สุดยอดชาวประมง - บทที่ 389 นายพลฉู่... หน้าคุณเละแล้ว!
บทที่ 389 นายพลฉู่… หน้าคุณเละแล้ว!
บทที่ 389 นายพลฉู่… หน้าคุณเละแล้ว!
ฉู่เหินไม่ได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ในตอนนี้หยกน้ำตานับร้อยนับพันหยดที่ออกมา ของเหลวพวกนี้ล้วนแล้วแต่ไหลซึมเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
จู่ ๆ ฉู่เหินก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาดูจะแปลกไป ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีพลังงานบางอย่างกำลังค่อย ๆ แปรเปลี่ยนร่างกายของตนอย่างช้า ๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันเป็นพลังอะไร ต่อให้คิดมากแค่ไหนเขาก็ยังไม่อาจหาที่มาของมันได้
“ไม่ว่ายังไง เจ้าก็ถือว่าช่วยพี่สาวเอาไว้ อีกทั้งยังช่วยชีวิตน้องสาวของพี่สาวคนนี้ไว้ด้วย! น้ำตาอันล้ำค่าพวกนี้ พี่สาวมอบให้เจ้าก็แล้วกัน ถ้าเจ้ามีน้ำตาสองสามร้อยหยดของพี่สาว เพียงแค่นี้เจ้าก็สามารถมองโลกอย่างเย้ยหยันได้แล้ว!”
ฉู่เหินไหนเลยจะรู้ว่าน้ำตาพวกนี้คือสิ่งล้ำค่าของหญิงสาว ถ้าเขาเอาน้ำตาสักหยดไปขายในข้างนอก คงได้ราคาสูงเอาเรื่อง แถมเพียงแค่เวลาไม่นาน ชายหนุ่มก็ได้ถึงพันหยดแล้ว ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า คนพวกนั้นคงได้อิจฉาเขาใหญ่แน่
หลังจากเหมิงเอ้อร้องไห้มาได้สักพัก ในที่สุดเธอก็หยุดร้อง ร่างกายของหญิงสาวผู้นี้ดูคล้ายจะอ่อนแอลงกว่าเก่า และนั้นก็เพราะเธอผลิตน้ำตามากเกินไป! หญิงสาวไหนเลยจะรู้ว่าน้ำตาของตัวเองจะเป็นแผนร้ายของหวังโบ๋ แต่ต่อมาถึงจะรู้เข้าเธอก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน เพราะเธอรู้สึกบางอย่างที่พิเศษกับฉู่เหินเข้าให้แล้ว
“เจ้าโง่ พี่สาวต้องไปแล้ว! จำเอาไว้ว่าให้ดีละ พี่สาวชื่อเหมิงเอ้อ ถ้ามีวันหนึ่งที่เจ้าได้ออกไป ‘ข้างนอก’ ได้แล้ว เจ้าต้องแวะมาหาพี่สาวให้ได้เลยนะ!” สิ้นสุดประโยคนี่ ร่างกายของเหมิงเอ้อก็ค่อย ๆ จางหายไปอย่างช้า ๆ จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นแสงสายรุ้งแล้วหายไปในความว่างเปล่าไม่เห็นอีกเลย
เหมิงเอ้อจากไปแล้ว อันที่จริงฉู่เหินควรจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกซิถึงจะถูก แต่ไม่รู้เพราะอะไรเขากลับรู้สึกใจหาย ฉู่เหินไม่รู้เลยว่าเพราะน้ำตาเหล่านี้นี่เองที่ทำให้หัวใจของเขากับเหมิงเอ้อสอดผสานกันแล้ว ต่อจากนี้ในหัวใจของเขาก็เพิ่มคนเข้ามาอีกหนึ่งตำแหน่ง นั่นก็คือเหมิงเอ้อ!
ฉู่เหินสงบสติอารมณ์ของตัวเองสักพัก เขารู้ว่ายังมีเรื่องอีกมากที่ต้องไปทำ ดังนั้นจึงไม่อาจอยู่ที่นี่ได้นานนัก ว่าแล้วชายหนุ่มก็หมุนตัวก่อนจะใช้วิชาก้าวนภาตรงไปยังเหมืองแร่ เพราะที่นั่นยังมีซอมบี้อีกหมื่นกว่าตัวให้เขาไปสังหาร ไม่รู้ว่าผ่านไม่นานขนาดนี้อีกฝ่ายจะเป็นยังไงบ้างแล้ว
เคลื่อนไหวไม่กี่ที ในที่สุดชายหนุ่มก็มาถึงเหมืองแร่ ต้องเข้าใจด้วยว่าเขาจากไปนานหลายชั่วโมงแล้ว ด้วยเวลาที่นานขนาดนั้น การต่อสู้ภายในนี้เองก็คงสิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน ฉู่เหินเห็นทหารกำลังเก็บกวาดสนามรบกันอยู่เขาก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้
เพราะนี่หมายความว่าศึกครั้งนี้พวกมนุษย์เป็นฝ่ายชนะ! หลังฉู่เหินปรากฏตัว ผู้คนบริเวณนั้นต่างก็พากันมองเขาอย่างหวาดระแวง สายตาแบบนี้ทำให้ฉู่เหินรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก!
“พวกนายกินยาผิดมาหรือไง รีบเก็บกวาดสนามรบสิ เก็บกวาดเสร็จพวกเราจะได้รีบไป ทำไมถึงมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นกัน หน้าฉันมีอะไรติดเหรอไง” ฉู่เหินพูดกับทุกคนด้วยความโมโห
หลังจากใช้สายตามองกันไปมองกันมา พวกทหารก็ดูจะนึกออก หลังจากนั้นพวกเขาก็ใช้สายตาจับจ้องไปที่ร่างกายของฉู่เหินอย่างถี่ถ้วน!
“นายพล หน้าคุณเละแล้ว! ก่อนหน้านี้พวกเรายังจำได้ว่าคุณหล่อเหลามากขนาดไหน แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นหัวหมูไปแล้วล่ะ” พอได้ยินดังนั้น ฉู่เหินก็เหมือนจะเข้าใจท่าทางแปลก ๆ ของคนพวกนี้ในทันที ก่อนมานี่ เขาได้ถูกเหมิงเอ้อซ้อมมาเสียหลายยก จนถึงตอนนี้หน้าเขายังไม่หายบวกอีกเหรอเนี่ย ถึงว่าทำไมหลังจากคนพวกนี้เห็นเขาแล้วถึงจำไม่ได้
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบเก็บกวาดสนามรบเถอะ ใครมีปัญญาก็มาคุยกับฉันนี่ เพราะหลังจากจบศึกนี้แล้วฉันจะจัดตารางฝึกเดี่ยวให้คนคนนั้นเอง! ถ้าใครข้องใจกล้าแหย่ฉันอีก อย่าหาว่าหมัดฉันไม่มีความรู้สึก!” หลังพูดจบก็ชูกำปั้นแสดงขู่ให้คนพวกนี้เกรงกลัว
พอพวกเขาเห็นแบบนี้ก็พากันหัวเราะ ก่อนจะกลับไปเก็บกวาดสนามรบอีกครั้ง พูดตามตรง ตอนแรกพวกเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคนคนนี้คือฉู่เหิน เพราะหน้าของฉู่เหินจากตอนแรกถึงตอนนี้นั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และเมื่อรู้ว่าเป็นฉู่เหิน พวกเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะที่หน้าของฉู่เหินเป็นแบบนี้มันชัดเจนว่าโดนซ้อมมาแน่ ๆ
ทว่าเมื่อพวกเขาพบว่าฉู่เหินนั้นบาดเจ็บแค่ภายนอกเท่านั้น แถมภายในยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง รู้ดังนั้น พวกเขาถึงค่อยวางใจ แต่ที่พวกเขารู้สึกแปลกใจก็คือทำไมหน้าของฉู่เหินถึงได้มีรอยเหมือนลิปสติกผู้หญิงอยู่จุดหนึ่งด้วยนี่ซิ!
ต่อมาพวกทหารก็อดที่จะคาดเดาไม่ได้ หรือว่านายพลไปลวนลามลูกสาวบ้านไหนเข้า เลยถูกเธอคนนั้นซ้อมเอา ทว่าเรื่องนี้พวกเขาเพียงแค่คิดอยู่ในหัวรอบหนึ่งเท่านั้นไม่ได้คิดเยอะแยะอะไร ไม่ใช่อะไร เป็นเพราะพวกเขาเชื่อว่าบุคลิกประจำตัวฉู่เหินไม่ใช่คนแบบนั้น!
รอยลิปสติกบนหน้าทำให้ทุกคนพากันสงสัย เพราะแบบนี้เอง เมื่อเก็บกวาดรอบหนึ่งแล้วพวกเขาก็หันมาพิจารณาฉู่เหินกันต่อ กระทั่งมีคนจับกลุ่มพูดคุยกันสองสามกลุ่ม ลักษณะแบบนี้ทำให้ฉู่เหินจ้องพวกนั้นด้วยความโมโห ก่อนจะเลือกไม่สนใจทหารพวกนี้อีก!
การเก็บกวาดสนามรบใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าถึงจะเสร็จ ต่อมาฉู่เหินก็เก็บพวกเขาเข้ามาในแหวนมิติอีกครั้ง โชคดีที่แหวนใหญ่พอตัว ไม่งั้นคงยุ่งยากแน่
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ใช้ก้าวนภาเพื่อหายไปจากที่นี่ในทันที ตอนที่ร่างกายของฉู่เหินหายไปไม่นานนัก ตำแหน่งที่พวกเขายืนอยู่แต่เดิม อยู่ ๆ ก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ทั่วทั้งร่างอาบย้อมไปด้วยเลือดปรากฏตัวขึ้นที่นี่ คน ๆ นี้ไม่ใช่ใครอื่น ที่แท้ก็คือซอมบี้ขั้นจักรพรรดิดาราที่หนีไปตนนั่นนั้นเอง
เพียงแต่ในตอนนี้ ซอมบี้จักรพรรดิดาราตนนี้ดูค่อนข้างน่าสงสาร ทั่วร่างอาบเลือดไม่พอ แขนข้างหนึ่งยังถูกตัดขาดไปแล้ว อีกทั้งเลือดลมยังไม่คงทีอีกด้วย! แม้กระทั่งพลังวรยุทธ์ซอมบี้ตัวนี้ก็ยังลงไปอยู่ที่ขั้นราชันดาราระดับเริ่มต้นแล้ว! เรียกได้ว่าน่าเวทนายิ่งนัก!!!
ต้องเข้าใจว่าเดิมซอมบี้ตนนี้เป็นถึงจักรพรรดิดาราระดับสูง ขาดแค่ก้าวเดียวก็จะเลื่อนเป็นขั้นปราชญ์ดาราระดับต้นแล้ว แต่เมื่อรู้ว่าตัวเองตกต่ำขนาดนี้ ในใจของเจ้าซอมบี้ก็พลันเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธแค้น!
หลังจากหนีออกจากรังของตัวเอง เจ้าซอมบี้อดีตขั้นจักรพรรดิดาราตนนี้ก็ไปยังจุดรวมพล แต่ทว่าที่นั่นกลับไม่มีแม้แต่ซอมบี้สักตัว
เมื่อไม่เห็นซอมบี้ตัวอื่น มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกวูบโหวง อดคิดไม่ได้ว่าเพียงแค่การกักตนหลายร้อยปีมานี้ นี่จะทำให้พรรคพวกของตัวเองพบกับปัญหาใหญ่เข้าแล้ว
เหมืองแร่แห่งนี้เป็นที่มั่นสุดท้ายที่พวกซอมบี้นัดรวมพล เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าที่นี่จะไม่มีซอมบี้ตนอื่นอยู่เลย ซอมบี้ผู้เป็นถึงอดีตจักรพรรดิอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าซอมบี้จะมาถึงจุดตกต่ำอย่างในวันนี้
อย่างไรก็ตาม ตอนที่ซอมบี้ตนนี้เดินออกมาที่ด้านนอก มันก็พบว่าท้องฟ้าสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ได้แล้ว พอเห็นฉากนี้ก็ยิ่งทำให้ซอมบี้ตกใจจนอุทานออกมา! พวกของเขาใช้เวลาหลายปีกว่าจะสร้างหมอกเหล่านี้ขัดขวางดวงอาทิตย์ไว้ได้ แต่ทำไมกัน!
ไม่คิดเลยว่าตัวเองกักตนครั้งเดียว ความเพียรพยายามของเผ่าพันธุ์ที่ผ่านมาจะกลายสูญเปล่า! ในตอนนี้เองซอมบี้ตนนี้รู้สึกอยากตบหน้าตัวเองสักทีจริง ๆ ถ้ารู้แบบนี้แต่แรกจะกักตนไปเพื่อ? ถ้าย้อนอดีตไปได้ มันคงจะไม่ทำแบบนี้เด็ดขาด
ที่จริงแล้วมันควรจะพังเมืองโบราณทิ้งไปซะ แม้ว่าด้านนอกจะมีพวกผู้อาวุโสที่คอยยับยั้งไม่ให้พวกเขาพังเมืองโบราณทิ้งทั้งหมดก็ตาม ต่อให้ต้องสูญพันธุ์แล้วยังไง อย่างมากก็ตายไปด้วยกัน เพียงแต่น่าเสียดายที่เอามาพูดตอนนี้ก็สายไปแล้ว
หลังจากคิดถึงตรงนี้ นัยน์ตาของเจ้าซอมบี้ก็ปรากฏร่องรอยความโกรธแค้นออกมา มันจับจ้องไปทางเมืองโบราณ ก่อนจะตัดสินใจที่จะรักษาอาการบาดเจ็บให้ดีก่อน จากนั้นค่อยออกไปฆ่าคนในเมืองแล้วค่อยว่ากัน
ว่าแล้วเจ้าซอมบี้ก็หายไปที่ ๆ ห่างไกล มันกะว่าจะให้อาการบาดเจ็บของตัวเองดีก่อนค่อยคิดแผนการ! เจ้าซอมบี้ได้แต่เริ่มการกักตัวอีกครั้งด้วยหน้าตาดุร้ายและเสียงคำรามด้วยความโมโห