สุดยอดชาวประมง - บทที่ 380 วิชาก้าวนภา
บทที่ 380 วิชาก้าวนภา
บทที่ 380 วิชาก้าวนภา
ฉู่เหินรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นท้องฟ้าสีครามในภาพ ไม่มีสิ่งที่ต้องให้เป็นภาระกังวลใด ๆ อีกต่อไป เมื่อมองลงไปยังพื้นดินข้างล่าง มันก็ทั้งสบายใจทั้งเป็นอิสระ ทุกอย่างดูกว้างใหญ่ไพศาล ความรู้สึกแบบนี้ทำให้ใจเขารู้สึกสั่นไหว ที่ฉู่เหินไม่รู้ก็คือในเวลานี้จิตวิญญาณของเขากำลังก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
จนในที่สุดจิตวิญญาณของชายหนุ่มก็ถูกยกระดับขึ้น เมื่อสังเกตด้วยสายตาก็พบว่าระดับมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ในเวลานี้เองมันเป็นเวลาเดียวกันกับที่ท้องฟ้าสีครามหายไปจากดวงตาเขา เมฆขาว และก็บันไดยาวนั้นก็เลือนหายไปด้วยเช่นกัน ตอนนี้ตรงหน้าเขามีแค่คนแก่เคราขาวคนหนึ่งยืนอยู่ ผมของชายชราคนนี้เป็นสีฟ้าเหมือนกับท้องฟ้าสีคราม
หนวดสีขาวปลิวไสวราวกับเมฆขาวลอยละล่อง รอบกายของชายชราให้ความรู้สึกสง่างาม และเต็มไปด้วยมนต์ขลัง อีกทั้งพอขาเขาจะก้าวเข้าไปหามันก็ราวกับว่าห่างไกลคนละฟากฟ้า!
ฉู่เหินยืนอยู่ตรงนี้อย่างเงียบ ๆ พยายามสังเกตชายชราคนนั้น ร่างของชายชราบางครั้งก็ดูชัดเจน แต่บางคราก็ดูพล่าเลือนราวกับจะหายไป เหมือนอยู่ใกล้ แต่ก็ห่างไกล
ฉู่เหินที่กำลังยืนจับจ้องชายชราที่อยู่ตรงนั้น จู่ ๆ ชายหนุ่มก็พบว่าร่างของชายชราได้มาที่ข้าง ๆ เขาเสียแล้ว ยังไม่ทันได้สอบถามอะไร ชายชราก็พลันเริ่มบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองออกมา ชายชราบอกว่าวิธีการที่ตนใช้นั้นเรียกกันว่า วิชาก้าวนภา เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉู่เหินก็ตั้งใจฟังทันที เขาไม่กล้าพูดหรือแม้แต่จะส่งเสียงออกมา เพราะกลัวว่าจะพลาดอะไรบางอย่างไป
ชายชราค่อย ๆ อธิบายอย่างละเอียด ทางด้านฉู่เหินแท้จริงแล้วถือได้ว่าเป็นคนฉลาดพอตัว เขาสามารถจดจำสิ่งที่ชายชราพูดได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อชายชราอธิบายจบ ชายชราก็เริ่มแสดงท่าทางออกมา เมื่อเห็นฉู่เหินจึงรีบทำตามที่ชายชราเพิ่งอธิบายให้ฟังเมื่อกี้ พร้อมกันกับที่ขยับตัวเลียนแบบการเคลื่อนไหวของชายชราไปด้วยในทันที
ถึงฉู่เหินจะชาญฉลาดแค่ไหน แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ครั้งแรกของเขาเท่านั้น กระบวนท่าของชายหนุ่มจึงทำได้แค่พอใช้ เมื่อเทียบกันแล้ว หนึ่งก้าวของชายชราสามารถไปได้ไกลถึงร้อยลี้ อีกทั้งนี้ยังแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเพราะรอฉู่เหิน ถ้าไม่รอ บางทีชายชราอาจจะก้าวไปได้ไกลกว่านั้น ส่วนหนึ่งก้าวของฉู่เหินนั้น เขาสามารถไปได้แค่ระหว่างสิบลี้เท่านั้น และแม้ว่ามันจะดูต่างกับชายชราราวฟ้ากับเหว แต่สำหรับชายหนุ่มในตอนนี้ก็ถือว่าเร็วที่สุดแล้ว
ลองคิดดูสิว่าก้าวเดียวก็ไปไกลถึง 2 เมตรแล้ว ความเร็วแบบนี้ฉู่เหินไม่เคยประสบพบเจอมาก่อนเลย แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ และกลับมาตั้งใจสังเกตชายชราต่อ
พวกเขาสองคนก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ยิ่งก้าวไปมากเท่าไหร่ ชายหนุ่มก็ยิ่งได้ระยะที่ใกล้เคียงกับชายชรามากขึ้นเท่านั้น พวกเขาคล้ายจะค่อย ๆ หลอมรวมเข้าด้วยกัน ในตอนนี้เอง ฉู่เหินก็พลันรู้สึกราวกับว่าตัวเขาและชายชรากลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
ก้าวแล้วก้าวเล่า ฉู่เหินก้าวไปเรื่อย ๆ จนพบว่าตัวเองไปได้ไกลกว่าเดิมหลายเมตรเลยทีเดียวในครั้งนี้ ซึ่งนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ร่างกายของเขาเปล่งแสงสว่างออกมา มันเป็นแสงสีม่วงที่สว่างจ้าขึ้นเรื่อย ๆ จนชักจะแยงตา
แสงสีม่วงค่อย ๆ หดตัว มันถูกดูดกลืนเข้าไปในร่างของฉู่เหิน ทันใดนั้นวิชาก้าวนภาก็ดูราวกับจะกระจ่างแจ้งขึ้นในจิตใจของเขา จากนั้นร่างกายของชายหนุ่มก็สั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม ก่อนที่จะหยุดลง
ในตอนนี้เองที่เขาเริ่มก้าวอีกครั้ง ตอนที่เขาเบิกสองตาออกกว้างเพื่อสังเกตอย่างละเอียด ก่อนที่จะพบว่าตอนนี้ตัวเองมาไกลเกินกว่า 10 เมตรแล้ว
ความสำเร็จของวิชาก้าวนภาในครั้งนี้ สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงที่สุดก็คือการที่ตัวเองได้หลอมรวมเข้ากับชายชรา ผลลัพธ์ดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มเข้าใจความรู้พื้นฐานของวิชาก้าวนภาอย่างแจ่มแจ้ง และในตอนนี้เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ได้พบว่าทั่วบริเวณมีแต่ความว่างเปล่า มองไม่เห็นเมฆขาว ปราศจากท้องฟ้าสีคราม และยิ่งไม่มีบันไดยาวนั้นอีกต่อไป
ฉู่เหินเข้าใจทันทีว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเคล็ดวิชาทั้งหมดได้มาอยู่ในมือของเขาแล้ว อีกทั้งเขายังรู้ว่าตอนนี้ตัวเองมาอยู่ในโลกมายาแห่งหนึ่งที่เกิดจากการมองภาพ ๆ นั้น ถ้าชายหนุ่มออกตอนนี้ล่ะก็ โลกมายาในภาพนี่ก็จะหายไปทันที
ซึ่งก็เกรงว่าเคล็ดวิชาที่มาพร้อมกับภาพดังกล่าวเองก็จะหายไปด้วยเช่นกัน ในใจของฉู่เหินรู้ดี เดิมที่วิชานี้ไม่ใช่ของตัวเองแต่แรก ผลลัพธ์ที่เขาได้ในวันนี้เป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น เพราะฉะนั้นแล้วเขาเองก็ไม่ควรที่จะถือสิทธิ์ครอบครองเพียงคนเดียวเช่นนี้
หลังจากคิด ๆ ดูแล้ว ชายหนุ่มก็ใช้วิชาก้าวนภาเมื่อกี้สร้างร่างมายาขึ้นหนึ่งตน ก่อนจะใช้ความเข้าใจที่มีอยู่วาดรูปพิเศษขึ้นมารูปหนึ่ง ในรูปนั้นปรากฏภูเขาสูงใหญ่หลายลูก ก่อนที่ฉู่เหินจะใช้แก่นแท้ของวิชาก้าวนภาสร้างคนขึ้นมาหนึ่งคน เพื่อให้คนผู้นั้นสอนคนอื่นให้ก้าวข้ามระหว่างท้องทะเลและภูเขาใหญ่
คนโบราณบอกว่าหนึ่งอาจารย์จะสอนลูกศิษย์แค่ไม่กี่คน เมื่อแก่นแท้สำเร็จเป้าหมายของมันแล้วก็จะจางหายไป
หนึ่งก้าวแม่น้ำและภูเขาเป็นภาพที่ใกล้เคียงกับขอบฟ้า ดินแดนที่มีแต่ความสบายใจไร้ความทุกข์ และปราศจากการผูกมัด
ประโยคเหล่านี้ก็คือสิ่งที่ฉู่เหินคิดอยู่ในใจ อย่างเช่นวันนี้เขาได้นำแก่นแท้ของตัวเองมาหลอมรวมกับวิชาก้าวนภา ทิ้งให้มันอยู่ที่นี่ ในอนาคตถ้ามีคนรุ่นหลังสามารถเรียนรู้วิชาที่ฉู่เหินทิ้งไว้ได้ นั่นก็จะเปรียบเสมือนกับเป็นลูกศิษย์ของเขาคนหนึ่ง เพราะที่นี่ได้แฝงไปด้วยหลักการและวิชาของฉู่เหินเอาไว้
เพื่อเป็นการตอบแทน ฉู่เหินยังได้หลอมรวมวิชาฝ่ามือกิเลนที่ล้ำค่าที่สุดของตัวเองเอาไว้อีกด้วย ใครก็ตามที่โชคดีได้รับมันไป คนผู้นั้นก็จะได้รับเคล็ดวิชาถึงสองอันและกลายเป็นผู้มีความสามารถยอดเยี่ยมคนหนึ่งในอนาคตอย่างแน่นอน
จนถึงตอนนี้ฉู่เหินถึงค่อยพยักหน้าพอใจ เหมือนที่เขาเรียกว่าโยนลูกพีชกลับพลัม* ตัวเองได้รับโชคลาภจากที่นี่แล้วก็ควรที่จะทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังด้วย ยิ่งไปกว่านั้นฉู่เหินเดิมก็เป็นคนใจกว้างอยู่แล้ว พอทำทุกอย่างเสร็จ เขาถึงค่อยออกไปจากโลกแห่งนี้
*โยนลูกพีชกลับพลัม หมายถึง แลกเปลี่ยนสิ่งของกัน
ที่จริงฉู่เหินไม่ได้มาโลกแห่งนี้ด้วยกายเนื้อ แต่เป็นแค่จิตวิญญาณของเขา หลังจากชายหนุ่มกลับออกไปแล้ว จิตวิญญาณก็จะค่อย ๆ รวมกับกายเนื้อของเขาเป็นอันเสร็จสิ้น!
ตอนนี้เองที่ดวงตาของฉู่เหินกลับมากะพริบอีกครั้ง ตอนนี้รูปภาพมันได้เปลี่ยนไปแล้ว จากที่เดิมที่เป็นเมฆขาวกับท้องฟ้าสีครามและก็บันไดยาวนั้นได้หาย ตอนนี้มันกลับเป็นภาพภูเขาและแม่น้ำ นอกจากนั้นยังมีนกตัวหนึ่งปรากฏอยู่
อากงที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ถึงกับตะลึงจนอ้าปากค้าง ภาพเดิมของมันนั้นได้หายไปแล้วเปลี่ยนเป็นอีกภาพหนึ่ง นี้ออกจะให้ความรู้สึกไม่น่าเชื่อไปหน่อยแล้วมั้ง มีเพียงแค่อากงที่เห็นเรื่องราวทั้งหมดนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะงั้นหากไม่ตกใจก็ไม่รู้จะพูดว่ายังไงแล้ว
หลังจากฉู่เหินลืมตามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาก็ยิ้มไปถึงดวงตา ชายหนุ่มพอใจกับสิ่งที่ตัวเองทำอย่างมาก! เมื่อนึกไปถึงวันข้างหน้า หากมีคนได้รับวิชาของตัวเองไป ไม่รู้ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นวีรบุรุษแบบไหน!
แม้แต่ในฝันฉู่เหินก็คงคิดไม่ถึง ว่าในวันข้างหน้า คน ๆ นั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับเขาอย่างมาก! ซึ่งนี่เป็นเรื่องในอนาคต ยังไม่ต้องพูดในตอนนี้
“อากง ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณจริง ๆ ถ้าคุณไม่ได้เชิญมาในวันนี้ผมก็คงไม่ได้โชคครั้งใหญ่อย่างนี้แน่”
ฉู่เหินที่เห็นอากงอ้าปากค้างเขาก็กำหมัดแสดงความเคารพครั้งหนึ่ง การคำนับครั้งนี้เขาให้เพื่อขอบคุณอากง แม้ว่าโชคในครั้งนี้เขาจะได้มาด้วยความบังเอิญ แต่ถ้าอากงไม่ได้เชิญมาเขาก็คงไม่ได้โชคแบบนี้หรอก! ฉะนั้นเขาจึงต้องขอบคุณอากงคนนี้!
“นี้เป็นโชคของเธอเอง ไม่ได้เกี่ยวกับฉันหรอก ภาพ ๆ นี้อยู่กับฉันมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว ตั้งแต่นักบวชคนก่อนส่งมอบมาถึงฉัน น่ากลัวว่าถ้าเอาช่วงเวลาทั้งหมดมารวมกันน่าจะประมาณพันปีได้แล้วแหละ กาลเวลาที่ยาวนานขนาดนั้น กลับไม่มีคนที่มีชะตาต้องกันกับมันแบบเธอเลย ดังนั้นทั้งหมดนี้ก็คงเป็นชะตาลิขิต!”