สุดยอดชาวประมง - บทที่ 417 ผลลัพธ์สุดท้ายที่คิดไม่ถึง
บทที่ 417 ผลลัพธ์สุดท้ายที่คิดไม่ถึง
บทที่ 417 ผลลัพธ์สุดท้ายที่คิดไม่ถึง
คนทรยศได้ถูกกำจัดหมดแล้ว เรื่องดังกล่าวไม่อาจสร้างความกังวลให้กับพวกเขาได้อีกต่อไป ตอนนี้จะเหลือก็แต่พวกผู้บุกรุกที่ถูกค่ายกลปกคลุมไว้ ต่อมาค่ายกลก็มีแสงสว่างสีทองเปล่งออกมา พวกผู้บุกรุกที่อยู่ภายในเหมือนกับหนูสกปรกข้ามถนน พอถูกแสงสีทองเข้า ร่างของพวกเขาก็ถูกหันออกเป็นสองท่อน
ต้องเข้าใจว่าทุกครั้งที่คนพวกนี้ตายลง คนพวกนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็เกิดการสั่นสะเทือน! เมื่อพวกเขามาตายที่นี่ ต่อให้พวกเขาไม่ยินยอมก็คงได้แต่ต้องยินยอมเท่านั้น! เมื่อคิดถึงครอบครัวที่เหลืออยู่ข้างหลัง พวกเขาต่างก็รู้สึกหวาดกลัวไปตาม ๆ กัน!
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ไม่ทันแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกเสียใจ แต่ในโลกใบนี้ไม่มีที่ให้พวกเขาถอยอีกแล้ว ในเมื่อเลือกแล้วก็ต้องรับผลในสิ่งที่ตัวเองเลือก! พวกผู้บุกรุกต่างล้มตายเป็นใบไม้ร่วง
การโจมตีทั้งสายฟ้าและแสงสีทอง ถึงแม้ทั้งสองอย่างนี้จะเกิดขึ้นในเวลาสั้น ๆ ไม่กี่นาที แต่มันก็สามารถจำกัดเหล่ายอดฝีมือไปได้นับสิบคนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไปคงจะไม่มีใครกล้ามาแหยมกับพวกตระกูลฉู่อีกแล้ว!
ตามปกติแล้ว เวลาคนพวกนี้ตายก็จะเป็นเพียงแค่การตายทางกายเนื้อ ส่วนวิญญาณยังสามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตาม การตายในค่ายกลแห่งนี้นั้นกลับไม่ได้ทำลายเพียงแค่กายเนื้อเท่านั้น แม้แต่วิญญาณของพวกเขาเองก็หายไปจากโลกใบนี้ด้วยเช่นกัน!
เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง ผู้เฒ่าตระกูลฉู่ก็จัดแจงเก็บวงเวทย์ค่ายกลกลับ ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างก็ตื่นเต้นในชัยชนะครั้งนี้ ถึงจะรู้ว่าตระกูลฉู่มีไพ่ตายซ่อนอยู่ แต่พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าไพ่ลับที่ว่านี้จะรุนแรงขนาดนี้! บางทีต่อให้พวกเขาไม่มาช่วย อาศัยแค่วงเวทย์ค่ายกลของตระกูลฉู่ก็สามารถกำจัดคนที่รุกรานได้อย่างง่ายดายแล้ว
เพียงแต่ทุกคนไม่รู้ว่าพลังธาตุที่ใส่เข้าไปเป็นวิธีที่ฉู่เหินเป็นคนเพิ่งคิดออก ถ้ารู้วิธีนี้เร็วกว่านี้ตระกูลฉู่คงเอาค่ายกลจูเซียนเจินมาใช้ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อนแล้ว! แต่แม้จะมารู้เอาตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป! อย่างน้อยพวกผู้เฒ่าฉู่ทุกคนก็ดูจะดีใจกับการค้นพบในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ต่อมาไม่ต้องพูดถึงงานเลี้ยงครั้งใหญ่! พันธมิตรที่ช่วยเหลือตระกูลฉู่ต่างมารวมตัวกันสังสรรค์นั่งดื่มนั่งกิน ส่วนผู้ทรยศที่ยังไม่โดนกำจัดก็ถูกเชิญออก ระหว่างที่คนพวกนั้นเดินกลับ พวกเขาก็ต้องเผชิญเข้ากับสายตาดูถูกมากมายจากผู้คนโดยรอบ!
ที่ไม่ได้ฆ่าสองคนนี้ก็เพราะพวกเขาไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้บุกรุกลงมือ ถ้าไม่งั้นทางตระกูลฉู่ก็คงไม่ปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ แบบนี้หรอก! แต่ถึงจะปล่อยออกไปก็ใช่ว่าจะรอด เพราะทันทีที่คนพวกนั้นออกไป ทางตระกูลฉู่ก็ได้แอบส่งยอดฝีมือบางส่วนออกไปทำงาน
ตั้งแต่เริ่มจนจบนั้นกินเวลาแค่ครึ่งวัน ในที่สุดกลุ่มอำนาจทั้งสองก็หายไปจากโลกนี้เป็นที่เรียบร้อย มีคนบอกว่าการกระทำของคนตระกูลฉู่นั้นโหดเหี้ยมเกินไป แต่ในโลกแห่งนี้จะมีก็แต่ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด!ถ้าคุณใจอ่อน คนอื่นอีกหลาย ๆ คนก็จะมุ่งเป้าไปที่คุณ เพราะพวกเขารู้ว่าต่อให้ตัวเองแพ้ก็คงไม่เกิดอะไรขึ้น
ดังนั้นตระกูลฉู่จึงต้องใช้วิธีนี้เพื่อให้คนอื่น ๆ รู้ว่าหากกล้าทรยศตระกูลฉู่จะเกิดอะไรขึ้น! ด้วยวิธีนี้ แม้กระทั่งคนที่เคยมีความคิดจะลงมือก็พลันเปลี่ยนใจ คนพวกนั้นตัดสินใจที่จะอดทนและเลือกที่จะเก็บแผนการอันชั่วร้ายของตัวเองเอาไว้ก่อน ส่วนหนึ่งถึงกับยอมแพ้ พากันม้วนเก็บแผนร้ายที่เคยคิดจะลงมือไปเสียสิ้น!
งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อแสดงความขอบคุณพวกขุมอำนาจที่เข้ามาช่วยตระกูลฉู่ในครั้งนี้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้มัวแต่ดีใจ เพราะในขณะเดียวกันนั้นพวกที่บุกรุกเข้ามาก่อนหน้านี้ก็กำลังโดนโต้กลับอยู่ในเวลาเดียวกัน
พวกคนที่เคยคิดร้ายกับตระกูลฉู่นับหมื่นคนถูกฆ่าตาย แน่นอนว่านั่นก็รวมไปถึงคนที่ให้ความช่วยเหลือ แม้จะเพียงแค่เล็กน้อยและต่อให้คนพวกนั้นจะอายุเท่าไหร่ ทำงานอาชีพอะไร แต่ทางตระกูลฉู่ก็ไม่ปราณีแม้แต่น้อย คนพวกนั้นต่างถูกฆ่าตายเสียสิ้น!
ส่วนพวกขุมอำนาจที่ไม่อาจดูเบาสองกลุ่ม ตอนนี้พวกเขาก็ได้ถูกคนตระกูลฉู่จัดการจนเหลือเพียงน้อยนิด ต่อให้คนพวกนั้นแค้นใจก็ทำได้เพียงกัดเนื้อตัวเองเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อคนพวกนี้กล้าลงมือ ถ้างั้นพวกเขาก็ควรกล้าที่จะรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน เมื่อเรื่องราวดูจะเรียบร้อยขึ้นแล้ว ทางตระกูลฉู่ก็พลันประกาศว่าพวกเขากำลังจะจัดตั้งกองกำลังใหม่เพื่อกำจัดพรรคของผู้บุกรุกนั่นให้สิ้นโดยเฉพาะ เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยิน คนพวกนั้นต่างก็รีบมาเสนอตัวกันอย่างรวดเร็ว
สำหรับคนเหล่านี้ ตระกูลฉู่รู้ว่าพวกเขาเหมือนคนที่ซื้อซีอิ๊ว* ดังนั้นตระกูลฉู่เลยไม่ได้ขับไล่พวกเขา กลับยอมให้คนพวกนี้ร่วมด้วย
*คนไปซื้อซีอิ๊ว เป็นคำศัพท์ในโลกอินเตอร์เน็ต หมายถึง คนที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวเหมือนคนที่คนผ่านมาซื้อซีอิ๊วธรรมดาคนหนึ่ง
ข่าวในโลกยุทธภพนั้นรวดเร็วมาก แม้ว่าผู้ฝึกตนเหล่านี้ไม่ได้ใช้เครื่องมือสื่อสารจำพวกโทรศัพท์มือถือ แต่พวกเขาก็มีเครื่องมือสื่อสารพิเศษ และนั้นก็คือหยกสื่อสาร!
ดังนั้นข่าวที่ตระกูลฉู่เพิ่งจะกำจัดขุมอำนาจสองกลุ่มนี้ไปก็พลันกระจายไปทั่ว! ต้องเข้าใจว่าการที่ตระกูลฉู่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ คงเป็นไปไม่ได้ที่คนภายนอกจะไม่สังเกตเห็น พวกเขาคล้ายกับหมาดมกลิ่น เพียงแค่ลมพัดยอดหญ้าก็ถูกพวกเขาเนี่ยแหละเข้าไปตวรจสอบ
หลังจากที่เกิดการส่งข่าวเรื่องการล่มสลายของสองขุมอำนาจ ทั่วท้องทะเลก็คล้ายจะนิ่งนอนใจไม่ได้อีกแล้ว ล้อเล่นหรือไง ขุมอำนาจสองกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีอำนาจอย่างมาก อย่างไรก็ตามวันนี้เพราะแค่ตระกูลฉู่ครอบครัวเดียวก็สามารถทำให้ชนชั้นสูงทั้งหมดล่มสลาย เมื่อเป็นแบบนี้หากมีขุมอำนาจไหนต่อกรกับตระกูลฉู่คงต้องคิดให้รอบคอบซะก่อน
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ทุกคนพากันลงความเห็นว่าตระกูลฉู่คือขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่! ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็นึกสงสารแทนกลุ่มอำนาจทั้งสองนั่น น่ากลัวว่าต่อให้ตระกูลฉู่ไม่ลงมือ พวกคู่อริเก่าของคนพวกนี้ก็คงไม่ปล่อยพวกเขาไปหรอก!
คนนอกเฝ้ารอดูเรื่องตลก พวกเขาพากันเฝ้าดูคนในกลุ่มอำนาจสองกลุ่มที่กำลังหัวหมุนไปมา พยายามวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
เมื่อพวกเขาได้ข่าวเรื่องที่ทางตระกูลฉู่กำลังรวบรวมกำลังพลมาถล่ม กลุ่มอำนาจทั้งสองก็พากันหวาดกลัว อาศัยพลังของพวกเขาในตอนนี้คงจนปัญญาจะต่อกร! หากยังรอต่อไปแบบนี้พวกเขาคงได้ตายกันหมดแน่
ขณะที่กลุ่มอำนาจอื่น ๆ คิดว่าพวกเขาจนตรอกแล้ว จู่ ๆ ก็มีข่าวส่งมาหนึ่งข่าว เป็นเพราะโดนบีบ พวกกลุ่มอำนาจใหญ่สองกลุ่มจึงหันมาปรึกษากันเอง พวกเขาตัดสินใจที่จะรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน เพื่อก่อตั้งเป็นกลุ่มอำนาจใหม่อีกกลุ่มหนึ่งขึ้นมา!
กลุ่มอำนาจใหม่นี้ตั้งตนเป็นนิกายกระบี่ ถึงแม้ว่านิกายกระบี่จะมีสองกลุ่มอำนาจเป็นรากฐาน แต่ด้วยการอาศัยคนที่เหลือมาผนวกรวมกับบรรดานิกายยิบย่อยที่พวกเขาแอบซ่อนไว้ ดังนั้นนิกายกระบี่แห่งนี้ก็ถือได้ว่าเป็นนิกายที่ค่อนข้างโดดเด่นเลยทีเดียว
แน่นอนว่ากลุ่มอำนาจกลุ่มอื่นไม่ได้โจมตีพวกเขา! ทั้งนี้ก็เป็นเพราะพลังของนิกายกระบี่นั้นไม่อ่อนแอเลย นับวันมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้น!
เมื่อเป็นแบบนี้ พวกเขาก็คงจะกลายเป็นกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งภายในเวลาไม่นานอย่างแน่นอน กลุ่มอำนาจอื่นไม่อาจประมาทพวกเขาได้ เรียกได้ว่าผลลัพธ์แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนคาดไว้เลย!
ตระกูลฉู่เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้เข้าไปก็ลำบากเช่นกัน ถ้าโจมตีก่อนอาศัยสองอำนาจรวมกัน ตระกูลฉู่ก็คงไม่สามารถโค่นล้มคนพวกนี้ได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ถ้าการต่อสู้ยืดเยื้อก็คงไม่เป็นผลดีเท่าไหร่
ในขณะนี้ตระกูลฉู่ถือได้ว่ากำลังประสบความลำบากถึงสองทาง อย่างแรกคือพวกเขาไม่สามารถกลับตัวได้ แต่ถ้าจะให้ลงมือก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน ใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสตระกูลฉู่นั้นฉาบไปด้วยความกลุ้มอกกลุ้มใจว่าไม่รู้จะเอายังไงดี!