สุดยอดชาวประมง - บทที่ 430 คำพูดของคนน่ะน่ากลัว
บทที่ 430 คำพูดของคนน่ะน่ากลัว
บทที่ 430 คำพูดของคนน่ะน่ากลัว
มีคำกล่าวว่าไม่มีลมไหนเลยจะมีคลื่น ตอนนี้ข่าวลือนั้นได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ถ้าจะถามถึงความเป็นมา คงไม่มีใครตอบได้ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเจอ กระทั่งมีบางคนได้เอาข่าวลือมายำรวมกัน พวกเขาคิดว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเชื่อมโยงกันเป็นเรื่องเดียว!
ข่าวลือถูกแพร่กระจายเข้าหูของแต่ละคน ทำให้พวกเขาตกใจกลัว ดูเหมือนว่าการทำลายพรรคหยูหลินตอนนี้จะต้องหยุดไว้ก่อนเสียแล้ว! พวกกลุ่มผู้มีอำนาจทั้งหลายพากันพับเก็บแผนการ และกลับไปทบทวนกันอีกสักรอบ
แม้มีความเป็นไปได้ที่เรื่องพวกนี้จะเป็นข่าวปลอม แต่แล้วถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะ? เพราะแบบนี้เองจึงทำให้พรรคหยูหลินที่สถานการณ์ร่อนเร่ค่อย ๆ คลายความตึงเครียดลง เมื่อเห็นแบบนั้น ฉู่เหินเลยถือโอกาสดี ๆ นี้ส่งคนไปส่งข่าวที่พรรคหยูหลิน
ตอนฉู่เหินมาถึงที่นั่น ชายหนุ่มก็พูดออกตัวทันทีว่าตนเองนี่แหละที่เป็นคนช่วยพวกเขาเอาไว้ เพราะเหตุนี้เองหัวหน้าพรรคหยูหลินนาม เซี่ยวเฟิง จึงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง และเมื่อเขามองเห็นพลังวรยุทธ์ของฉู่เหินและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อย ในสงครามแค่ขั้นราชันดาราไม่กี่คนจะไปช่วยอะไรได้! แต่ถึงจะเป็นอย่างงั้น เขาก็ยังต้อนรับพวกฉู่เหินอย่างดี
ฉู่เหินเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง เขารู้ว่าเซี่ยวเฟิงคิดยังไง แต่ว่าทั้งสองเพิ่งจะรู้จักกัน ฉู่เหินเองก็ไม่ได้อยากจะพูดมากอะไร เพราะการทำแบบนั้นอาจทำให้คนพวกนี้หวาดระแวง
เซี่ยวเฟิงเชิญฉู่เหินและคนอื่น ๆ มาที่ห้องรับแขกขนาดใหญ่ หลังจากที่แขกนั่งกันหมดแล้ว เซี่ยวเฟิงถึงได้พูดออกมา
“ขอขอบคุณวีรบุรุษทุกท่านสำหรับความช่วยเหลือ ทว่าตอนนี้ศัตรูมีแต่กลุ่มอำนาจใหญ่ ๆ ทั้งนั้น พวกเขามีจอมยุทธที่มีพลังสูงส่งกันทุกฝ่าย ที่จริงแล้วตอนนี้พวกฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยอยากจะรู้ว่าพวกท่านมีแผนยังไงบ้าง!”
“สิ่งของไม่มีชีวิต ทว่าคนนั้นมี! ยังไงเสียของพวกนั้นก็คงไม่มีค่าไปกว่าชีวิตคนเป็น! วันนี้ที่พวกฉันพี่น้องมาที่นี่ ก็เพื่อช่วยหัวหน้าเซี่ยวเฟิงต้านทานศัตรู! แต่ในสายตาที่ยอดเยี่ยมของท่านเซี่ยวเฟิง ฉันและคนอื่น ๆ ไม่ต่างจากหมาตัวหนึ่งเลยล่ะสิ! เพียงแต่ในโลกนี่ไม่มีของฟรีในโลก ไม่รู้ว่าหลังจากเรื่องนี้จบลง ท่านเซี่ยวเฟิงจะขอบคุณพวกเรายังไง!”
เซี่ยวเฟิงที่ได้ยินที่ฉู่เหินพูด ก็พลันมึนงงไปเล็กน้อย ในใจก็แอบคิดเกี่ยวกับคน ๆ นี้ เพิ่งจะมาถึงก็พูดผลประโยชน์ของพวกเองแล้ว แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เซี่ยวเฟิงรู้สึกว่าคน ๆ นี้ในใจต้องมีแผนการบางอย่างแน่นอน!
“ถ้าผู้กล้าทุกท่านมีแผนที่จะจัดการกับศัตรู จนสามารถทำให้ศัตรูถอยไปได้ทั้งหมด ฉันก็จะยอมให้พวกคุณได้ประโยชน์ในครั้งนี้ทั้งหมด!”
ที่เซี่ยวเฟิงพูดนั้นราวกับเป็นโฆษณาชวนเชื่อที่เอาไว้หลอกคนอื่น! ต้องเข้าใจว่าพรรคหยูหลินของพวกเขาในตอนนี้ร่อนเร่จวนเจียนจะไม่รอด ในสถานการณ์แบบนี้เขากลับมายอมเฉือนเนื้อตัวเอง แล้วยังยืมมือคนอื่นเพื่อให้ตัวเองรอด แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเซี่ยวเฟิงไม่ใช่คนดีอะไร!
“คำพูดที่ไม่จริงใจพวกนั้น เอาเป็นว่าพวกฉันจะไม่ถือสา! พวกเราพี่น้องสามารถทำให้ศัตรูด้านนอกถอยไปได้! และยังสามารถทำให้พวกเขาได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เหนือกว่า!ยิ่งไปกว่านั้นฉันจะทำให้พวกนั้นได้รู้ว่าการสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นจะได้รับโทษยังไง แม้ฉันจะพูดเกินไปหน่อย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องวางตัวเป็นคนมีศีลธรรมแต่ไร้ความสามารถแบบคุณหรอกนะ!”
เมื่อพูดจบฉู่เหินก็ลุกขึ้น แล้วโบกมือเป็นสัญญาณบอกให้ทุกคนกลับ พอเซี่ยวเฟิงเห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปขวางฉู่เหินและคนอื่น ๆ ไว้ เพราะถ้าให้พวกฉู่เหินจากไปแบบนี้ น่ากลัวว่านับจากวันนี้ไปคงไม่มีใครสักคนยินดีที่จะช่วยพวกเขาแล้ว ปากคนนั้นยาวกว่าปากกาเสียอีก!
“ทุกท่านโปรดหยุดก่อน ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันก็ได้! เมื่อกี้ผู้น้อยเสียมารยาทแล้ว ทุกท่านขออย่าใส่ใจเลย! ถ้าทุกท่านสามารถช่วยจัดการปัญหาเหล่านี้ได้ นอกจากเรื่องที่ฉันพูดไปพวกเราจะเปิดคลังสมบัติของพรรคให้เลย! ถึงตอนนั้นทุกท่านอยากจะได้อะไรก็เชิญหยิบไปได้เลย 1 ชิ้น!”
ฉู่เหินไม่ได้นั่งลง เพียงยืนสำรวจเซี่ยวเฟิงครู่หนึ่ง “เซี่ยวเฟิงท่านนี้ฉลาดจริง ๆ เพียงแต่ขี้งกไปหน่อย! ตอนนี้ดูเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นแบบนี้ไปแล้ว หรือว่าคุณไม่คิดว่าของรางวัลที่พรรคของคุณจะให้พวกเราจะหากันเองไม่ได้!”
เซี่ยวเฟิงได้ยินแบบนี้ก็หน้าเปลี่ยนสี “ไม่ใช่ ๆ หากท่านสามารถทำให้ศัตรูด้านนอกถอยไปได้จริง พวกท่านทุกคนสามารถหยิบคลังสมบัติของพรรคไปได้เลยคนละ 3 ชิ้น!”
คลังสมบัติของพรรคอันดับสองนั้นมีแต่ของยอดเยี่ยมจนสามารถทำให้คนบ้าคลั่งกับมันได้ นับประสาอะไรกับของถึง 3 ชิ้น แค่ชิ้นเดียวก็ทำให้คน ๆ หนึ่งยอมแลกชีวิตแล้ว พรรคพวกของฉู่เหินที่ได้ยินดังนั้นก็คิดในใจว่า ดูเหมือนอีกฝ่ายจะจนตรอกแล้วจริง ๆ
ต้องเข้าใจว่าหากพรรคถูกทำลาย พวกเขาก็จะสูญเสียสมบัติทุกสิ่งไป ดังนั้นเพื่อกันไม่ให้พรรคต้องถึงกับถูกทำลาย พวกเขาจึงจำต้องยอมให้ไม่กี่คนนี้หยิบสมบัติในคลังไปบ้างยังดีกว่า นี้เป็นทางเลือกเดียวที่พวกเขามี! ยังไงเสียของในคลังสมบัติพวกนั้นก็ไม่ใช่ของของพวกเขาอยู่แล้ว!
“10 ชิ้น!” พอฉู่เหินพูดแบบนั้น ก็ทำให้คนที่ยืนอยู่สูดหายใจเข้าอย่างตกใจ พวกเขาไม่คิดว่าฉู่เหินจะเคี่ยวขนาดนี้!
“4 ชิ้น มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
“9 ชิ้น น้อยกว่านี้ก็ไม่ได้แล้ว!”
“มากสุดของพวกเราให้ได้แค่ 5 ชิ้น”
“ถ้าอยากให้พวกเราช่วย น้อยที่สุดคือต้องให้พวกเราคนละ 8 ชิ้น!”
“ฉันบอกว่า 5 ชิ้นก็คือ 5 ชิ้น เยอะกว่านี้สักชิ้นพวกเราให้ไม่ได้หรอก” หน้าของเซี่ยวเฟิงบิดเบี้ยว บ่งบอกว่าคน ๆ นี้ใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว!
“แบบนี้ล่ะกัน 5 ชิ้นแต่ต้องรับปากพวกเราสองเรื่อง! ถ้าคุณยังไม่ยอมรับข้อเสนออีก งั้นพวกเราก็ขอตัวลาก่อน!” ฉู่เหินกดดันเซี่ยวเฟิงแบบนี้ เพราะเขารู้ว่ายังไงอีกฝ่ายก็ไม่ยอมให้ตัวเองไป ถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป น่ากลัวว่าคงไม่มีใครยอมช่วยพวกเขาอีกแล้ว!
“ห้ามเป็นเรื่องละเมิดคุณธรรม และก็ห้ามเป็นเรื่องผิดศีลธรรมด้วย!” ตอนนี้เซี่ยวเฟิงเองก็ยอมถอยหนึ่งก้าวเช่นเดียวกัน ไม่งั้นเกรงว่าจะเสียหมดทุกอย่างจริง ๆ แม้ว่าคนละ 5 ชิ้นจะทำให้เขาเจ็บปวดใจไม่น้อย แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังพอมีความหวัง!
“ยินดีที่ได้ร่วมมือกัน” หลังจบประโยคนี้ของอีกฝ่าย ฉู่เหินก็ยื่นมือออกไปจับมือกับอีกฝ่าย ที่จริงแล้วทวีปลึกลับนั้นไม่มีธรรมเนียมจับมือ! แต่พูดไปแล้วก็แปลก เพราะตอนที่ทั้งสองจับมือร่วมมือกันนั้น คล้ายกับให้ความรู้สึกแน่นแฟ้นบางอย่าง!
หลังจากนั้นฉู่เหินก็พูดกับเซี่ยวเฟิงอีกครั้ง “เซี่ยวเฟิง ช่วยหาห้องลับ ๆ สักห้องได้ไหม พวกเราสองคนต้องคุยอะไรกันหน่อย!” เซี่ยวเฟิงรู้ว่ามีบ้างเรื่องที่ให้คนนอกรู้ไม่ได้ ในเมื่อฉู่เหินพูดแบบนี้ มันก็ต้องเกี่ยวข้องกับแผนการไล่ศัตรูที่ไม่อยากให้ใครรู้อย่างแน่นอน
พอจับมือกันเสร็จเขาก็เดินนำพามาห้องลับ ไม่รู้ว่าทั้งสองพูดอะไรกัน? หลังผ่านไปสองชั่วโมงกว่าพวกเขากลับเดินหัวเราะออกมาจากห้องลับด้วยกัน ใบหน้าเซี่ยวเฟิงยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง และไม่มีท่าทีแข็งกร้าวเหมือนตอนแรกอีกแล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาสัมผัสได้ว่าแผนการของฉู่เหินสามารถทำให้อีกฝ่ายพอใจมาก! อีกทั้งเซี่ยวเฟิงยังให้คนหาห้องส่วนตัวให้กับทุก ๆ คน เพื่อให้พวกเขาได้พักผ่อนอีกด้วย หลังจากจัดการเสร็จแล้ว เขาจึงได้สั่งให้คนปล่อยข่าวบางอย่างออกไป
ต่อมาข่าวก็ถูกปล่อยออกไปทั่วทวีปลึกลับ จู่ ๆ พรรคหยูหลินก็ประกาศรับสมัครคน! ในข้อความนั้นจับใจความได้ว่า พรรคหยูหลินจะหาคนมาอารักขาคนหนึ่งเพื่อเฝ้าก้อนหินนั่นแทน เพราะเกินกำลังของตัวเองแล้วจริง ๆ ดังนั้นเลยต้องพึ่งพาผู้อื่นเท่านั้น!
ในเมื่อมันเกินกำลังที่ตัวเองจะปกป้องไหว พวกเขาเลยคิดจะมอบหมายหน้าที่ให้คนอื่นมาอารักขามันต่อ อีกทั้งที่ทวีปลึกลับไม่ว่าจะต่อสู้กับทั้งในและนอกทวีปก็เยอะมากเกินไปแล้ว ไม่สู้หาคนมาแทนพวกเขา ตอนนี้ยังไม่มีข้อบังคับ ดังนั้นพรรคหยูหลินเลยคิดออกแค่วิธีเดียว
ที่จริง ๆ วิธีนี้ง่ายมาก นั่นก็คือจัดการแข่งขันประลองยุทธขึ้น คนที่ชนะก็จะได้รับเลือกเป็นผู้อารักขาก้อนหินนั่น ดังนั้นพรรคหยูหลินเลยส่งบัตรเชิญไปยังทุก ๆ คนในเข้าร่วมการประลองนี้!