สุดยอดชาวประมง - บทที่ 401 จิตใจคนไม่เหมือนในอดีต
บทที่ 401 จิตใจคนไม่เหมือนในอดีต
บทที่ 401 จิตใจคนไม่เหมือนในอดีต
“ผู้อาวุโสหวัง เรื่องที่คนคนนี้พูดเป็นเรื่องจริงครับ! ถ้าคุณไม่เชื่อคนหมื่นคนในที่นี้สามารถเป็นพยานได้” หลังจากฉู่เหินพูดจบ ชายหนุ่มก็หันศีรษะไปมองเหล่าทหาร ซึ่งตอนนี้เงยหน้ามองหวังปาเทียนกันหมด แม้ว่าในสายตาพวกเขาจะมีความหวาดกลัว แต่พวกเขายังลุกขึ้นยืน!
ทว่ายังมีบางส่วนหลบสายตาค่อย ๆ เปิดตัวออกจากที่แห่งนี้! ในความคิดพวกเขา หากฉู่เหินกับหวังปาเทียนสู้กัน คงไม่ใช่เรื่องฉลาดเท่าไรที่จะเข้าร่วมกับฉู่เหินในตอนนี้ หลังจากคิด ๆ ดูแล้ว พวกเขาก็เลือกที่จะถอยออกมาด้านข้างก่อนดีกว่า
ที่นี่ไม่ใช่เมืองโบราณ ที่เมืองโบราณพวกเขาไม่มีทางเลือกมากนัก ถ้าเลือกเป็นมนุษย์ก็จะต้องสู้กับพวกซอมบี้ ดังนั้นระหว่างมนุษย์และซอมบี้พวกเขาย่อมเลือกที่จะอยู่ฝ่ายมนุษย์ อย่างไรก็ตามข้างนอกนั้นไม่เหมือนกัน อย่างในวันนี้พวกเขามีทางเลือกเยอะมาก ไม่คุ้มเลยกับการทำเพื่อฉู่เหินแล้วตัวเองต้องไปเสี่ยงอันตรายด้วย!
พอเห็นจู่ ๆ มีคนไม่น้อยถอยฉากออกไป ในใจของฉู่เหินก็พลันเย็นเฉียบ เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าก่อนหน้ายังร้องไห้ขอให้ตัวเองปกป้องเหล่านี้ มาตอนนี้กลับเลือกที่จะทรยศเสียแล้ว! สำหรับคนพวกนี้ฉู่เหินรู้สึกเสียใจจริง ๆ
ในขณะเดียวกันฉู่เหินก็รู้สึกโชคดี โชคดีที่วันนี้ตัวเองรู้จิตใจของคนเหล่านี้เร็วแบบนี้ ไม่งั้นหากพาพวกเขาเข้านิกายกิเลน ในอนาคตเกิดคนพวกนั้นมามีปัญหาเอาทีหลังคงแย่แน่
หลังจากหวังปาเทียนเห็นฉากนี้ ดวงตาของชายชราก็กรอกไปมาสักพัก ก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นว่ามีใครออกมาต้อนรับฉู่เหินเลย หรือก็คือเจ้าหนุ่มนี้มีความเป็นไปได้ที่เป็นแค่คนพนจรหรือไม่ก็เป็นคนของขุมอำนาจเล็ก ๆ เท่านั้น เมื่อเป็นแบบนี้ ขอเพียงตัวเองหาเหตุผลเหมาะ ๆ มาฆ่ามัน ถ้างั้นก็คงไม่น่าจะมีปัญหาหรอกมั้ง
ส่วนเหตุผลน่ะเหรอ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาคงจะหาเหตุผลมาลำบาก ทว่าตอนนี้มันช่างง่ายดายสำหรับเขา เห็นเพียงหวังปาเทียนมองไปที่พวกที่เพิ่งจะทรยศเหล่านั้น ในความคิดเขาคนพวกนี้นั้นกลัวตาย ขอเพียงพวกมันแวงกัด เท่านี้ก็สามารถทำให้เจ้าหนุ่มที่ชื่อฉู่เหินนี้ได้ลิ้มรส!
หลังจากคิดถึงตรงนี้เขาก็กรอกตาอย่างครุ่นคิด แล้วยื่นมือไปที่ทหารคนหนึ่งเพียงชั่วอึดใจ ก็เห็นเพียงทหารที่เพิ่งถอยห่างจากฉู่เหินถูกเขากำไว้ในมือ ในตอนที่เขากำมืออยู่นั้นทหารคนนั้นก็เรียกขอความช่วยเหลือจากฉู่เหินทันที!
เดิมฉู่เหินไม่อยากจะสนใจทหารคนนี้แล้ว แต่การที่หวังปาเทียนลงมือเขาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไร ดังนั้นพอเขาไตร่ตรองดีแล้วจึงได้เปิดปากขัดขวาง!
“ผู้อาวุโสหวัง อาศัยพลังวรยุทธ์ของคุณมีสร้างความลำบากให้กับผู้น้อยเหล่านี้ คุณไม่รู้สึกขายหน้ารึยังไง ท่านผู้อาวุโสปล่อยมือเถอะ!” หลังสิ้นประโยคนี้ของฉู่เหิน ใบหน้าของหวังปาเทียนก็ฉายความสงสัยออกมา
“ไอ้หนุ่ม นายยังปกติดีอยู่มั้ยเนี่ย ไอ้พวกนี้มันทอดทิ้งแกแล้วนะ ทำไมแกยังไงแบบนี้เพื่อมันอยู่อีก! มันคุ้มแล้วเหรอกับคนแบบนี้” คำพูดเหล่านี้หวังปาเทียนพูดออกมาจากใจ เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมฉู่เหินยังทำแบบนี้อยู่อีก! ตามหลักการแล้วตอนนี้ฉู่เหินควรจะเกลียดพวกมันเข้ากระดูกสิ แล้วทำไมยังพูดแบบนี้แทนพวกนี้อีก
“พวกเขาเองก็ไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ที่จากไปเพราะพวกเขาคิดว่าอยู่กับผมแล้วรู้สึกไม่ปลอดภัย จึงเลือกเพื่อชีวิตของตนเองซึ่งก็ไม่ผิด เหมือนกับพลังวรยุทธ์ของผู้อาวุโสนั้นจะมีใครกล้าเป็นปรปักษ์ด้วยกันล่ะ หากพูดตรง ๆ ว่าผมเองก็เป็นแค่ทหารคนหนึ่ง ยังไม่แน่ว่าผมอาจจะยืนอยู่ข้างหลังเหมือนกันก็ได้ ยังไงก็จะไม่ยื่นหัวออกมา เพราะมันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย”
ประโยคนี้ของฉู่เหิน หวังปาเทียนคล้ายจะเห็นต่าง ในความคิดของเขาชายหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นพวกไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน คิดไม่ถึงว่าจะพูดแบบนี้ทว่ายิ่งมันเป็นแบบนี้ ชายชราก็ยิ่งให้ความสำคัญกับฉู่เหินเพิ่มขึ้นอีกขั้น
“เจ้าหนุ่มนายนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ แต่ที่ทำให้ฉันรู้สึกประหลาดก็คือนายก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าขัดใจฉันแล้วจะก่อให้เกิดผลอะไร แล้วทำไมถึงยังต่อต้านฉันอีก!” นี้เป็นสิ่งที่หวังปาเทียนสงสัย ตามหลักการแล้วสถานะของตนในวันนี้ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนทุกคนก็ต้องประจบประแจง ใครจะกล้าพูดกับเขาแบบนี้บ้าง
“ก็เพราะตำแหน่งยังไงล่ะ! แม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่ได้เป็นนายพลของพวกเขาแล้ว แต่ก็เคยเป็นนายพลมาก่อน เพราะฉะนั้นที่ผมทำไปก็เพราะหน้าที่!” ฉู่เหินพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด สิ่งนี้ทำให้เหล่าผู้อาวุโสที่ปรากฏตัวเหล่านั้นต่างมองเขาด้วยสายตาชื่นชม
“นายนี้เป็นเด็กหนุ่มที่ฉันชอบจริง ๆ วัยรุ่นสมัยนี้ที่มีความกล้าหาญแบบนายช่างหาได้ยากแล้วจริง ๆ ไม่ว่านายจะเป็นคนของนิกายอะไร ถ้านายยินยอมล่ะก็มาเป็นลูกศิษย์ของฉันสิ!”
คนในที่นี้มองออกว่าตั้งแต่แรกหวังปาเทียนมีเจตนาเพื่อฆ่า! อย่างไรก็ตามตอนนี้กลับพูดประโยคนี้ออกมา เห็นได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกดีกับฉู่เหิน! พวกที่เพิ่งหนีไปเมื่อกี้ใบหน้าต่างก็เผยถึงความเสียใจเล็ก ๆ ในความคิดของพวกเขา ฉู่เหินไม่มีทางปฏิเสธแน่!
ทุกคนรู้ว่าหวังปาเทียนตรงหน้านี้ไม่เพียงแต่มีพลังวรยุทธ์สูงส่ง อีกทั้งนิกายของเขายังเป็นอันดับหนึ่งอีกด้วย จุดนี้สามารถดูได้จากการกระทำของผู้อาวุโสที่หลบอยู่เหล่านั้นต่อหวังปาเทียน ไม่ใช่ว่าหลังจากที่ผู้อาวุโสเหล่านี้ปรากฏตัวก็ก้มตัวให้กับหวังปาเทียนนั้นไม่ใช่หรือ
กระทั้งพอหวังปาเทียนจับกุมใครก็ตาม พวกที่ปกป้องพวกเขายังไม่กล้าโผล่หัวออกมาสักคน แค่นี้ก็ยืนยันได้ว่าหวังปาเทียนคนนี้มีสถานะที่แข็งแกร่งมาก!
“ต้องขอโทษผู้อาวุโสหวังด้วยจริง ๆ ผมมีนิกายและตระกูลของตัวเองแล้ว คงไม่อาจเข้าพรรคของคุณได้! แต่ว่าหากผู้อาวุโสมีใจต้องการรับลูกศิษย์ล่ะก็ ผมคิดว่าพวกเขาเหล่านี้ก็ไม่เลวเลย ขอให้ผู้อาวุโสไตร่ตรองดูก่อนเถิด” ฉู่เหินมองคนที่ทรยศเขาพวกนั้นแล้วพูดประโยคนี้
เดิมทีหวังปาเทียนก็หมายความเช่นนี้จริง ๆ แม้ว่าคนพวกนี้จะทรยศฉู่เหิน แต่ไม่ได้เท่ากับว่าคนพวกนี้ไม่มีอัจฉริยะ กลับกันคนเหล่านี้สามารถพูดได้ว่าเป็นอัจฉริยะทั้งสิ้น หากจะพูดจุดด้อยเพียงข้อเดียวก็คือพวกเขาไม่มีความจงรักภักดี ถึงเวลาก็สามารถทรยศกันได้
ทว่าหวังปาเทียนเชื่อว่าขอเพียงเขาแสดงอำนาจคนเหล่านี้ก็จะไม่กล้าอย่างแน่นอน แต่หลังจากได้ยินที่ฉู่เหินพูดในวันนี้ ชายชราก็ไม่อยากเก็บคนพวกนี้มาเป็นศิษย์อีกแล้ว ไม่งั้นตัวเองไม่กลายเป็นคนเก็บขยะรึ? เพราะแบบนี้สายตาของเขาก็ยิ่งจ้องฉู่เหินอย่างไม่ใจดีอีก
สวรรค์รู้ว่าที่ฉู่เหินพูดไปแบบนี้ไม่ได้มีเจตนาจะสื่อถึงอย่างอื่น เขารู้อยู่แล้วว่าหวังปาเทียนเป็นคนขี้ระแวง และไม่ทำอะไรวู่วาม ในความคิดของพวกเขาคนแบบนี้กับตัวเองนั้นเป็นตายเท่ากัน อย่างเช่นวันนี้ถ้าหากไม่มีที่พึ่ง การเข้าร่วมพรรคของหวังปาเทียนก็เป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกัน!
“หืม นี้นายมองว่านิกายของฉันเป็นอะไรที่เก็บขยะที่ใครก็สามารถเข้าได้งั้นเหรอ” หวังปาเทียนพูดอย่างโมโห เขาไม่สนใจฉู่เหินอีกแล้ว! กลับมองคนที่เพิ่งทรยศฉู่เหินเหล่านี้
“ตอนนี้ขอเพียงพวกนายบอกฉัน ว่าใครเป็นคนฆ่าลูกชายฉัน แล้วฉันจะไม่เอาชีวิตพวกนาย ถ้าไม่อย่างงั้นพวกนายก็เตรียมตัวตายวันนี้ได้เลย!” หลังจากคำพูดแสดงอำนาจของหวังปาเทียนส่งออกไป ก็ทำให้ใบหน้าคนพวกที่ทรยศฉู่เหินย่ำแย่ไปตาม ๆ กัน!
ในตอนแรกพวกเขาหนีออกมาจากกองทัพเยอะมาก ซึ่งทั้งหมดก็เพราะกลัวอีกฝ่าย แต่ไม่คิดว่าตอนนี้เรื่องราวกลับพลิกผัน หลังจากมองหน้ากันเองก็หันไปมองสายตาของอีกฝ่ายที่มีทั้งความโกรธและจนปัญญา
พวกเขารู้สึกเกลียดตัวเองที่เป็นแค่เบี้ยตัวเล็ก ๆ ชะตาชีวิตตัวเองกลับไม่ใช่ตัวเองกำหนด ตอนนี้อีกฝ่ายยัดของกลางใส่พวกเขา วันนี้พวกเขาคงต้องตายอยู่ที่นี่แน่ มีทางเดียวเท่านั้น คงมีแต่การโบ้ยให้กับฉู่เหินเท่านั่นที่เป็นทางออก!
ดังนั้นหลังจากพวกเขามองตากัน จู่ ๆ มีคนออกมาโดยไม่ลังเล “ผู้อาวุโสหวังถ้าพวกเราพูดแล้ว คุณจะปล่อยพวกเราไปจริง ๆ ” มีคน ๆ หนึ่งออกมาจากในกลุ่ม หลังจากพูดประโยคนี้จบคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าตามเขา