สุดยอดชาวประมง - บทที่ 39 ครูหลิวใจบาป
บทที่ 39 ครูหลิวใจบาป[รีไรท์]
เหตุผลหลัก ๆ ที่ตำรวจไม่พบข้อมูลอะไรก็เพราะฉู่เหินเองก็จำชื่อพ่อหรือชื่อเมืองบ้านเกิดไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาจำได้คือเท้าพ่อของเขาที่ไม่มีนิ้วก้อย และที่เขาจำได้ก็เพราะตอนเด็ก ๆ เขาชอบเล่นเท้าของพ่อ ตอนแรกผู้กองตั้งใจจะช่วยเขาตามหาครอบครัว แต่เบาะแสจากฉู่เหินมีน้อยเกินไป ดังนั้นมันจึงช่วยอะไรไม่ได้เลย เขาจึงจำเป็นต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจเรื่อยมา
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ โรงเรียนเฉิงไช่ก็เริ่มปรากฏขึ้นในระยะสายตา หลังจากพวกเขาจอดรถไว้ที่หน้าประตูก็ตัดสินใจลงจากรถและเดินเท้าเข้าโรงเรียนแทน พอยามเฝ้าประตูโรงเรียนเห็นทั้งสองเดินมาก็ไม่ได้เปิดประตูให้ทั้งสองเข้าไปได้ในทันที หากแต่เขากลับเดินเข้ามาขวาง
“ขอโทษนะครับ แต่พวกคุณมีธุระอะไร เราเป็นโรงเรียนปิด ไม่อนุญาตให้คนไม่มีกิจธุระเข้า” หนึ่งในยามผู้ชายวัยสี่สิบกว่า ๆ ถามเมื่อเห็นพวกฉู่เหิน
“สวัสดีครับ ผมชื่อเกา เทียนหลินจากสถานีตำรวจเทศบาล ผมมาหานักเรียนในโรงเรียนนี้ ผมไม่รู้ว่าคุณมีขั้นตอนอะไรบ้างถึงจะเข้าไปได้” ผู้กองเกาเห็นท่าทางกีดกันของคนคนนี้ นอกจากเขาจะไม่โกรธแล้วยังพูดแสดงความเกรงใจต่อเขาอย่างยิ่ง ยามคนนั้นเมื่อเห็นท่าทางอย่างนั้นของผู้กองเกาก็ยิ่งรู้สึกพอใจต่อพวกเขายิ่งขึ้น
“ต้องติดต่อครูประจำชั้นของเด็กไม่ก็อาจารย์ใหญ่ครับ ต้องมีครูไม่ก็อาจารย์ใหญ่มารับเข้าไป ไม่อย่างนั้นเราให้เข้าไปไม่ได้ครับ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งสองไม่รู้สึกโกรธอะไร อีกทั้งยังทำให้พวกเขาคิดว่าโรงเรียนแห่งนี้มีคุณภาพที่ดีอย่างมาก
เมื่อเห็นยามเฝ้าประตูทำตามหน้าที่แบบนี้ สิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นว่าที่นี่เป็นโรงเรียนที่ดี บรรดาพ่อแม่ทั้งหลายต่างก็รู้สึกอุ่นใจมากขึ้นที่ให้ลูกเข้าเรียนที่นี่ แต่พวกเขายังไม่ได้ทำธุระที่ตั้งใจไว้ ฉู่เหินจึงรีบโทรหาอาจารย์ใหญ่อีกครั้ง
คนในโทรศัพท์คือคนที่จางเหลาเจาะจงแนะนำไว้เมื่อวาน เมื่อรู้ว่าฉู่เหินคือคนที่จางเหลาแนะนำไว้ พวกเขาก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไป แถมยังเดินมาต้อนรับเองถึงที่ด้วย
“คุณฉู่ ยินดีต้อนรับครับ คุณมาพบนักเรียนคนไหนครับเนี่ย” ชายวัยกลางคนสวมแว่นกรอบทองในช่วงวัยประมาณห้าสิบกว่าพูดจาใจดี ชายคนนี้ก็คือ ผอ.ของโรงเรียนแห่งนี้นี่เอง ความประทับใจแรกนี้ฉู่เหินประเมินคนคนนี้อยู่ในระดับดีมากเลยทีเดียว
“อาจารย์ใหญ่หวัง คุณเกรงใจเกินไปแล้ว น้องสาวผมเรียนอยู่ที่นี่ โรงเรียนแห่งนี้มีคุณภาพจริง ๆ” ฉู่เหินทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
“คุณรู้ไหมครับว่าน้องสาวของคุณเรียนชั้นไหน”
“ตอนนี้น้องสาวผมหวงลี่ลี่เรียนมัธยมปลายปีที่ห้า ห้องสามครับ” เมื่อได้ยินคำตอบของฉู่เหิน อาจารย์หวังก็ยิ้มและพาฉู่เหินกับผู้ติดตามอีกคนไปที่มอห้าห้องสามทันที
โรงเรียนเฉิงไช่มีขนาดใหญ่มาก น่าจะมีพื้นที่กว่า สามสิบเอเคอร์ ใช้เวลาไม่นานนัก พวกเขาก็เดินมาถึงหน้าห้องมอห้าห้องสามแล้ว
แต่เมื่ออาจารย์ใหญ่มาถึง เขาก็พบว่านักเรียนมอห้าห้องสามทุกคนต่างกำลังนั่งทบทวนบทเรียนด้วยตัวเองกันอยู่ เมื่อเห็นแบบนั้นเขาจึงเรียกครูประจำชั้นมาถาม แต่ปรากฏว่าหวงลี่ลี่กลับไม่อยู่ในห้อง!
มันจะเป็นไปได้ยังไง ต้องเข้าใจว่าพวกเขาคือโรงเรียนชื่อดังที่อาจารย์และนักเรียนต่างต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของนักเรียน นักเรียนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกโรงเรียนนอกจากช่วงปิดเทอม แต่ถ้าต้องการออกนอกเขตโรงเรียนต้องมีผู้ปกครองหรืออาจารย์ไปด้วย
“ครูรู้ไหมว่าหวงลี่ลี่หายไปไหน” หลังจากการไต่ถาม เมื่อเห็นว่าครูประจำชั้นไม่รู้ว่าหวงลี่ลี่อยู่ที่ไหน อาจารย์ใหญ่จึงรีบถามนักเรียนในห้อง อาจารย์ใหญ่ถามถึงสามครั้งติดกันแต่ไม่มีใครตอบ ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้ว่าหวงลี่ลี่ไปไหน ฉู่เหินสังเกตเห็นทันทีว่านักเรียนหญิงในห้องเหมือนมีอะไรจะบอกแต่ไม่กล้า
“นักเรียนคนนี้ หนูชื่ออะไรครับ” ฉู่เหินเดินเข้าไปถามพร้อมรอยยิ้ม
“ชื่อหูหลินหลินค่ะ” สาวน้อยก้มหน้าอย่างเขินอายเมื่อได้ยินฉู่เหินถาม
“สวัสดีหูหลินหลิน ฉันเป็นพี่ของหวงลี่ลี่ฉันว่าหนูต้องรู้แน่เลยว่าลี่ลี่ไปไหน” เมื่อได้ยินฉู่เหินถาม หูหลินหลินก็ตัวสั่นหลังจากครุ่นคิดสักพักเธอก็พยักหน้า
“พวกเธอ…พวกเธอถูกครูหลิวพาเข้าไปค่ะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นทั้งฉู่เหินและอาจารย์ใหญ่ถึงกับหน้ามุ่ย ครูจะพานักเรียนไปทำไม มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเปล่า
“แล้วหนูรู้ไหมว่าพวกเขาไปไหน” ฉู่เหินถามอีกครั้ง
“คืออย่างนี้ค่ะ ครูหลิวรู้ว่าบ้านลี่ลี่กับเชียนหยูไม่ค่อยมีเงิน ครูหลิวเลยช่วยหางานที่ทำไปด้วยเรียนไปด้วยได้ เห็นบอกว่าทำแค่อาทิตย์ละชั่วโมงก็ได้เงินเดือนละสองพันหยวน ตอนแรกหนูก็จะไปแต่หนูปวดท้องเลยไม่ได้ไปค่ะ” ฉู่เหินคิ้วขมวดเมื่อได้ยินหูหลินหลินบอก เขารู้จักหวงลี่ลี่ดีถ้าเธอสามารถทำงานและเรียนไปด้วยได้เธอต้องทำแน่นอน
แม้ครอบครัวเขาจะไม่ได้จนแต่ก็เป็นครอบครัวฐานะธรรมดา แต่ตามความคิดของฉู่เหินแล้วถ้าคนเราต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยแล้วละก็สำหรับนักเรียนที่วัยเพียงแค่นี้พวกเขาคงลำบากน่าดู
“หูหลินหลินรู้ไหมว่าพวกเขาไปไหน” เมื่อได้ยินคำถามหูหลินหลินก็ก้มหน้าอีกก่อนตอบเบา ๆ ว่า “น่าจะเป็นบาร์ชื่อแชงเกิลสตาร์”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลายคนก็เริ่มรู้สึกแล้วว่านี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้ว อาจารย์ใหญ่หวังถึงกับโทรไปหายามที่ประตูหน้าโรงเรียน
“ขอผมถามก่อนว่าครูหลิวห้องมอห้าทับสามได้เซ็นออกจากโรงเรียนหรือเปล่า” ไม่นานหลังจากอาจารย์หวังโทรไปหายามหน้าโรงเรียนก็พบชื่อครูหลิวออกจากพื้นที่ เมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว ครูหลิวพานักเรียนสองคนออกจากโรงเรียน เหตุผลที่พาออกไปคือกิจกรรมนอกหลักสูตร
เมื่อทราบเรื่องที่เกิดขึ้นฉู่เหินไม่พูดอะไร แต่ชำเลืองมองไปที่ตำรวจพวกเขาทั้งสองรีบเดินออกมา ผู้กองก็รีบโทรศัพท์ทันที
“เจิ้งส่วงรึเปล่า พาตำรวจ สองถึงสามนายไปที่บาร์ชื่อแชงเกิลสตาร์ ยิ่งเร็วยิ่งดี เรากำลังตามหาเด็กผู้หญิงชื่อหวงลี่ลี่ คุณล่วงหน้าไปก่อนเลยผมจะส่งรูปให้คุณเดี๋ยวนี้แหละ”
เมื่อเกาฉีพูดจบเขาชำเลืองมองฉู่เหิน ฉู่เหินส่งรูปหวงลี่ลี่เข้ามือถือของผู้กอง เขารีบส่งรีบต่อไปให้ตำรวจชื่อเจิ้งส่วง ทั้งสองรีบออกจากโรงเรียนขึ้นรถของผู้กองเกาและขับไปบาร์ชื่อแชงเกิลสตาร์
“อาจารย์หลิวคุณไม่ต้องห่วงนะผมบอกแล้วไงว่าจะไม่ตุกติก อะนี่เงินสามแสนหยวนคุณรออยู่นี่แหละอีกชั่วโมงหนึ่งค่อยพาเด็ก ๆ กลับโรงเรียน” ชายหนุ่มผมทองทั้งศีรษะและรอยสักที่ต้นแขนกล่าว แววตาของเขาช่างเย็นชาตอนพูดกับครูหลิว
“ไอ้งูพิษนายเคยรับปากกับฉันว่าจะไม่ให้พวกเขาทำงานหนัก ๆ อย่าลืมซะละ” ครูหลิวเอาเงินสามแสนหยวนลงกระเป๋าด้วยความดีใจแต่ก็ไม่ลืมที่จะกล่าวเตือนอีกฝ่าย
“ไม่ต้องห่วงน่า งูพิษอย่างผมรับปากคำไหนคำนั้น” ชายที่มีรอยสักแสยะยิ้มกล่าว แววตาของเขาดูไม่เหมือนแววตาของสุภาพบุรุษที่น่าเชื่อถือเลยสักนิด
ในที่สุดครูหลิวก็ได้เงินสามแสนหยวนอยู่ในมือตามที่ตั้งใจไว้ เขากำลังร้อนเงินเพราะลูกสาวของเขาพึ่งไปเรียนเมืองนอกและต้องใช้เงินสามแสนหยวน เมื่อสองวันก่อนไอ้งูพิษเจอเขาแล้วบอกว่าอยากได้นักเรียนหญิงสองคนมาทำงานที่บาร์อาทิตย์ละครั้งได้ค่าแรงเดือนละสองพันหยวน
ครูหลิวเห็นว่าเป็นงานที่ได้เงินดีและนักเรียนก็จะมีรายได้แบบนี้ เขาจะปล่อยให้หลุดมือได้อย่างไร ? ถึงแม้เขาจะรู้ว่าคำพูดของไอ้งูพิษมันจะแฝงไปด้วยยาพิษ และความคิดมิดีมิร้ายกับเด็กผู้หญิงทั้งสอง แต่แล้วยังไงล่ะเด็กสาวทั้งสองอาจเอาตัวรอดกันเองได้อยู่แล้วมั้ง
Next