สุดยอดชาวประมง - บทที่ 390 ค่อย ๆ เลื่อนขั้น
บทที่ 390 ค่อย ๆ เลื่อนขั้น
บทที่ 390 ค่อย ๆ เลื่อนขั้น
การถูกดูดกลิ่นอายชีวิตกับพลังวรยุทธ์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถกู้คืนมาได้ เมื่อเสียไปแล้วก็จะเสียไปตลอดกาล ชั่วชีวิตนี้เจ้าซอมบี้จะต้องอยู่ที่ขั้นราชันดาราระดับต้นต่อไป ไม่สามารถเลื่อนขั้นได้อีกแล้ว เพียงคิดถึงตรงนี้มันก็อดที่จะคำรามขึ้นฟ้าไม่ได้!
สำหรับเรื่องที่เกิดที่นั่น ฉู่เหินไม่รู้เลยสักนิด ไม่งั้นเขาจะฆ่าเจ้าตัวที่บาดเจ็บนี้อย่างแน่นอน เขาก้าวเท้ามาด้วยความรวดเร็ว ก้าวเท้าไม่กี่ครั้งก็มาถึงเมืองโบราณแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกว่าครั้งนี้วิชาก้าวนภาของเขาดูจะเร็วมากกว่าเดิมหลายเท่า
หลังมาถึงเมือง คนในเมืองโบราณที่เฝ้าด้วยความร้อนรนเพราะฉู่เหินหายไปถึงหนึ่งวันเต็ม ๆ อีกทั้งพวกเขายังไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยด้วย ยิ่งเป็นอย่างนี้ก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกกระวนกระวายกันไปใหญ่
มาวันนี้ได้เห็นฉู่เหินที่กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว พวกชาวบ้านในเมืองก็พากันส่งเสียงต้อนรับด้วยความดีใจ แถมการกลับมาของฉู่เหินในครั้งนี้ เขายังมาพร้อมกับความหวังของเมืองโบราณอีกด้วย!
ตอนนี้กองกำลังที่ฉู่เหินมีอยู่ในมือ พวกเขาเหล่านั้นล้วนแล้วแต่รออยู่ด้านนอกเพื่อรอจัดการทุกอย่างให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เหตุผลที่ยังรอก็เพราะว่าด้านนอกมีพวกซอมบี้ขั้นราชันดาราอยู่ถึง 20 กว่าตัว ถึงแม้ว่าฉู่เหินจะเก่งกาจกว่านี้ ก็เกรงว่าเขาคนเดียวจะจัดการเยอะขนาดนั้นไม่ได้
แต่นั่นเป็นเพียงแค่อดีต สำหรับตอนนี้แล้ว เพียงขั้นราชันดารา 20 กว่าตัวก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะฉู่เหินมีวิธีที่จะจัดการพวกมันแล้วนั่นเอง
หลังจากให้ทุกคนถอย ฉู่ฉุนที่ยืนอยู่ข้างฉู่เหินก็แสดงอาการกระวนกระวายออกมา ฉู่เหินที่เห็นแบบนั้นก็หัวเราะแล้วพูดว่า “มีเรื่องอะไรนายก็พูดเถอะ ไม่ต้องอ้ำอึ้ง”
“พี่ หน้าพี่โดนใครซ้อมมาน่ะ!” สิ้นประโยค ฉู่เหินที่ได้ยินก็ถึงกับเงียบไปอึดใจ ผ่านไปนานเขาถึงค่อยเงยหน้ามองฉู่ฉุนและพูดว่า “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็ไปเถอะ อ้อ แล้วก็นะ พูดให้มันน้อย ๆ หน่อยบ้างก็ดีนะ!”
พอเห็นแบบนี้ฉู่ฉุนก็จนปัญญาทำได้เพียงเดินออกไป แต่เขาเองก็ได้แอบคาดเดาในใจไว้บ้างแล้ว แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมพูด ถ้างั้นเขาก็คงทำอะไรไม่ได้
พอไม่มีคน ฉู่เหินถึงค่อยเดินไปทางภูเขาแห่งพลัง ดูเหมือนว่าตอนนี้เสี่ยวชิงกับคนอื่น ๆ ต่างก็จวนจะสามารถทะลวงขั้นกันได้แล้ว ถ้าพวกเขาทะลวงได้ล่ะก็ สงครามในครั้งนี้จะต้องเป็นฝ่ายมนุษย์ที่ได้รับชัยชนะแน่นอน!
อย่ามองว่าซอมบี้มีวรยุทธ์สูง เพราะถ้าเปรียบกับมนุษย์ที่พลังเท่ากันแล้ว พวกมันจะอ่อนแอกว่าเยอะ ดังนั้นฉู่เหินจึงค่อนข้างมั่นใจว่าตนจะชนะซอมบี้ขั้นราชันดาราได้
ในตอนที่เขามาถึงภูเขาพลัง ชายหนุ่มก็พบว่ามีคลื่นพลังงานขนาดใหญ่ระอุออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาสัมผัสมันได้อย่างชัดเจนว่าคลื่นพลังเหล่านี้เป็นของขั้นราชันดารา เมื่อเห็นฉากนี้มุมปากของฉู่เหินก็ยกยิ้ม
ระหว่างที่เขาก้าวเข้าไปคนที่เห็นก่อนคนแรกไม่ใช่เสี่ยวชิง และก็ไม่ใช่เหล่าสัตว์พวกนั้น แต่กลับเป็นฮาวโยว ไม่รู้เหมือนกันว่าชายหนุ่มคนนี้มาฝึกพลังที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร แต่พอเห็นเขาทะลวงขั้นราชันดาราได้แล้ว ฉู่เหินกลับค่อนข้างดีใจ
ตอนที่ฉู่เหินเดินเข้าไปลึก ๆ เขาก็พบเจ้ากระต่ายต้องสาปตัวนี้ไม่ธรรมดาอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้พลังโจมตีของมันจะไม่ค่อยรุนแรงมากนัก แต่ด้วยพลังวรยุทธ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในตอนนี้ ดูท่าแล้วเจ้ากระต่ายน่าจะทะลวงไปถึงขั้นราชันดาราได้แล้ว เพราะฉะนั้นวิชาต้องสาปของมันเองก็ต้องรุนแรงมากขึ้นเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน
รูปร่างของกระต่ายต้องสาปไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ยังคงรูปร่างเล็ก ๆ อยู่เช่นเดิม หลังจากที่มันเห็นฉู่เหิน เจ้ากระต่ายก็แสดงอาการดีใจออกมา มันตีลังกากระโดดมาที่บนไหล่เขาทันที!
ในตอนที่พวกเขาสองคนหยอกล้อกันอยู่ แรดเขาเดียวกับพี่เสือก็เดินออกจากส่วนลึก หลังจากนั้นสักพักเสี่ยวชิงเองก็เดินออกมาเช่นเดียวกัน
เสี่ยวชิงที่เลื่อนขั้นราชันดาราได้แล้วกลับดูเหมือนจะยิ่งสวยกว่าเดิม เพียงแต่ตอนที่เสี่ยวชิงมองฉู่เหินนั้น สายตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย! หญิงสาวสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้ฉู่เหินน่าจะเลื่อนขั้นเป็นทรราชดาราระดับสูงแล้ว! ตามความเป็นจริงแล้ว การที่ฉู่เหินเลื่อนขั้นเยอะขนาดนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีผลกระทบตามมา แต่อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลย นี้ทำให้เสี่ยวชิงค่อนข้างไม่เข้าใจ
ฉู่เหินมองสายตาที่เสี่ยวชิงมองมา ใบหน้าก็เผยยิ้มแหยะ ๆ พูดว่า “มีบางเรื่องที่ไม่ใช่อธิบายหนึ่งประโยคครึ่งประโยคแล้วจะเข้าใจ รอให้จัดการศึกใหญ่ครั้งนี้เสร็จแล้วฉันจะอธิบายให้ฟังนะ”
เสี่ยวชิงที่ได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าอย่างใจกว้าง เพียงแต่ในใจเธอคิดอะไรอยู่ไม่มีใครรู้ได้เลย พอคนเหล่านี้ออกมายังที่ที่ฮาวโยวยืนอยู่ ฉู่เหินและคนอื่น ๆ ก็หันมามองหน้ากัน ก่อนที่ทุกคนจะพร้อมใจกันเอามือไปแตะที่ตัวของฮาวโยวแล้วถ่ายเทพลังดวงดาวของตัวเองเข้าไป
ฮาวโยวที่ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นทรราชดารากับขั้นราชันดารา คล้ายจะสมบูรณ์แบบไป 80% ตอนนี้เขายังขาดพลังดวงดาวอีกนิดหน่อย ทว่าหลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ การเปลี่ยนแปลงขั้นตอนสุดท้ายก็สมบูรณ์แบบในทันที พลังมากมายถูกปล่อยเข้ามาในร่างของเขา เห็นเมื่อฉากนี้ฉู่เหินและคนอื่น ๆ ก็อดหัวเราะไม่ได้และเดินถอยไปอีกข้าง
หลังจากเฝ้ารออยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดฮาวโยวก็เลื่อนขั้นได้เสร็จ หลังเขาได้สติก็เห็นฉู่เหินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตัวเอง ดังนั้นเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ด้วยความขอบคุณ ฮาวโยวจึงได้ทำความเคารพไปทางฉู่เหิน แต่ก็ทำเพียงเท่านั้นและไม่ได้พูดขอบคุณอะไรออกมาอีก ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะคำขอบคุณนั้นมันยังน้อยไปสำหรับสิ่งที่ฉู่เหินทำให้!
สิ่งที่ฉู่เหินช่วยเขาไม่ใช่แค่เล็ก ๆ น้อย ๆ หากเขาอยากจะตอบแทนล่ะก็เกรงว่าเขาต้องใช้ชีวิตอีกครึ่งของตัวเองถึงจะสมเหตุสมผล ฉู่เหินรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนเอาจริงเอาจัง เขาเลยตบไปทีไหล่ของอีกฝ่ายแต่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเดินออกไป!
ในที่ประชุมกองทัพ แม่ทัพนายกองทั้งหมดนั่งเต็มทั้งสองข้าง ฉู่เหินกวาดตามองแล้วพูดว่า “ทุกท่าน คิดว่าทุกคนคงรู้แล้ว ว่าตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับศึกใหญ่ หากชนะพวกเราไม่เพียงแต่คืนอิสระให้กับชาวเมืองโบราณ พวกเรายังสามารถออกไปจากที่นี่ได้อีกด้วย”
“แต่ถ้าแพ้พวกเราก็มีเพียงอย่างเดียวนั้นก็คือตาย! ดังนั้นในศึกครั้งสุดท้ายพวกเรามีแต่ต้องชนะ แพ้ไม่ได้เด็ดขาด! ตอนนี้พวกซอมบี้มีกันอยู่ 500,000 กว่าตัว ฟังแล้วเหมือนจะไม่น้อย แต่แท้จริงแล้วมันก็เป็นแค่ตัวเลขเท่านั้นแหละ!”
ฉู่เหินพูดถึงตรงนี้ก็ลุกขึ้นยืน “ฉู่ฉุน ฉันขอถามนาย ที่วันนั้นฉันสอนค่ายกลให้นาย นายเรียนรู้มันแล้วใช่ไหม?” ฉู่ฉุนที่ได้ยินพี่ชายตัวเองถามแบบนี้ เขาก็ลุกยืนแล้วพยักหน้าเพื่อแสดงออกว่าทำได้แล้ว
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้างั้นฉันจะให้ทหารม้านาย 20,000 คน ให้นายใช้ 20,000 คนนี้สร้างค่ายกล สังหารเจ้าซอมบี้ 500,000 กว่าตัวนั้นให้ฉัน ส่วนพวกขั้นราชันดารานายไม่ต้องห่วง ฉันมีวิธีจัดการ!”
จากนั้นฉู่เหินก็มองไปที่ดวงตาของทุกคน โดยเฉพาะอาจารย์ซูที่นัยน์ตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย
สำหรับฉู่เหินกับอาจารณ์ซูนั้นมีความรู้สึกที่พูดออกมาไม่ได้อยู่อย่าง ต้องเข้าใจว่าวันเหล่านี้ที่ได้สนิทสนมกัน มันทำให้เขารู้ดีว่าอาจารย์ซูผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา อย่างไรก็ตามหลายปีมานี้เขากลับไม่เคยชนะเลยสักครั้ง นี่ถือว่าน่าสงสัยมากเลยทีเดียว
เดิมทีชายหนุ่มกะจะให้อาจารย์ซูอยู่เฝ้าเมือง เพราะคิดนี่คงว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขากลับเก็บมันไว้ไม่ได้พูดออกไป! แม้ว่าใบหน้าของอาจารย์ซูจะยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มไม่มีเปลี่ยน แต่ฉู่เหินกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นทั้งจอมปลอมและเย็นชา
“อาจารย์ซู ถ้าผมให้คุณเฝ้าเมือง คุณจะคิดเห็นยังไงบ้าง?!” หลังจากคิดอยู่นานฉู่เหินก็ตัดสินใจพูดออกไป ดวงตาของเขาเจือไปด้วยรอยยิ้ม
“ได้ ฉันจะอยู่เฝ้าเมืองเอง พวกนายไม่ต้องห่วง ขอเพียงแค่ฉันอาจารย์ซูยังมีชีวิตอยู่ มันจะไม่มีวันที่พวกซอมบี้พวกนั้นเหยียบเข้ามาในเมืองได้แม้แต่ก้าวเดียว!” คนที่ธรรมดาออกรบข้างนอกตลอด กลับยอมอยู่เฝ้าเมืองในครั้งนี้ เรื่องดังกล่าวทำให้ฉู่เหินรู้สึกสงสัยอยู่ไม่น้อย