สุดยอดชาวประมง - บทที่ 414 เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง
บทที่ 414 เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง
บทที่ 414 เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง
ที่จริงค่ายกลเคลื่อนย้ายใช้หลักการเดียวกับอวกาศและเวลา เพียงแค่อวกาศและเวลานั้นเป็นวิชาที่ลึกซึ้งมาก ถ้าอยากจะศึกษาจนเข้าใจอย่างถ่องแท้ล่ะก็ ใช้เวลาพันปีก็ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย!
อีกทั้งการสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายแบบนี้ โดยเฉพาะกับค่ายกลแม่ เห็นจะไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายขนาดนั้น หากต้องการสร้างค่ายกลแม่ให้สำเร็จ จำเป็นต้องศึกษาอวกาศและเวลาถึงจะสามารถทำได้ ตอนนี้ความรู้เรื่องอวกาศและเวลาของฉู่เหินนั้นแทบไม่มีความเป็นไปได้เลยที่เขาจะทำค่ายกลแบบนี้ขึ้นมาได้
แต่หลังจากชายหนุ่มทะลวงขั้นราชันดาราได้แล้ว มีช่วงหนึ่งที่ฉู่เหินกลับไปเช็คของในแหวน ครั้งนี้เขาได้พบเข้ากับโต๊ะที่พิเศษมาก ๆ ตัวหนึ่ง! โต๊ะตัวนี้เป็นโต๊ะที่ชายหนุ่มเจอในถ้ำงูพิษ ทว่าตอนนั้นเขานึกว่าโต๊ะตัวนี้ไม่มีประโยชน์อะไรมาโดยตลอด
ตอนแรกฉู่เหินเข้าใจว่าเป็นเพราะวัสดุล้ำค่าบางอย่างที่ทำให้โต๊ะตัวนี้ดูน่าสนใจ แต่หลังจากเขาเลื่อนขั้นราชันดารา ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ว่าโต๊ะตัวนี้เต็มไปด้วยพลังของค่ายกล หลังจากเขาใช้เวลาศึกษาโต๊ะตัวนี้อย่างละเอียด ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ก็ทำให้รู้ว่าโต๊ะตัวนี้มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นค่ายกลเคลื่อนย้าย อีกทั้งยังเป็นตัวแม่อีกด้วย!
เมื่อเขาได้พบกับค่ายกลตัวแม่แล้ว ฉู่เหินจึงใช้เวลาหลังจากนั้นในการศึกษามันอีกหลายวัน ในที่สุดก็สร้างค่ายกลตัวลูกออกมาได้ ตอนนั้นเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายของตัวเองใช้ได้จริงหรือเปล่า และสามารถใช้ได้ไกลขนาดไหน ครั้งนั้นชายหนุ่มจึงลองส่งผู้เฒ่าตระกูลฉู่กลับบ้านตระกูลฉู่ไป
ค่ายกลเคลื่อนย้ายแบบนี้ ตัวแม่เป็นกุญแจสำคัญ ถ้าค่ายกลตัวลูกมีการเคลื่อนไหวและฝั่งของตัวแม่เกิดการผิดพลาดขึ้น ถ้างั้นมันก็เหมือนกับการส่งคนคนนั้นไปตาย
จุดที่ฉู่เหินได้วางค่ายกาลตัวแม่มีด้วยกันสองที่ อันหนึ่งคือที่นิกายกิเลน ส่วนอีกทีก็คือบ้านตระกูลฉู่! พอดีกับที่ตอนนี้ผู้เฒ่าตระกูลฉู่อยู่ข้างกายเขา ดังนั้นฉู่เหินจึงจำเป็นต้องให้ผู้เฒ่าเป็นคนลงมือ ดังนั้นต่อให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็น่าจะยังสามารถช่วยชีวิตทุกคนได้!
บนเทือกเขาตระกูลฉู่ เดิมมีพวกผู้บุกรุ่กต่างเร่งรีบจะไปยังจุดศูนย์กลางของเกาะ แต่ทว่าจู่ ๆ พวกเขาก็สัมผัสได้ว่าเหนือศีรษะของตัวเองคล้ายจะมีอะไรบางอย่าง ดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนที่พวกเขาจะเห็นเข้ากับวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่เกิดจากค่ายกลปรากฏขึ้นเหนือหัว วงเวทย์ค่ายกลที่ว่านี้มีดาบลอยอยู่มากมายเต็มไปหมด
ดาบพวกนั้นพากันเคลื่อนตัว ก่อนที่จะเข้ามาล้อมรอบผู้บุกรุกเอาไว้ ทันทีที่ดาบหยุดนิ่ง รังสีฆ่าฟันก็พลันปะทุขึ้นอย่างดุเดือด! พอพวกเขาเห็นดังนั้นก็ตระโกนว่าไม่ดีแล้ว พวกผู้บุกรุกรู้ตัวแล้วว่าตัวเองกับคนอื่น ๆ กำลังถูกซุ่มโจมตี หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบป้องกันตัวเองพร้อมกับเตรียมตั้งท่าจะหนีออกไป! แต่ทว่ามันก็สายไปเสียแล้ว รัศมีดาบที่มากมายจนมืดฟ้ามัวดินได้ล้อมกรอบผู้บุกรุกพวกนี้เอาไว้ทุกทางแล้ว
แต่ถึงอย่างงั้นคนพวกนี้ก็เป็นยอดฝีมือ พวกเขาต่างสร้างเกาะป้องกันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่วนโจมตีกลับไป
ในเวลาเดียวกันนั้น ขณะที่พวกเขาโจมตีกลับไป ผู้บุกรุกบางคนที่อยู่ในนั้นก็ได้อาศัยจังหวะดังกล่าวในการส่งข่าวไปข้างนอกเพื่อขอความช่วยเหลือ แท้ที่จริงแล้วการบุกรุกครั้งนี้ไม่ได้มีแค่พวกเขา ที่ด้านนอกยังมีคนคอยเฝ้าระวังอยู่ด้วยเช่นกัน
หลังจากคนที่เฝ้าระวังด้านนอกได้รับข่าว พวกเขาก็เร่งรีบพุ่งตรงเข้ามาภายในบ้านตระกูลฉู่เพื่อช่วยเหลือพวกพ้องทันที ทั้งสองฝ่ายที่กำลังคุมเชิงกันอยู่ภายใต้ค่ายกลจูเซียนเจิน เมื่อมีคนกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มดาหน้ากันเข้ามาแบบนี้ ค่ายกลจูเซียนก็คล้ายจะต้านเอาไว้ไม่อยู่
หลังจากคนในตระกูลฉู่ที่อยู่เฝ้าเห็นฉากนี้ พวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าย่ำแย่ออกมา อันที่จริงแล้วเมื่อได้รับข่าวจากฉู่เหิน คนในตระกูลฉู่ก็ได้รวมตัวกันเพื่อจัดตั้งค่ายกลเอาไว้แล้ว
แต่การที่มีคนกว่าร้อยคนบุกรุกมาเช่นนี้ นี่นับเป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่จำนวนคนเพียงน้อยนิดของตระกูลฉู่จะต้านไว้ได้
อีกทั้งยังมีบางคนในกลุ่มพวกเขาที่ไม่ใช้พลังออกมาอย่างเต็มที่ คนพวกนี้คือผู้ทรยศที่แฝงตัวอยู่ในตระกูล! ซึ่งทางด้านฉู่เหินเองก็ได้ส่งข่าวเกี่ยวกับคนทรยศมาให้พวกเขาก่อนหน้านี้แล้ว
แท้จริงแล้วฉู่เหินก็อยากให้คนทรยศที่อยู่ในตระกูลปรากฏตัวออกมาเช่นเดียวกัน การต่อสู้ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ดังนั้นฉู่เหินจึงจัดแจงนัดแนะกับผู้เฒ่าฉู่เสียจนเสร็จสรรพเพื่อดึงคนทรยศออกมาจากตระกูล และแผนการครั้งนี้ต้องห้ามผิดพลาดเด็ดขาด!
ในตอนที่อีกฝ่ายพ่ายแพ้ ผู้เฒ่าฉู่ก็ได้ลงมืออย่างไร้ความเมตตา นี้อาจดูไม่เป็นธรรมกับคนที่ถูกเข้าใจผิดนัก แต่ผู้เฒ่าฉู่แห่งตระกูลฉู่ก็ยอมเลือกที่จะฆ่าคนผิดดีกว่าปล่อยคนทรยศออกไป ว่าแล้วชายชราก็พลันลงมือกับคนในตระกูลฉู่ที่น่าสงสัยอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้ฆ่าพวกมันเลยในทันที ผู้เฒ่าฉู่เพียงแค่ปิดผนึกพลังวรยุทธ์ของพวกมันไว้ เพื่อรอให้เรื่องทุกอย่างจบก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาไต่สวนอย่างละเอียดอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาทรยศไปทำไม แต่ทรยศก็คือทรยศ ต่อให้เพียงครั้งหนึ่งหรือสองครั้งมันก็ไม่ต่างกัน ยังไงเสียคนตระกูลฉู่ก็เกลียดชังพวกคนทรยศเข้ากระดูกอยู่แล้ว
ผู้อาวุโสฉู่ลงมืออย่างโหดเหี้ยม ทำให้คนตระกูลฉู่ที่เหลือต่างก็รู้สึกหวาดกลัว พวกเขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมจู่ ๆ ผู้เฒ่าฉู่ถึงได้ลงดาบกับคนเหล่านี้!
“ทุกคน ไม่จำเป็นต้องกลัว คนที่โดนจัดการคือพวกที่น่าสงสัย พวกเขาทั้งหมดเป็นคนทรยศที่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ปกติคนตระกูลฉู่จะปฏิบัติกับทุกคนยังไง ทุกคนคงจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ดังนั้นฉันจึงหวังว่าทุกคนจะอยู่ในความสงบ และหันกลับไปรับมือพวกศัตรูต่อ รอให้เรื่องนี้จบลงแล้วฉันจะอธิบายให้ทุกคนฟังเอง!”
หลังจากได้ยินผู้เฒ่าฉู่พูดแบบนี้ มีหลายคนที่แม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมา แต่ในใจกลับมีแผนอยู่ พลังของศัตรูนั้นแข็งแกร่งมาก อาศัยพวกเขาตรงนี้จะสามารถขัดขวางพวกมันได้จริงเหรอ
ตอนนี้คนตระกูลฉู่เป็นดั่งตั๊กแต่นบนเชือก ตัวเองบินไม่ได้ก็กระโดดไปหาอีกฝ่ายไม่ได้เช่นกัน* ถ้าครั้งนี้ตระกูลฉู่พ่ายแพ้ล่ะก็ พวกเขาที่เป็นคนใช้ตระกูลฉู่ต้องไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีแน่ อีกฝ่ายดูท่าจะมาเพื่อสังหารเพียงอย่างเดียว คงไม่มีทางไว้ชีวิตพวกตน คิดได้ดังนั้น พวกเขาก็พากันทุ่มพลังทั้งหมดที่มีเพื่อขัดขวางอีกฝ่ายในทันที
*หมายถึง เมื่อลงเรือลำเดียวกันเป็นพวกเดียวกันจะหนีก็ไม่ได้ จะย้ายฝั่งก็ไม่ได้เช่นกัน
แต่อาศัยเพียงพลังของพวกเขา หากต้องการจะหยุดยอดฝีมือด้านนอกทั้งหมดนั้น เห็นทีคงจะเป็นไปไม่ได้ หนึ่งคือพวกเขาคนน้อย สองพลังวรยุทธ์ก็ไม่สูงขนาดนั้น! แม้ว่าพวกเขาจะมีของวิเศษอย่างค่ายกลจูเซียนเจิน แต่ทว่าค่ายกลจูเซียนเจินกลับไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้นแล้วในตอนนี้ พวกเขาดึงพลังของค่ายกลออกมาไม่ถึงหนึ่งในพันของพลังทั้งหมดด้วยซ้ำ
แม้ว่าจะเป็นเพียงพลังหนึ่งในพันของทั้งหมด แต่มันก็สามารถสร้างความสั่นสะเทือนให้แก่ทุกคนได้ ไม่งั้นทางด้านตระกูลฉู่คงไม่เลือกใช้ค่ายกลนี้หรอก! เดิมทั้งสองฝ่ายกำลังคุ้มเชิงกันอยู่ แต่หลังจากที่มีคนข้างนอกมาสนับสนุน พวกคนตระกูลฉู่ก็ดูจะเริ่มรับมือไม่ไหวแล้ว! เมื่อเห็นดังนั้น ผู้เฒ่าฉู่จึงเตรียมจะเข้าไปช่วยด้วยอีกแรง แต่ทว่าเขากลับถูกผู้อาวุโสอีกคนขวางเอาไว้
ผู้ที่ขวางเอาไว้คือคนจากตระกูลฉู่เช่นกัน! ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเรื่องที่ฉู่เหินเคยเตือนพวกเขาไว้ก่อนหน้า ไม่ว่าจะยังไงพวกเขาก็ห้ามลงมือเด็ดขาด! เพราะนั่นอาจไปเร่งปฏิกิริยาค่ายกล ถ้ามันทำงานเมื่อไหร่จะต้องเกิดหายนะขึ้นแน่ ถ้าถึงตอนนั้น แม้แต่โอกาสรอดก็คงไม่มี!
ดังนั้นแม้ว่าผู้อาวุโสของตระกูลฉู่จะเห็นถึงอันตรายอย่างชัดเจน แต่เขาก็ทำได้เพียงมองอย่างร้อนรนเท่านั้น และในขณะที่หัวใจของพวกเขากำลังกระวนกระวายอยู่นั้น อยู่ ๆ พวกเขาก็พบว่ามีพลังประหลาดเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลังของตัวเอง ทันทีที่หันกลับไปดู พวกเขาก็พบว่าค่ายกลตัวแม่ที่ฉู่เหินวางเอาไว้กำลังส่องแสงสว่างแสบตาออกมา
ผู้อาวุโสตระกูลฉู่ต่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาพากันตกอกตกใจ แต่ทว่าในตอนนั้นเอง มันก็เป็นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผู้บุกรุกจากด้านนอกทั้งสองกลุ่มได้ฝ่าค่ายกลจูเซียนเจินเข้ามาได้แล้ว คนตระกูลฉู่ที่อยู่ด้านล่างเมื่อเห็นดังนั้นก็พากันร้อนใจขึ้นมา ใจหนึ่งพวกเขาก็อยากจะช่วย แต่อีกใจก็กลัวว่าแผนจะพัง ไม่ว่าทางไหนก็เลือกไม่ได้สักอย่าง
ท่ามกลางความร้อนใจของทุกคน ท่ามกลางแสงสว่างจากภายในค่ายกลตัวแม่ก็พลันปรากฏเงาร่างหนึ่งเดินออกมา แม้ว่าพวกที่ออกมานั้นจะมีหลายคนที่พวกเขาไม่รู้จัก แต่คนที่นำอยู่หน้าสุดก็คือผู้เฒ่าแห่งตระกูลฉู่ของพวกเขานั่นเอง!