สุดยอดชาวประมง - บทที่ 421 ซึ่ง ๆ หน้า
บทที่ 421 ซึ่ง ๆ หน้า
บทที่ 421 ซึ่ง ๆ หน้า
ที่ทำให้พวกเขารับไม่ได้ที่สุดคือพลังที่รายรอบค่ายกลได้พันรอบร่างกายพวกเขาไว้ตรงนี้ อยากจะขยับสักก้าวก็ช่างยากลำบาก!
บาดแผลมากมายเกิดขึ้นทั่วร่างของพวกเขา เพียงพริบตาเดียวทั้งสิบคนก็ร่างกายอาบไปด้วยเลือด! และตอนนี้เองพวกเขาถึงเพิ่งจะรู้สึกตัว
ตอนที่ตระกูลฉู่โจมตีนิกายกระบี่ พวกเขาที่เป็นคนน้ำนิ่งไหลลึกก็ได้แอบเฝ้าดู หรือที่เรียกว่ากลยุทธ์สร้างความสับสนให้ศัตรู และโจมตีข้างหลัง เพียงแต่ว่าทั้งหมดนี้กลับทำให้พวกเขาต้องเสียใจภายหลัง! อย่างไรก็ตามแม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะรู้สึกตัวแล้ว ทว่าแล้วยังไงล่ะ?
ระหว่างที่มนุษย์ทรายกำลังทำลายล้างอยู่นั้น พวกเขาก็คล้ายจะไม่มีแรงเหลือแล้ว ตอนนี้เองที่ลมปราณของพวกเขาต่างอ่อนแอลง! และก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่สายฟ้าได้ฟาดลงมาอย่างแรง มันแรงเสียจนทำเอาคนด้านนอกได้ยินเสียงเปรี้ยงปร้างดังสนั่น
เสียงที่ดังก้องนั้นราวกับฟ้าจะถล่ม ทำให้คนที่ล้อมอยู่ด้านนอกพากันถอยร่นออกไปจนคิดว่าเข้าสู่ระยะปลอดภัย เมื่อออกนอกระยะมาแล้ว เสียงหัวใจที่เต้นรั่วถึงค่อยสงบลง เป็นเพราะเมื่อกี้พวกเขาพบว่าเหมือนค่ายกลนั่นมันจะขยายใหญ่ไล่ตามมา ซึ่งคนพวกนี้ก็ล้วนแต่ไม่อยากจะถูกค่ายกลนั่นดึงเข้าไปข้างในแล้วโดนฆ่าอยู่ในนั้น!
หลังสิ้นเสียงกัมปนาท กระจกแปดเหลี่ยมบนอากาศถึงค่อย ๆ หดเล็กลง ก่อนจะเห็นเพียงผู้เฒ่าสามโบกมือครั้งหนึ่งจนกระจกแปดเหลี่ยมกลับมาอยู่ในมือ ระหว่างที่โบกมือชายแก่ก็ถือโอกาสเก็บเอาไว้ในแหวนมิติของตัวเอง แต่ที่พวกเขามองไม่เห็นก็คือตอนที่กระจกแปดเหลี่ยมเข้าไปในแหวนนั้น แท้จริงแล้วมันได้กลายเป็นกลุ่มควันก้อนหนึ่ง
เนื่องจากกระจกแปดเหลี่ยมนั้นใช้วัตถุดิบอย่างจำกัด อีกทั้งฉู่เหินยังไม่ค่อยมีเวลาหลอมมันมากนัก มันจึงไม่ค่อยทนทานเสียเท่าไหร่ ใช้ได้สองครั้งก็หมดสภาพ แต่แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
พวกคนที่ถูกค่ายกลล้อมรอบไว้พวกนั้น ตอนนี้นอกจากกองขี้เถ้าที่ถูกทิ้งไว้ มันก็ไม่เหลือสิ่งใดอีก แต่เดิมทีคนพวกนี้ก็ไม่ได้เป็นยอดฝีมืออะไรอยู่แล้ว ตอนที่พวกเขากลายเป็นกลุ่มควันลอยหายไป มันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่วิญญาณและเนื้อหนังของคนพวกนี้ได้หายไปจากโลกด้วยเช่นกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายกับเพิ่งเกิดมรสุมมาอย่างไงอย่างงั้น มันทำให้พื้นที่ตรงนั้นกลายเป็นที่โล่งกว้าง และไม่ว่าจะเป็นสำนักหรือนิกายผู้มีอำนาจกลุ่มไหนก็ตาม เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น คนเหล่านี้ต่างก็พากันหวาดกลัวตระกูลฉู่ไปตาม ๆ กัน
ความสามารถตระกูลฉู่นั้นแข็งแกร่งเสียจนข่มขวัญผู้คนกลุ่มหนึ่งเข้าแล้ว มันทำให้ผู้มีอำนาจอื่น ๆ รู้สึกไม่สบายใจต่อตระกูลฉู่ ไม่มีกลุ่มไหนที่จะยอมให้เสือที่หลับใหลทว่าดุร้ายแบบตระกูลฉู่เอาไว้ใกล้ตัวเองหรอก! ยังไงนี้ก็ต้องเป็นภัยอันใหญ่หลวงอย่างแน่นอนในอนาคต โชคดีที่พวกเขามีไพ่ลับของตัวเองอยู่ เพราะงั้นต่อให้สู้กับตระกูลฉู่ก็ไม่กลัวหรอก!
ในตอนนี้จิตใจของทุกคนกำลังคิดไปต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พื้นที่ห่างไกลออกไปที่กำลังเกิดการฆ่าสังหารหมู่กลุ่มใหญ่ขึ้น! คนเหล่านี้ไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาก็คือผู้เฒ่าแปดและสิบที่พาคนในตระกูลมาช่วยเหลือก่อนหน้านี้นั่นเอง เดิมที่พวกเขาก็ซุ้มดูสถานการณ์ไว้ก่อนแล้ว เมื่อเห็นพวกศัตรูที่กำลังเข้ามา กองกำลังของตระกูลฉู่ก็พลันปรากฏตัวและไล่ตามคนพวกนั้นทันที!
พวกที่ถูกไล่ลาพากันวิ่งหนีหางจุกตูด พวกเขาใส่แรงสุดชีวิตเท่าที่จะมีเพื่อให้ตัวเองวิ่งให้เร็วที่สุดท่าที่จะทำได้ ภายในชั่วพริบตา ที่แห่งนี้ในรัศมีร้อยเมตรนอกจากคนตระกูลฉู่แล้ว คนอื่น ๆ ก็ไม่เหลืออีกเลย
“ครั้งนี้ค่อนข้างแย่นิดหน่อย ร่างกายได้รับบาดเจ็บหนักทีเดียว นายช่วยแบกฉันกลับทีละกัน!” ผู้เฒ่าสามพูดกับผู้เฒ่าแปดและสิบ
ว่าแล้วผู้เฒ่าสามและผู้เฒ่าห้าก็พากันล้มตัวลงนอนอยู่บนเปล ในมือของพวกเขายังถือกระจกแปดเหลี่ยมเล็ก ๆ ก่อนที่จะยื่นส่งมันให้กับผู้เฒ่าแปด เพียงผู้เฒ่าสามเคลื่อนไหวร่างกายเล็กน้อย เหงื่อก็ไหลทั่วร่างแล้ว หากได้รับบาดเจ็บมากกว่านี้ เกรงว่าชายชราก็อาจจะรับมันไม่ไหว
ต้องเข้าใจว่าคนที่ล้อมอยู่เมื่อกี้ถอยหนีไปแล้ว แต่พวกเขายังคงแอบเฝ้ามองอยู่ที่นี่ หลังจากพวกเขามองฉากทั้งหมดนี้ คนพวกนั้นต่างก็พากันสบถในใจ พวกเขารู้สึกว่าตระกูลฉู่เหินใจร้ายเกินไปแล้ว นี้มันแทงข้างหลังชัด ๆ คนชุดแรกยังสาหัสไม่พอ ยังอยากจะทำลายล้างอีกชุดด้วยเหรอนี้!
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ดูการแสดงที่ผู้เฒ่าสามทำสิ! ก่อนหน้านี้ยังคล้ายกับคนไม่เป็นอะไรอยู่เลย ตอนนี้กลับกลายเป็นคนบาดเจ็บสาหัสซะแล้ว แหม ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยมั้ง!
ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกหมดคำพูดก็คือพวกเขาเดินช้ามาก แล้วไหนจะไอ้ท่าทางมองซ้ายแลขวาไปด้วยนั่นอีก ราวกับจะบอกคนอื่นว่า มาฆ่าฉันเสียสิ!
เพียงแต่น่าเสียดายที่พวกเขาใช้เวลาหนึ่งวันกว่า จากที่นี่จนถึงเกาะตระกูลฉู่ก็ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลยสักนิด แม้แต่ตอนที่มาถึงเกาะตระกูลฉู่ ใบหน้าของผู้เฒ่าแปดและสิบก็เผยความเสียใจออกมานิดนึงอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากเห็นฉากนี้ คนที่แอบสังเกตการณ์อยู่ก็สบถในใจ พวกเขารู้สึกว่าตระกูลฉู่ทำได้เจ็บแสบมาก! ตอนนี้เองที่ทำให้คนอื่น ๆ เกิดความคิดอยากลอบโจมตีซะ ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้จะยิ่งยากที่จะจัดการ แต่ทว่ามันก็สายไปแล้ว ข่าวลือเกี่ยวกับตระกูลฉู่ได้แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว!
เวลาไม่นานนัก ที่นิกายกระบี่ เรื่องที่ระหว่างทางตระกูลฉู่ได้ปะทะกับกลุ่มคนลึกลับ แม้พวกเขาจะรู้ข้อมูลเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าคนพวกนั้นตั้งเป้าหมายนิกายกระบี่ของพวกเขาละก็ น่ากลัวว่าพวกเขาคงไม่อาจทำการตีโต้ได้แบบตระกูลฉู่หรอก!
แค่ตอนนี้นิกายกระบี่ก็ย่ำแย่พอแล้ว ถ้ายังมีมาอีกพวกเขาได้ตายแน่! หลังจากคิดถึงตรงนี้พวกระดับสูงก็รีบทำการประชุมทันที
หลังจากผ่านไป 2 วัน ทางนิกายกระบี่ก็จัดแจงแต่งตั้งผู้ที่มีความสามารถในการเจรจา ก่อนที่พวกเขาจะทำการสั่งให้คนผู้นั้นไปส่งของขวัญให้กับตระกูลฉู่ ขบวนของขวัญจากนิกายกระบี่ในครั้งนี้เรียงกันเป็นแถวยาวสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว! พวกเขาเชื่อว่าด้วยของขวัญพวกนี้จะต้องทำให้ตระกูลฉู่พอใจได้แน่!
อย่างไรก็ตาม ตอนที่พวกเขามาส่งของขวัญนั้นก็ได้รับข่าวว่า การปะทะกันครั้งก่อนทำให้พวกผู้อาวุโสได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นพวกเขาจึงออกหน้ารับของไม่ได้ จำเป็นต้องกลับไปเข้าญาณเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
ต่อให้ตระกูลฉู่ไม่ได้ประกาศข่าวออกมา ด้านนอกก็มีคนไม่น้อยเลยที่พยายามสืบหาข่าว พวกเขาอยากรู้ว่าตอนนี้ภายในตระกูลฉู่เป็นยังไงบ้างแล้ว! ถ้ามีโอกาสอีกล่ะก็ กลุ่มอำนาจเหล่านั้นก็ไม่มีทางปล่อยโอกาสที่ฟ้าประทานให้หรอก
อย่างไรก็ตาม หลังจากข่าวนี้ถูกประกาศออกไป บรรดานิกายต่าง ๆ ก็พากันคิดในใจไปในทางเดียวกันว่า “แทงข้างหลัง นี้มันแทงหลังชัด ๆ นี้ไม่แทงข้างหลังธรรมดาแล้ว มันเป็นการแทงกลางวันแสก ๆ เลย! ดูยังไงก็กับดักชัด ๆ เหมือนจะบอกว่าตระกูลฉู่ไม่กลัวใครหน้าไหน! พวกเขาทำกระทั่งเฝ้ารอที่จะต่อสู้อีกครั้งด้วยซ้ำ”
อย่างไรก็ตาม การที่ตระกูลฉู่ออกตัวแบบนี้ นั่นก็แสดงว่าพวกเขาเองก็ไม่เกรงกลัวกลุ่มอำนาจหน้าไหนทั้งนั้น ยังไงคนพวกนั้นก็ไม่มีทางรับมือกับวงเวทย์ค่ายกลได้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครหน้าไหนกล้ามางัดข้อกับพวกเขาหรอก เพราะแบบนั้นก็เท่ากับส่งตัวเองไปตาย
แต่ที่จริงครั้งนี้ตระกูลฉู่เองก็สิ้นเปลืองไปไม่น้อย แม้ว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ก็จำเป็นต้องรีบเข้าญาณสักพัก ทว่าในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ถ้าอยู่ ๆ ผู้เฒ่าหลายคนพากันเข้าญาณรักษาอาการบาดเจ็บกันหมด มันก็อาจเปิดช่องให้กับพวกไม่หวังดีได้
บางทีตอนนี้ก็อาจจะยังมีสายลับหลงเหลืออยู่ภายในตระกูลฉู่ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ตระกูลฉู่จะตกอยู่ในอันตราย! ด้วยความจนปัญญา ฉู่เหินจึงคิดวิธีแบบนี้ขึ้นมาใช้ไปก่อน!
ในพวกเขาคนที่ได้รับบาดเจ็บที่สุดก็คือผู้เฒ่าสาม ที่ทุกคนเห็นฉากแสดงความแข็งแกร่งนั้นเป็นของผู้เฒ่าสามก็จริง แต่ฉากที่แสดงความอ่อนแอเองก็เป็นของจริงด้วยเช่นกัน
ต้องเข้าใจว่าตอนวงเวทย์ค่ายกลยังไม่ได้รับพลัง ผู้เฒ่าสามได้ใช้มือย้ายวงเวทย์เดินทางไปด้วย ด้วยเหตุนี้ชายชราจึงได้รับผลกระทบจากวงเวทย์นี้มากเกินไป! สำหรับการต่อสู้ครั้งที่สอง หลังจากที่เขาปล่อยวงเวทย์ค่ายกล มันก็ได้มาถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว