สุดยอดชาวประมง - บทที่ 436 สมบัติและความตาย
บทที่ 436 สมบัติและความตาย
บทที่ 436 สมบัติและความตาย
แต่เมื่อพวกเขาต้องเจอเข้ากับกองทัพมดมหาศาลเข้ามาพร้อมกันแบบนี้ ต่อให้เก่งกาจแค่ไหน ก็คงตอบโต้ไม่ทันอยู่ดี! กองทัพมดพวกนั้นไล่จี้ตามมาติด ๆ มดพวกนี้กัดได้เจ็บมาก ทุกครั้งที่กัดก็มักจะมีเศษเนื้อติดไปด้วยเสมอ
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผู้นำขบวนในครั้งนี้ต้องถึงกับสูดหายใจเข้าลึก แม้แต่เสียงจะร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่มีแรง ว่าแล้วก็รีบวิ่งหนีจากไป! การโจมตีจากมดแมลงร้ายเกิดขึ้นไม่นานนัก ไม่นานฝูงมดพวกนั้นก็แยกย้ายจากไป เมื่อพวกเขาหันกลับมามองก็อดที่จะตะลึงไม่ได้
จากเดิมมีคนร่วมทางกว่า 30,000 คน ตอนนี้รวม ๆ แล้วเหลือไม่ถึงร้อยด้วยซ้ำ! สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความโกรธแค้นในใจของทุกคน! ตอนนี้พรรคของพวกเขาเสียหายหนักทีเดียว ทั้งพลังอำนาจก็ลดลงอย่างน่าใจหาย ไม่เพียงแต่จะต้องคอยระวังการโจมตีจากพรรคอื่น แม้แต่การเดินทางกลับในตอนนี้ก็อาจยังมีปัญหา!
เพราะเหตุนี้พวกเขาถึงได้รู้สึกแค้นใจ ถ้ารู้เร็วกว่านี้พวกเขาคงไม่มา!
ในดินแดนรกร้างนั้นมีเรื่องแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นครั้งสองครั้ง ราวกับว่าทุก ๆ เส้นทางจะมีเรื่องเกิดขึ้นไม่ซ้ำกัน เพียงระวังส่วนหนึ่ง ก็จะสูญเสียอีกส่วนเล็ก ๆ ไป คนที่ถูกความโลภครอบงำ รอให้พวกเขาได้สติขึ้นมา พวกเขาก็จะต้องสูญเสียไปมากกว่าพันเท่า
แต่ก็มีบางคนที่ได้สมบัติไปเช่นกัน เรียกได้ว่าดินแดนรกร้างแห่งนี้เป็นเครื่องบดเนื้อแห่งหนึ่ง ที่ทำให้คนตกตายและก็ทำให้คนพัฒนาด้วยเช่นกัน เป็นที่ที่ทำให้คนทั้งรักทั้งเกลียด แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ไม่ว่าพวกเขาจะเสียคนไปกี่คน เมื่อมาที่นี่แล้วพวกเขาก็ต้องเดินต่อไป แม้ว่าจะไม่ได้สมบัติพวกเขาก็ต้องยอม!
คนตายเยอะขึ้นเรื่อย ๆ คนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างก็พากันดวงตาแดงก่ำ ที่พวกเขาตาแดงไม่ใช่เพราะเสียใจกับการตายของเพื่อน แต่เพราะสมบัติแม้จะอยู่ต่อหน้าตัวเองแต่ก็จับไม่ได้ มันทำให้พวกเขารู้สึกเศร้า!
ในมือในของกลุ่มอำนาจใหญ่ทั้งหลายล้วนถือแผนที่เอาไว้แน่น พวกเขาพบว่าสิ่งที่แผนที่นี่เขียนเอาไว้เป็นความจริงทั้งหมด สถานที่น่าสงสัยก็มีคนเคยเข้าไปเพราะคล้ายจะมีสมบัติไม่น้อย! แต่ที่ทำให้พวกเขารู้สึกจนปัญญาก็คือ ที่ที่ยิ่งมีสมบัติเยอะก็จะอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
ตอนนี้คนที่เข้ามาภายในถ้านับรวม ๆ แล้ว น่ากลัวว่าจะเหลือเพียง 1/10 ส่วนเท่านั้น คนอื่น ๆ ตายระหว่างทางหาสมบัติหมด มองเห็นสมบัติเหล่านั้นอยู่ไม่ไกลแบบนี้ ถ้าไม่หยิบจะเรียกว่าผู้ฝึกยุทธได้ยังไงกัน!
ฉู่เหินเองก็เช่นกัน ตอนนี้ดวงตาของฉู่เหินเต็มไปด้วยเส้นเลือด ระหว่างทางที่เดินมาเขาพบสมบัติแล้วกว่าสิบชิ้น แต่ทุกชิ้นจะมีอันตรายซ่อนอยู่ทั้งหมด ฉู่เหินมีสัมผัสที่มากกว่าคนทั่วไปมาก บวกกับระบบของเขา เลยทำให้ทุกครั้งที่เจออันตรายเขาจะรู้และหนีได้ทันตลอด
ท่ามกลางบรรดาสมบัติเหล่านี้ มีอยู่ชิ้นหนึ่งที่เมื่อเช็ดตามร่างกายจะทำสามารถชะล้างสิ่งสกปรกได้! ฉู่เหินลองคำนวณดู ถ้าเอาสมบัติชิ้นนี้เช็ดจากหัวจรดเท้าล่ะก็ เขาจะสามารถเลื่อนเป็นขั้นปราชญ์ดาราระดับต้นได้อย่างไม่มีปัญหา เพียงแต่น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้เลยสักชิ้นเดียว นี้ทำไมจะไม่ทำให้ตาเขาไม่แดงได้ล่ะ
ชายหนุ่มต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เขารู้ว่าอาศัยพลังของตนเองในตอนนี้ยังไม่พอที่จะได้รับของดี ๆ เหล่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นสมบัติพวกนี้ยังมีผู้อารักขาที่แข็งแกร่ง ถ้าตัวเองเข้าใกล้ก็รอความตายได้เลย เขาถอนหายใจเป็นรอบที่ล้าน ก่อนจะเดินต่อไป เวลาไม่นานตรงหน้าของฉู่เหินก็ปรากฏสิ่งพิเศษสิ่งหนึ่ง
มันเป็นเปลวเพลิงลุกโชนอันหนึ่ง กำลังลุกไหม้อยู่ตรงพื้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งดูเหมือนว่าเปลวเพลิงนี้จะสามารถเผาไหม้สร้างอันตรายได้ตลอดเวลา แต่แม้จะเป็นแบบนั้นฉู่เหินก็ค่อย ๆ ยืนขึ้น ไม่กล้าเดินไปข้างหน้า เพราะเปลวไฟนี้ให้ความรู้สึกอันตรายมากกว่าชิ้นก่อน ๆ หลายเท่านัก!
อีกทั้งฉู่เหินยังสงสัยว่าเหตุที่สถานที่แห่งนี้เปลี่ยนเป็นภูเขาโล้น ทั้งยังเต็มไปด้วยเถ้าถ่าน มีความเป็นไปได้ว่าจะมาจากเปลวไฟนี้นี่แหละ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น เพราะเถ้าถ่านที่ถูกเผาไหม้จากเปลวไฟนี้จริง นั่นก็แสดงว่าพลังอำนาจของไฟนี่ต้องร้ายกาจกว่าร้อยเท่าพันเท่า!
หลังจากคิดถึงตรงนี้ ฉู่เหินก็หลบไปด้านข้างโดยไม่ลังเล เขาหลบเปลวไฟที่ทำท่าเหมือนจะลุกไหม้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามตอนที่เขาเพื่อจะเตรียมหลบ จู่ ๆ ก็มีเสียงหัวเราะแปลก ๆ ดังจากเปลวไฟนั้น
“พ่อหนุ่มน้อย ไม่คิดว่านายจะระวังตัวขนาดนี้ แต่ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ชีวิตของนายก็ควรจะจบสิ้นซะ จะโทษก็โทษชะตาฟ้าและโทษที่ตัวเองที่ไม่เลือกเส้นทางอื่นเถิด” หลังสิ้นเสียงก็เห็นว่าเปลวไฟที่เคยเล็กนั้นกลับกลายเป็นใหญ่ขึ้น จนมีสภาพร่างเหมือนคน
ฉู่เหินที่เห็นฉากนั้นก็ไม่คิดจะหยุดดูหมุนตัวแล้ววิ่งหนีทันที เขารู้แล้วว่าตัวเองได้มาเจออันตรายร้ายแรงเข้าให้แล้ว น่ากลัวว่าเส้นทางนี้จะเป็นของเปลวไฟนั่น เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็สบถในใจ ว่าแล้ววิ่งหนีด้วยสปีดที่เพิ่มขึ้นหลายส่วน!
เปลวไฟนั่นตามหลังมาติด ๆ ทั้งยังหัวเราะตามมาตลอดทาง! หลังจากนั้นก็เห็นเพียงเปลวไฟนั่นเปลี่ยนมือข้างหนึ่งให้ใหญ่ขึ้น มือนั่นยืนยาวออกมาอย่างฉับพลัน มันรวดเร็วเสียจนเกือบไล่ชายหนุ่มทันแล้ว!
ฉู่เหินเร็วดั่งลมกรด ตอนนี้ชายหนุ่มได้เปิดการใช้งานวิชาก้าวนภาแล้วด้วย นั้นจึงทำให้เขาเร็วขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าในพริบตาเขาก็วิ่งไปไกลกว่า 10 ลี้แล้ว แต่แม้จะเป็นอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่คิดจะหยุดฝีเท้าเลยแม้แต่น้อย กลับวิ่งด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม
ในตอนที่เขาใช้ก้าวนภาหนี จู่ ๆ ฉู่เหินก็สัมผัสได้ถึงความร้อนจากด้านหลัง แย่แล้ว! จู่ ๆ ร่างกายของชายหนุ่มก็ไม่สามารถขยับได้ ต่อมาเขาก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองเหมือนจะถูกมือข้างหนึ่งจับเอาไว้!
ความรู้สึกที่ว่าทำให้เขาหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น อีกทั้งอยู่ ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าพลังของตัวเองถูกอีกฝ่ายลอกเลียนแบบไปแล้ว จนถึงตอนนี้ฉู่เหินถึงเพิ่งรู้สึกหัวใจเย็นวาบ! เขารู้ว่าครั้งนี้โชคร้ายเขาจะมากกว่าโชคดี ถ้าถูกเจ้าตัวนี้จับได้ แล้วยังจะมีทางให้เขารอดอยู่อีกงั้นเหรอ
ที่เกาะตระกูลฉู่อันห่างไกล เสี่ยวชิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แม่ของเขาเกาชิงหนาน อยู่ ๆ ทั้งสองก็รู้สึกใจหาย พวกเธอรู้สึกปวดใจ ราวกับของสำคัญหายไป!
ทั้งสองมองหน้ากันสายตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล พวกเธอรู้ดีว่าตอนนี้ฉู่เหินไม่ได้อยู่บนเกาะ! อีกทั้งคนที่ทำให้พวกเธอรู้สึกเจ็บปวดใจพร้อมกันแบบนี้ได้จะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่ฉู่เหิน
ที่ดวงดาวอันห่างไกลที่ไม่รู้จักชื่อ ในเวลานี้มีหญิงสาวนางหนึ่งลูบท้องที่นูนเอามาอย่างเห็นได้ชัดของตัวเองเบา ๆ แต่แล้วเธอก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ ต่อมาเธอถึงได้ยืนขึ้นแล้วมองไปไกลแสนไกล “เกิดอะไรขึ้นกับคุณเหรอ ขอพระเจ้าเมตตาโปรดช่วยคุ้มครองเขาให้ปลอดภัยด้วยเถิด!”
ในห้องอันใหญ่โตที่เทียนไหวเทียน ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ที่เพิ่งจะเปลี่ยนชุดของพรรคเตรียมจะออกไป ร่างกายก็ซวนเซจนเกือบจะล้มไปกับพื้น จู่ ๆ เธอก็เจ็บที่หัวใจตัวเอง “เกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันถึงเจ็บหัวใจล่ะ”
และที่พื้นที่นอกโลกมีหญิงสาวนางหนึ่งกำลังฝึกฝนพลัง อยู่ดี ๆ เธอก็กระอักเลือดสด ๆ ออกมาคำโต เพราะตอนที่เธออยู่ในช่วงสำคัญของการฝึก ทว่าอยู่ ๆ เธอกลับก็รู้สึกเจ็บหัวใจขึ้นมา มันเจ็บมากจนทำให้เธอต้องออกมาจากการฝึกฝน และทำให้พลังตีกลับ
แต่ถึงอย่างงั้นเธอก็ลุกขึ้นยืน สายตาเต็มไปด้วยความกังวล มองออกไปไกล ๆ “เพราะนายเหรอ นายเป็นอะไรไป ห้ามนายเป็นอะไรนะ! ถ้านายเป็นอะไรไปฉันจะไม่ให้อภัยนายแน่!”