้ายของเมืองโบราณแน่ เพราะฉู่เหินสัมผัสได้ว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องยืนคนละฝั่งกับเมืองโบราณแน่ แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นใครเขายังไม่อาจรู้แน่ชัด
หลังจากสังเกตที่นี่สักพัก ฉู่เหินก็รู้สึกว่าตัวเองควรจะทำอะไรบ้างอย่าง ในเมื่อผู้หญิงคนนี้ดูดแกนวิญญาณมาถึงยังไม่ตาย งั้นเขาก็จะขโมยวิญญาณเหล่านี้ซะ ทว่าพูดน่ะมันง่ายแต่การขโมยวิญญาณไหนเลยจะง่ายอย่างที่พูดกัน
วิญญาณทั้งหมดเหล่านี้ถูกค่ายกลไม่ทราบชื่อกักขังไว้ อีกทั้งพอคิด ๆ ดูต้องมีคนควบคุมอยู่เบื้องหลังแน่ ถ้าเขาทำลายค่ายกลนี้ซะจะต้องล่อให้คนที่อยู่เบื้องหลังออกมา แต่ฉู่เหินรู้สึกว่าพลังของคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ต่ำทราม แค่ถูกสะบัดมือใส่ เขาก็คงไม่รอดแล้ว!
แต่เขาคิดวิธีอื่นไม่ออกแล้ว เขาเดินไปรอบ ๆ ที่นี่ไม่หยุดวน ๆ ไปวนมา ผ่านไปไม่รู้นานเท่าไรดวงตาของเขาก็เปร่งประกาย จิตใจของฉู่เหินเข้าไปสำรวจค่ายกลแห่งนี้แทน!
ภายในค่ายกลแม้จะบอกว่ามหัศจรรย์ แต่เรื่องค่ายกลฉู่เหินก็มีความสามารถไม่น้อย จากประสบการณ์ของเขาไม่นาน เขาก็เข้าใจค่ายกลนี้แล้วแต่หากอยากจะทำลายค่ายกลนี้ต้องใช้วิธีพิเศษหน่อย
ที่จริงค่ายกลนี้ไม่ใช่ค่ายกลระดับสูง ถ้าอาศัยความสามารถของฉู่เหินก็สร้างได้ไม่ยาก แต่ที่ยากคือต้องทำลายโดยไม่ส่งเสียง จุดนี้ทำให้ฉู่เหินยืนคืดอยู่นานก็ยังคิดไม่ออก
ในตอนที่เขากำลังคิดหาทางอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เห็นว่าอากาศที่ช่วงชิงแกนวิญญาณเหล่านี้สั่นไหวขึ้นมา และก็เป็นตอนนี้เองที่ทำให้ฉู่เหินตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง เพราะเขามองผ่านค่ายกลนี้แล้วเห็นอย่างชัดเจนว่าผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคล้ายจะฟื้นขึ้นมา เนื่องจากเมื่อกี้ผู้หญิงคนนั้นคล้ายจะขยับตัวเล็กน้อย