สุดยอดชาวประมง - บทที่ 410 เม่ยซานเหนียงและเหม่ยชิง
บทที่ 410 เม่ยซานเหนียงและเหม่ยชิง
บทที่ 410 เม่ยซานเหนียงและเหม่ยชิง
หลังจากทุกคนรู้ว่ามีองค์กรกำลังทดลองสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ อีกทั้งสัตว์กลายพันธุ์เหล่านั้นก็ทรงพลังถึงขั้นอาจจะยึดครองโลกได้เลยทีเดียว เมื่อทราบดังนั้นพวกเขาก็รู้สึกหวาดกลัว! ผู้คนต่างเริ่มแสดงอาการโกรธแค้นพวกนักวิทยาศาสตร์ที่ทดลองสัตว์กลายพันธุ์กลุ่มนั้น
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผู้คนที่ฆ่าสังหารสัตว์สัตว์ประหลาดกลายพันธุ์กลายเป็นวีรบุรุษในสายตาของผู้คนโดยรอบทันที แม้กระทั่งมีหลายคนคิดที่ว่าในประเทศมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่ พวกเขาเชื่อว่าเมื่อถึงตอนที่จนปัญญา ยอดฝีมือเหล่านี้ก็จะปรากฏตัว ไม่เพียงแค่ประชาชนส่วนใหญ่คิด แม้แต่ต่างประเทศเองก็มีความคิดในแบบเดียวกัน
ดูเหมือนว่าการกำจัดในครั้งนี้ได้สิ้นสุดแล้ว แต่ฉู่เหินรู้ว่านี้มันอย่างไม่จบอย่างแท้จริง เพราะยังไม่สามารถจับตัวคนทำได้ การหาตัวคนหนึ่งในโลกอันแสนกว้างใหญ่ใบนี้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากจริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นคน ๆ นี้ก็ยังสามารถเปลี่ยนใบหน้าได้นับครั้งไม่ถ้วน ตอนนี้มีลักษณะแบบไหนก็ไม่มีใครรู้เหมือนกัน ไม่ว่าในใจจะคิดยังไง เรื่องนี้ก็ทำได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ไปที่พม่า เพราะโป๋อีกู่ไปรับโจวหู่ที่พม่านั้นได้ผ่านไป 7-8 วันแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับข่าวคราวเลย
เมื่อทราบฉู่เหินจะเดินทางไปพม่า ฉู่ตงหลินกับเกาชิงหนานก็ทำท่าจะตามไปด้วย พวกเขารู้สึกไม่วางใจที่ลูกชายจะเดินทางไกล แน่นอนว่าเพราะพวกเขาเพิ่งจะได้พบลูกชายไม่นานนี้เอง วันเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันสั้นเกินไป! อีกอย่างพวกเขาเพิ่งจะเจอลูกชายแค่ไม่กี่ครั้ง อีกฝ่ายก็จะไปพม่าเสียอย่างงั้น แล้วแบบนี้จะให้พวกเขาสองคนจะทำใจได้ยังไง!
ทว่าฉู่เหินไม่ใจอ่อน ชายหนุ่มบอกพ่อแม่ว่าพวกเขาอายุเยอะแล้ว ถ้าเดินทางไปด้วยกันอาจจะต้องลำบากและเหน็ดเหนื่อยมาก ก่อนจะขอให้พวกเขาอยู่ที่บ้านเพื่อดูแลความปลอดภัยเสี่ยวชิง เพราะในท้องของเสี่ยวชิงยังมีเลือดเนื้อของตระกูลฉู่อยู่ ด้วยเหตุผลนี้พวกเขาเลยไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังให้สี่ราชาตามเขาไปด้วย!
นอกจากสี่ราชาแล้ว ผู้ร่วมทางนั้นยังมีฮาวโยวอีกคน เดิมทีฉู่เหินจะให้ฮาวโยวอยู่ที่นี่เพื่อฝึกฝนพลังต่อไป แต่พูดยังไงชายหนุ่มก็ไม่ยอม ตามที่ฮาวโยวบอก การฝึกฝนพลังวรยุทธ์ที่ดีที่สุดก็คือติดตามข้างกายฉู่เหิน สุดท้ายฉู่เหินก็ไม่รู้จะทำยังไง เขาจึงปล่อยไป อยากตามมาก็ตามใจ!
ครั้งนี้ฉู่เหินต้องไปจัดการอีกหลายเรื่องมากมาย นอกจากไปพม่าเพื่อหาทั้งสองคนแล้ว ชายหนุ่มยังต้องไปเมืองหยุนกุ้ยเพื่อดูอาการบาดเจ็บของซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ด้วย ไม่รู้ว่าว่าตอนนี้เธอพักฟื้นไปถึงไหนแล้ว หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ ฉู่เหินก็ว่าจะไปสุสานต่อ เขาสัมผัสได้ว่าที่นั่นคล้ายจะมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ตอนนี้พลังวรยุทธ์ของตัวเองเลื่อนขั้นแล้ว ดังนั้นเขาเลยอยากจะไปดูสักหน่อย
เดิมด้วยความสามารถของสี่ราชานั้นสามารถพาฉู่เหินบินไปได้ แต่ฉู่เหินไม่เห็นด้วย ในเมื่ออยู่ในโลกมนุษย์ก็ควรทำตามกฎของธรรมชาติ ต้องเข้าใจว่าตอนนี้เทคโนโลยีได้เจริญก้าวหน้ามากแล้ว ถ้าพวกเขาบินไปอาจจะถูกดาวเทียมจับภาพไว้ได้ ในเมื่อไปเองได้ก็ไม่ควรหาเรื่องยุ่งยาก
อีกอย่างนั่งเครื่องบินมาที่พม่าก็ใช้เวลาไม่นาน ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน พอมาถึงพม่าก็เย็นแล้ว จากนั้นก็หาโรงแรมอยู่แห่งหนึ่ง ก่อนที่วันถัดมาจึงจะเริ่มการค้นหา พวกเขาพากันคาดเดาที่ ๆโป๋อีกู่และโจวหู่น่าจะอยู่!
ตามข่าวที่ไปตรวจสอบมา พวกเขาจึงได้รู้ว่าที่พม่านั้นมีโรงงานมรกตอยู่แห่งหนึ่ง โรงงานมรกตนี้คล้ายจะยอดเยี่ยมมาก โรงงานมรกตมีเจ้าของคนใหม่คนหนึ่ง ที่บอกว่าเจ้าของคนใหม่ต้องบอกว่าเขาเป็นคนเข้ามาควบคุมมากกว่า
ไม่รู้เหมือนกันว่าคน ๆ นี้ใช้วิธีอะไร ถึงได้สามารถแย่งกิจการโรงงานมรกตที่มีอายุมากกว่าร้อยปีมาอยู่ในมือตัวเองได้ หลังจากฉู่เหินไตร่ตรองอย่างละเอียด ชายหนุ่มก็คิดว่าคน ๆ นี้ต้องเกี่ยวข้องกับชายชราที่ควบคุมสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์อย่างแน่นอน
แม่ว่าลักษณะภายนอกของทั้งสองคนจะไม่คล้ายกัน แต่หลังจากฉู่เหินไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ชายหนุ่มก็พบว่าการที่โรงงานมรกตมาอยู่ในมือคน ๆ นี้ ไม่ปกติ! ดังนั้นฉู่เหินจึงคิดว่าที่นี่มีปัญหา
ชายหนุ่จึงให้โจวหู่มาตรวจสอบ และแล้วเขาก็พบว่าที่แห่งนี้มีลับลมคมในจริง ๆ เพียงแต่ว่าไม่ทันไร โจวหู่กลับเจอเข้ากับเหม่ยชิงเสียก่อน ด้วยความจนปัญญา ดังนั้นเขาเลยส่งโป๋อีกู่มารับ เดิมด้วยพลังวรยุทธ์ของโป๋อีกู่อย่างไรก็ไม่น่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นได้ ดังนั้นโอกาสที่ภารกิจครั้งนี้จะผิดพลาดจึงมีแค่หนึ่งในหมื่นเท่านั้น
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้โป๋อีกู่กลับขาดการติดต่อกับฉู่เหินไปเสียอย่างงั้น เขาติดต่อกลับมาเมื่อหนึ่งวันก่อนตอนเย็น ๆ ข้อความสั้น ๆนั้นอ่านแล้วไม่เข้าใจสักนิด เพราะจู่ ๆ อีกฝ่ายก็ส่งข้อความมาให้ฉู่เหินว่า ให้ฉู่เหินดูแลครรภ์ให้ดี ๆ อย่าให้กระทบกับครรภ์ได้
เพราะเรื่องนี้ฉู่เหินเลยสงสัย เขาคิดว่าโป๋อีกู่กำลังมีปัญหา สภาพแวดล้อมจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน เขาอาจจะถูกคนอื่นบังคับให้ส่งข้อความถึงได้ส่งอะไรแบบนี้มา
ฉู่เหินพยายามคาดเดาเรื่องที่เกิดขึ้น เพียงแต่ที่เขาเดาผิดก็คือตอนนี้โป๋อีกู่กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีกว่าที่ตัวเองคาดเดาเสียอีก
ภายในวันนั้นเอง ในที่สุดโป๋อีกู่ก็หาโจวหู่พบในเวลาไม่นาน พวกเขามีวิธีติดต่อกันแบบพิเศษ ดังนั้นไม่ต้องไปหาสถานที่ก็เจออีกฝ่ายได้อย่างง่าย ๆ หลังจากนั้นเขาก็นึกว่าอาศัยพลังวรยุทธ์ของตัวเองพาโจวหู่ไปได้อย่างง่ายดาย
เพียงแต่มีสิ่งที่ทำให้โป๋อีกู่คิดไม่ถึงก็คือ หลังจากเขาเพิ่งจะปรากฏตัว เดิมจากที่โจวหู่ถูกหญิงแก่นั้นไล่ล่า จู่ ๆ หญิงแก่นั่นก็ปล่อยเสียงหัวเราะอันชั่วช้าออกมา และหลังจากนั้นด้านหลังของเขาก็มีเงาร่างสองสามคนโผล่ออกมาในความว่างเปล่า ซึ่งคนเหล่านั้นที่ออกมาก็ล้วนแต่มีพลังขั้นต่ำสุดอยู่ที่ขั้นจักรพรรดิดารา!
เมื่อเป็นแบบนี้ อาศัยแค่เขาคนเดียวก็คงไม่มีทางจัดการกับสองสามคนนี้ได้อยู่แล้ว ไหนจะต้องพาโจวหู่หนีไปด้วยอีก ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ ทว่ายังไม่ทันไรเขาก็สัมผัสได้ว่าแม้จะถูกสองสามคนนี้ขวางเอาไว้ แต่ทว่าพวกมันกลับไม่ลงมือเสียที คล้ายกับกำลังรออะไรบางอย่าง!
โป๋อีกู่คิดว่าตัวเองคงจะเป็นเหยื่อล่อ พวกเขารอที่จะจับปลาตัวใหญ่ และปลาตัวใหญ่ที่ว่านั้นก็น่าจะเป็นฉู่เหินนั้นแหละ!
ดังนั้นตอนแรกโป๋อีกู่จึงเตรียมจะติดต่อฉู่เหิน เพียงแต่ว่าคนพวกนี้กลับเข้มงวดเกินไป พวกมันไม่ให้โอกาสโป๋อีกู่เลย ด้วยความจนปัญญาเขาจึงทำได้เลยส่งข้องความสั้น ๆ ไป อีกทั้งกระบวนการทั้งหมดยังถูกควบคุมไว้อีกต่างหาก
และก็เพราะแบบนั้นเอง ฉู่เหินถึงได้รับข้อความแปลก ๆ แบบนี้ แต่ทว่านั่นกลับยิ่งทำให้ชายหนุ่มมั่นใจว่าต้องเกิดเรื่องกับโป๋อีกู่อย่างแน่นอน ไม่งั้นอีกฝ่ายก็คงไม่บอกกระทั่งเวลาที่ส่งหรอก
แต่ที่ทำให้โป๋อีกู่รู้สึกแปลกใจก็คือ หลังจากเหม่ยชิงเห็นตัวเองถูกควบคุมเอาไว้ ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป เพราะจู่ ๆ ภาพลักษณะภายนอกของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน จากหญิงชราผมขาวก็กลายเป็นสาวแรกรุ่นคนหนึ่ง
ถ้าฉู่เหินอยู่ที่นี่จะต้องรู้จักแน่ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เธอก็คือเม่ยซานเหนียง! เพียงแต่คนตรงหน้าจะเหมือนเม่ยซานเหนียง แต่วิญญาณกลับเป็นเหม่ยชิง!
ถ้าคนที่ไม่เคยทราบเรื่องราวมาก่อน เห็นฉากนี้ไปแล้วจะต้องตกใจอย่างแน่นอน รวมทั้งโป๋อีกู่ก็ด้วย! แต่ว่าไม่นานเขาก็สงบสติอารมณ์ได้ หลังจากกันก็นั่งลงกับพื้นพร้อมกับโจวหู่สองคน แล้วค่อย ๆ ฝึกฝนพลังตรงนี้เลย! ในเมื่ออีกฝ่ายอยากให้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ตอนนี้พวกนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลงมือ ถ้างั้นไม่สู้ใช้เวลานี้ฝึกฝนพลังยุทธไปเลยล่ะ!
หลังจากมาถึงพม่า ฉู่เหินก็พาทุกคนเดินเตร่ไปบนถนนใหญ่ เวลาไม่นานเขาก็มองเห็นสัญลักษณ์ที่โป๋อีกู่ทิ้งไว้ จากนั้นก็เดินตามสัญลักษณ์ไปตามทางที่โป๋อีกู่ทิ้งไว้อย่างรวดเร็ว! แต่ยิ่งชายหนุ่มเดินไปข้างหน้าเท่าไร เขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากยืนอยู่ตรงจุดนั้น และกวาดสายตาไปรอบ ๆ ในที่สุดชายหนุ่มก็รู้แล้วว่าอะไรที่ผิดปกติ ว่าแล้วฉู่เหินก็เปลี่ยนทิศทาง เขาเลิกตามโป๋อีกู่ต่อ แต่กลับมองหาสถานที่ ๆ เงียบสงบก่อนจะแยกตัวออกมาแทน