สุดยอดชาวประมง - บทที่ 415 สองกลุ่มผู้โง่เขลา
บทที่ 415 สองกลุ่มผู้โง่เขลา
บทที่ 415 สองกลุ่มผู้โง่เขลา
“มาได้พอดีเลย รีบมาช่วยทางนี้เร็ว ๆ เข้า!” ผู้เฒ่าที่เฝ้าความปลอดภัยประจำตระกูลฉู่พอเห็นพวกเขากลับมาแล้วก็รีบเร่งให้อีกฝ่ายเข้ามาช่วยทันที!
ต้องเข้าใจว่าคนที่เข้ามาเสริมนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกล ไม่เป็นกำลังของตระกูลฉู่ก็เป็นคนของนิกายกิเลน! เมื่อคนพวกนี้เห็นว่าสถานการณ์ฝั่งตระกูลฉู่กำลังย่ำแย่ พวกเขาจึงไม่พูดไม่จาแล้วพุ่งตรงไปทันที!
เมื่อเห็นดังนั้นผู้เฒ่าฉู่จึงออกคำสั่งให้คนอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบถ่ายเทพลังปราณของตัวเองลงไปในค่ายกลเพิ่มอีก! ค่ายกลนี้มีพื้นฐานเป็นค่ายกลจูเซียนเจิน เมื่อใส่พลังไปที่ค่ายกล แผ่นภาพค่ายกลก็คล้ายจะปล่อยแผนภาพค่ายกลอีกอันออกมา ค่ายกลอันนี้แบ่งพลังเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งดูท่าจะมีไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองพวกคนที่อยู่ข้างใน ส่วนที่สองคือพลังทำลายล้างที่กำลังพวยพุ่งออกไปสังหารผู้บุกรุกด้านนอก!
ตามที่เขาว่ากันมา ค่ายกลจูเซียนเจินนั้นเดิมทีมีทั้งหมด 6 รูปแบบ หนึ่งในรูปแบบเหล่านั้นทรงพลังเสียจนว่ากันว่าสามารถทำลายล้างโลกได้! ตลอดมาจนถึงตอนนี้ตระกูลฉู่สามารถใช้งานค่ายกลรูปแบบที่หนึ่งนี่ได้เพียงแค่หนึ่งในพันจากพลังของมันเท่านั้น! แต่แม้จะเป็นแบบนั้น ทว่าพลังของมันก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
เดิมทีมีคนเฝ้าระวังที่ตระกูลไม่เยอะมากนัก เพราะแต่เดิมตระกูลฉู่ก็ไม่ถือว่ามีคนเยอะอยู่แล้ว แถมยังมีส่วนหนึ่งที่ออกไปช่วยฉู่เหินข้างนอกอีก ดังนั้นคนเฝ้าระวังอยู่เกาะจึงยิ่งมีน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ผู้บุกรุกคงไม่กล้ามาท้าทายคนตระกูลฉู่อย่างงี้หรอก!
ที่บ้านตระกูลฉู่ไม่เพียงแค่คนในสกุลเดียวกันเท่านั้น แม้แต่ผู้อารักขาของพวกเขาก็ยังมีพลังวรยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา วันนี้พวกเขาถือโอกาสตอนที่บ้านตระกูลฉู่ว่างเปล่า อาศัยการร่วมมือกันระหว่างสองพรรคเข้ามาโจมตีที่นี่! วันนี้พวกผู้บุกรุกเกือบทำสำเร็จแล้ว อีกเพียงก้าวเดียวพวกเขาก็จะสามารถทะลวงค่ายกลได้แล้ว!
พวกผู้บุกรุกพากันทุ่มพลังเพื่อทะลวงค่ายกล คนพวกนี้ต่างอาศัยความมั่นใจในพลังวรยุทธ์ของตัวเองในการทะลวง พวกเขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าถ้าฝ่าไปได้ พวกคนตระกูลฉู่ด้านในก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้ว!
หลังจากคิดถึงตรงนี้ ผู้บุกรุกด้านนอกต่างก็ยิ่งระเบิดพลังของตัวเองออกมาอย่างบ้าคลั่ง กำแพงค่ายกลตรงหน้าทำท่าจะปริแตกแล้ว! พวกเขาพากันจินตนาการถึงใบหน้าอันหวาดผวาของผู้คนด้านใน เมื่อคิดแบบนั้นพวกเขาก็รู้สึกมีความสุขแล้ว!
แต่ทว่าค่ายกลที่เดิมอ่อนแอ จู่ ๆ กลับแข็งแกร่งขึ้นมา! รอยปริแตกที่ว่าค่อย ๆ ผสานกลับอย่างช้า ๆ ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้ผู้คนด้านนอกต่างก็รู้สึกไม่ยินยอมขึ้นมา! ในใจของพวกเขาคิดหรือว่าตระกูลฉู่จะยังมีเบื้องหลังอะไรอีก?
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขาเข้ามาในค่ายกลลึกเกินกว่าที่จะออกไปง่าย ๆ แล้ว แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดคือพวกเขายังมีความมั่นใจเชื่อว่าถ้าพวกเขาระเบิดพลังวรยุทธ์ออกมาอีกจะสามารถทำให้ค่ายกลนี้ระเบิดได้
เดิมเหล่าผู้อาวุโสตระกูลฉู่ต่างก็รู้สึกกังวลไม่น้อย ทว่าตอนนี้พวกเขากลับสงบใจลงได้แล้ว! พวกผู้เฒ่าตระกูลฉู่พากันแบ่งสมาธิไปที่ค่ายกลส่วนหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งก็แบ่งไปยังสถานที่เกิดเหตุ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้ผู้บุกรุกด้านนอกรับรู้ได้ในทันที!
ผู้เฒ่าฉู่ที่แบ่งสมาธิ ตอนนี้ชายชรากำลังมองคนพวกนี้ด้วยความสงสัย เป็นเพราะเขาสัมผัสถึงลมปราณจากคนพวกนี้ไม่ได้เลย แต่ถึงอย่างงั้น ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ดังนั้นชายชราจึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ!
ต่อมาค่ายกลตัวแม่ก็เกิดปฏิกิริยา มันส่องแสงออกมาไม่หยุด ทุกครั้งที่มีแสงสว่างก็จะมีคนปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าพวกเขา หลังจากที่คนเหล่านี้ปรากฏตัว พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ ที่พม่าคนพวกนี้ไม่ได้ลงมือเลย นั่นจึงทำให้ในใจของพวกเขาเก็บกดมันมาโดยตลอด ในที่สุดพวกเขาก็เจอที่ให้ระบายอารมณ์แล้ว!
ค่ายกลตัวลูกไม่ใช่ว่าไม่มีข้อจำกัด มันมีการเคลื่อนย้ายที่มีจำนวนครั้งที่แน่นอน! ซึ่งถ้าเกินจำนวนครั้งที่มันสามารถย้ายได้แล้ว ค่ายกลตัวลูกก็จะสลายไป! คนที่เข้าใจเรื่องอวกาศและเวลาสร้างค่ายกล พวกเขาจะสามารถสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ 10-20 ครั้ง ดังนั้นแล้วการที่คนอย่างฉู่เหินสร้างค่ายกลนี้ขึ้นมาให้เคลื่อนย้ายได้ถึง 5-6 ครั้งก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
เดิมคนที่มาช่วยสนับสนุนฉู่เหินรวมกันแล้วมี 400-500 คน คนพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือ แต่แม้จะเป็นอย่างนั้น อีกฝ่ายกลับมีจำนวนถึง 1,000 กว่าคน ไม้ซี่งัดไม้ซุงแท้ ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ฉู่เหินก็คงไม่คิดแผนการหนีหรอก
ชายหนุ่มสร้างค่ายกลลูกอันนี้ใหญ่พอสมควร ครั้งนี้มันสามารถจุคนได้ 100 กว่าคนในหนึ่งรอบ ด้วยวิธีนี้จึงใช้แค่ 3-4 ครั้งก็เพียงพอแล้ว! ทว่าฉู่เหินไม่แน่ใจว่าค่ายกลลูกสามารถใช้ได้กี่ครั้ง ถ้าตัวเองและคนอื่นถูกส่งมาแล้ว และค่ายลูกยังคงเดิมอยู่ ดูท่าจะไม่ดีแน่
แต่ถ้าตัวเองยังไม่ทันเคลื่อนย้ายหมดแล้วหายไป นั่นยิ่งแย่กว่าอีก! ดังนั้นแม้ว่าจะคนที่นี่จะสูญหายไปเรื่อย ๆ แต่ตั้งแต่ต้นในใจของฉู่เหินก็ได้วางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากเคลื่อนย้ายคนได้ 3 กลุ่ม ผู้คนที่เหลืออยู่โดยรอบก็มีกันไม่ถึงร้อยคน ในตอนนี้เองที่จู่ ๆ ค่ายกลก็เกินแสงสว่างที่มากกว่าเดิมออกมา!
เมื่อเห็นแสงสว่างนั่น ในใจฉู่เหินก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาจะส่งคนมาที่นี่ ? ทว่าในตอนนี้เอง ด้านนอกก็ได้เกิดเสียงอึกทึกครึกโครมขึ้น ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าพวกคนด้านนอกกำลังเข้าโจมตีค่ายกลของเขาอยู่ ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว
ฉู่เหินตอนนี้ไม่กล้าเฝ้ารอต่อไป ถ้าขืนอยู่นานกว่านี้พวกเขาอาจตายได้ ว่าแล้วชายหนุ่มจึงสั่งคนทั้ง 180 คนรีบมายืนใกล้ ๆ ค่ายกล! หลังจากนั้นก็พลันเกิดแสงสว่างและเงาร่างของทุกคนก็หายไป เมื่อฉู่เหินและคนอื่น ๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง พวกเขาก็พบว่าได้มาถึงบ้านตระกูลฉู่แล้ว!
หลังจากมาถึงฉู่เหินก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มรีบเข้าไปช่วยในทันที ต่อมาพวกที่เหลือก็ได้เข้ามาช่วยเรื่องค่ายกล! พวกที่อยู่ด้านนอกสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ทว่ามันไม่ทันแล้ว พวกเขาถูกบีบออกอย่างรุนแรงด้วยพลังอะไรบางอย่าง !
นี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนั้นพวกผู้บุกรุกก็สัมผัสได้ว่าท้องฟ้าหมุนกลับ ต่อมารอบด้านของพวกเขาก็มีทรายปรากฏขึ้น ทรายนี้ราวกับมันสามารถเคลื่อนไหวได้เอง อีกทั้งมันยังคล้ายกับว่ามีพิษกัดกร่อนอีกด้วย! ต่อมาพวกเขาก็ถูกทรายกัดกร่อนร่างกายจนสิ้นชีพไปอย่างรวดเร็ว
ชุดเกราะที่พวกผู้บุกรุกสวมใส่ไม่อาจใช้ป้องกันทรายที่ว่าได้เลยแม้แต่น้อย พวกเขาพากันกลายเป็นซากร่างเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว! สภาพการณ์แบบนี้สร้างความตื่นกลัวให้กับพวกเขาไปตาม ๆ กัน ถ้าแม้แต่คนที่สวมชุดเกราะยังเน่าเปื่อย แล้วพวกเขาที่ไม่มีละ?
อย่างไรก็ตามนี้เป็นเพียงแค่การโหมโรง เพราะยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้สงบสติอารมณ์ บนท้องฟ้าก็พลันปรากฏสายฟ้าหลายต่อหลายสาย สายฟ้าเป็นสาย ๆ พวกนั้นแวบผ่านท้องฟ้าจนเกิดเสียงดังคำราม ครืน ครืน ก่อนที่มันจะฟาดลงมาที่ผู้บุกรุกด้านนอก !
แม้ว่าพลังของพวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่สายฟ้าพวกนี้ก็มีจำนวนมากเกินไป จนถึงตอนนี้เองที่พวกเขาเพิ่งรู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว อีกฝ่ายจะต้องมีคนหนุนหลังอย่างแน่นอน เมื่อคิดได้ดังนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เขลายิ่งนัก แต่ทว่ามันก็สายไปเสียแล้ว!
บนภูเขาที่พม่า หลังจากโจมตีไปอย่างดุดัน ในที่สุดค่ายกลที่ฉู่เหินสร้างก็เกิดเสียงดังออกมา! คนที่ลงมือโจมตีอยู่ต่างก็แสยะยิ้ม พวกเขาอยากเห็นเสียจริงคนที่อยู่ข้างในจะแสดงอารมณ์แบบไหนออกมา
หลังจากค่ายกลพังทลาย พวกคนที่อยู่ด้านนอกก็พากันเข้าไป ตอนที่พวกเขาก้าวมาข้างหน้ามันก็เหลือเพียงความว่างเปล่าแล้ว ไม่มีเงาร่างของใครสักคน จนถึงตอนนี้พวกเขารู้สึกงุนงงแล้วจริง ๆ แม้กระทั่งตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
คนทั้งสองกลุ่มต่างตกอยู่ในความงุนงง พวกเขาต่างทำอะไรไม่ถูก ฝั่งหนึ่งก็ได้แต่จ้องมองมองความว่างเปล่าที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรด้วยสายตาโง่งม ส่วนอีกฝั่งก็ถูกขังอยู่ในค่ายกล เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ยากที่จะเอาชีวิตรอด
ในใจของทั้งสองฝั่งในตอนนี้เริ่มที่จะเปลี่ยนความคิด หลังจากที่มึนงงไปรอบนึง พวกเขาก็พลันรู้สึกหวาดกลัวสุดขีด! ครั้งนี้ต้องเป็นแผนการของพวกตระกูลฉู่เป็นแน่! เห็น ๆ อยู่ว่าตระกูลฉู่เดิมทีมีอยู่ไม่กี่คน แต่ตอนนี้พวกมันกลับมีเยอะขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?