สุดยอดชาวประมง - บทที่ 441 หลอมรวมสามจิตวิญญาณ
บทที่ 441 หลอมรวมสามจิตวิญญาณ
บทที่ 441 หลอมรวมสามจิตวิญญาณ
“ผู้อาวุโสทุกท่าน เนื่องจากเวลาเร่งรีบดังนั้นฉันจะขอพูดสั้น ๆ เลยนะ ตอนนี้น่ากลัวว่าพรรคหยูหลินจะตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ แน่ ฉันไม่ได้มีเวลาอธิบายรายละเอียดกับพวกคุณมากนัก ค่ายกลนี้สามารถยืนหยัดได้อีกแค่ประมาณครึ่งชั่วโมง ช่วงเวลาเพียงแค่นั้นก็น่าจะพอ แต่ถ้าฉันมาไม่ทันล่ะก็ ให้พวกคุณเตรียมอาวุธที่ใช้โจมตีระยะไกลเพื่อกำจัดผู้เชี่ยวชาญค่ายกลของอีกฝ่ายได้เลย!”
พอได้ยินที่ฉู่เหินพูด เหล่าผู้อาวุโสก็ตาสว่าง อ่าใช่แล้ว ทำไมพวกเขาถึงคิดไม่ถึงจุดนี้กันนะ ขอแค่จัดการผู้เชี่ยวชาญค่ายกลพวกนั้นไปได้ก็ปลอดภัยแล้ว!
พอคิดได้ถึงตรงนี้พวกเขาก็รีบระดมพลธนูเพื่อเตรียมการโจมตีระยะไกลทันที หลังจากเรียกพลธนูที่เป็นงานมาแล้ว พวกเขาก็เฝ้าสังเกตการณ์จากที่ไกล ๆ ในที่สุดหลังรอมาได้สักพักหนึ่ง เหล่าผู้เชี่ยวชาญคนที่ถูกขับไปไกลสิบลี้ก็กลับมาอีกครั้ง จนถึงตอนนี้เขายังงงอยู่เลยว่าตัวเองมาที่นี่ได้ยังไง!
หลังจากกลับมา เขาก็ได้ยินว่ามีทหารนับพันได้ตายไปแล้ว นี้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมาก เห็นได้ชัดว่านี้มันเป็นค่ายกลคุ้มกันชัด ๆ แล้วมันจะโจมตีได้ยังไงกัน? คนที่หลงใหลเรื่องค่ายกลอย่างเขา ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน และเดินเข้าไปภายในค่ายกลตรงหน้าอีกครั้ง!
ค่ายกลนี้แม้ว่าจะเป็นค่ายกลที่กันไม่ให้คนนอกเข้า แต่ทว่าค่ายกลนี้มันก็มีจุดบกพร่องอยู่ และก็เพราะจุดบกพร่องตรงนี้เอง ทำให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถทำลายค่ายกลนี้ได้ ทว่ามันกลับไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว!
หลายคนรู้สึกว่าค่ายกลนี้แปลกประหลาดมากจริง ๆ ก่อนที่ฉู่เหินจะมาที่นี่นั้นไม่มีใครสังเกตเห็นเขา คาดไม่ถึงว่าหลังจากฉู่เหินปรากฏตัวที่นี่ จะทำให้ค่ายกลจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงแบบนี้ ตอนนั้นทหารแนวร่วมเหล่านั้นหนีเอาชีวิตรอดจะไม่ทันอยู่แล้ว แล้วจะไปสังเกตได้ยังไงว่าภายในนี้นั้นยังมีคนอื่นอยู่อีก!
พวกเขาที่รู้สึกไม่ชอบมาพากลกับค่ายกลตรงหน้าเลยพาลให้ไม่อยากจะเข้าไปโดนโจมตีแบบนั้นอีกแล้ว! แต่น่าแปลก ตอนที่พวกเขาเดินเข้าไปในค่ายกล ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นกลับไม่พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่พิเศษอะไรมากเท่าไหร่เลย!
ผู้อาวุโสพรรคหยูหลินเหล่านั้นต่างก็จ้องมองมานานแล้ว ตอนที่พวกเขาเห็นอีกฝ่ายเอาผู้เชี่ยวชาญคนนั้นเข้ามาด้วย ดังนั้นจึงไม่พูดไม่จาสั่งให้พลธนูโจมตีทันที
ไม่ต้องอธิบายก็รู้ได้เลยว่าทหารที่พาผู้เชี่ยวชาญเข้ามาด้วยไม่กี่คนนั้น พวกเขาต่างก็ได้รับบาดเจ็บจากธนูไปตาม ๆ กัน แม้กระทั่งมีบางคนยังถูกยิงจนตายเลยก็มี! พอเห็นแบบนี้ ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นก็เลยวิ่งหนีออกไปทันที ใครจะไปคิดว่าผู้เชี่ยวชาญค่ายกลจะเป็นคนใจเสาะแบบนี้กัน
แต่หลังจากเขาออกไป คนพวกนั้นก็ได้หาวิธีรับมือ ครั้งนี้ทหารติดเกราะจำนวนมากเดินเข้ามา ร่ายกายของพวกเขาไม่มีตรงไหนที่ไม่ติดเกราะเอาไว้ แล้วเพราะแบบนี้พวกเขาก็เลยไม่กลัวอีกต่อไป! นี้ทำให้พรรคหยูหลินเกิดความร้อนรนขึ้นมา เมื่อเห็นอีกฝ่ายมาถึงจุดหน้าค่ายกลอีกครั้ง
ครั้งก่อนค่ายกลตรงหน้าถูกผู้เชี่ยวชาญเจาะทะลวง เพียงแต่หลังจากฉู่เหินกลับมาและได้ทำการซ่อมแซมใหม่ให้ดีกว่าเดิม แต่ทว่าถ้ามองจากข้างนอกก็คงมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นอดที่จะเกาหัวไม่ได้ เขานึกว่าเมื่อกี้ตัวเองกำลังฝันไปหรือยังไง ทำไมถึงได้รู้สึกว่าทั้งหมดมันไม่ใช่เรื่องจริงกัน
หลังจากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปจับธงอันนั้น! และตอนที่มือทั้งสองจับแล้วดึงธงนั้นมา มันก็ไปโดนจุดที่ฉู่เหินทิ้งค่ายกลเอาไว้พอดี! ที่ฉู่เหินทิ้งเอาไว้ไม่ใช่ค่ายกลระดับสูงอะไร เป็นเพียงระเบิดเวลาอันหนึ่งเท่านั้น เพียงแต่ระเบิดเวลานี้มีอานุภาพที่ค่อนข้างจะรุนแรง ซึ่งแรงระเบิดดังกล่าวก็จะไปกระตุ้นให้คุณสมบัติของค่ายกลเกิดการเปลี่ยนแปลง
ด้วยแรงระเบิดที่เกิดขึ้น มันจะทำให้ค่ายกลห้าธาตุที่ปกป้องภูเขาอยู่เกิดปฏิกิริยา กลายเป็นลำแสงขนาดใหญ่ และทันทีที่ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นจับธง ระเบิดเวลาก็ทำงานทันที ก่อนจะตามมาด้วยเสียงดังระเบิดสนั่น!
อานุภาพของระเบิดนั้นรุนแรงมาก ทำให้ตรงกลางมีควันขนาดใหญ่ลอยเหนือฟ้ามองแล้วเหมือนเห็ด ส่วนผู้เชี่ยวชาญค่ายกลกับพวกที่เข้ามาด้วยกันก็ถึงคราวซวยแล้ว เพราะพวกเขาส่วนใหญ่อยู่ตรงจุดระเบิด ทำให้ส่วนมากแล้วตายในทันที
คนที่เหลืออยู่แม้ว่าจะไม่ตาย แต่ต่างก็ได้รับบาดเจ็บไปตาม ๆ กัน ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นถือว่าเป็นคนโชคดีคนหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ยืนอยู่ใกล้จุดระเบิดที่สุดแต่เขากลับไม่ตาย เมื่อดูดี ๆ จะเห็นว่าร่างกายของเขามีแสงบางอย่างส่องสว่างอยู่ นี้ก็รู้แล้วว่าชายคนนี้ไม่เพียงไม่ตาย อีกทั้งยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ดีอีกด้วย
ผู้คุ้มกันของเขาเกรงว่าจะมีอยู่ประมาณ 20 กว่าคน น่าเสียดายที่จากระเบิดเมื่อครู่ ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้คุ้มกันของเขาถูกทำลายล้างทั้งหมด แม้แต่ตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน โดยไม่พูดไม่จา ผู้เชี่ยวชาญค่ายกลพลันรีบหนีออกไปด้วยใบหน้าขาวซีดในทันที
ทว่าตอนนี้ค่ายกลได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง รัศมีดาบหลายต่อหลายสายผ่าลงมาอย่างโหดเหี้ยม ถ้าใครโดนเข้าล่ะก็ ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็คงถึงตาย! ผู้เชี่ยวชาญค่ายกลวิ่งหนีมาอย่างล้มลุกคลุกคลาน ในที่สุดก็ออกมาได้ แต่คนที่มองมาจากข้างนอกเห็นแล้วดูอนาถมาก
ผู้เชี่ยวชาญไม่เพียงแต่เหลือแขนแค่ข้างเดียว หากแต่เสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งตามรอยแผลที่ปริแตก น่ากลัวว่าจะมีมากกว่าร้อยแห่ง พวกเขารู้สึกว่าผู้เชี่ยวชาญดวงดีเกินไปแล้ว ถ้าโดนแสงดาบนั้นอีกสักทีน่ากลัวว่าเขาคงตายไปแล้ว
ส่วนผู้คุ้มกันคนอื่นที่ตามไปด้วยนับร้อยคน คนที่หนีออกมาได้รวมแล้วมีไม่ถึง 10 คนเลย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าแรงระเบิดเมื่อครู่อัตรายมากขนาดไหน! คนที่ยังไม่ได้เข้าไปคิดกับตัวเองว่าโชคดีจริง ๆ
“ผู้เชี่ยวชาญเฮงซวย สภาพแบบนี้ยังกล้าบอกว่าตัวเองมองค่ายกลทะลุปรุโปร่งอีกเหรอ เมื่อกี้มีคนเข้าไปตายกว่าพันคนแล้วแกรู้รึเปล่า ต่อไปแกไม่ต้องบอกว่าทำได้ถ้าแกทำไม่ได้อีกรู้ไว้ซะ!”
ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญเองก็รูสึกละอายใจ เขานึกว่าตัวเองมองค่ายกลตรงหน้าดีแล้วเชียว แล้วทำไมมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ตอนนี้เขาทำได้เพียงโกรธแต่ก็ไร้เรี่ยวแรงจะคิดไตร่ตรองอะไรอีก เลยรีบหนีหน้าไปรักษาตัวดีกว่า
ฉู่เหินเดินทางด้วยความเร็ว เวลาไม่นานก็มาถึงสถานที่ต้องห้าม เมื่อมาถึงเขาก็ต้องตกใจเพราะก้อนหินสามจิตวิญญาณของเขามีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ ชายชราคนนั้นพอเห็นฉู่เหินเข้ามาใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับเป็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
เท่านี้ฉู่เหินก็รู้แล้วว่าชายชราเองก็คงพอจะรู้จักกับสามจิตวิญญาณเช่นกันว่าเป็นของแบบไหน ไม่งั้นอีกฝ่ายคงไม่แสดงท่าทีอย่างนี้! อีกทั้งเมื่อดูจากเสื้อผ้าที่เขาสวม เขาต้องเป็นผู้อาวุโสสักคนในพรรคหยูหลินนี้เอง
หลังจากเข้ามา ฉู่เหินก็ทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม ปากก็พูดประจบขอให้ผู้อาวุโสอายุหมั้นขวัญยืน แม้ว่าในใจจะด่าอีกฝ่ายว่ามาที่นี่ทำไมก็ตาม
แต่ในเวลาเดียวกัน ภายในร่างกายของเขามีของวิเศษถึงสองอย่าง อันแรกไม่ต้องถามมันก็คือเปลวไฟนั้น ซึ่งเจ้าเปลวไฟนี่แหละที่ทำให้เขารู้สึกจนปัญญา เพราะหลังจากพยายามมาทั้งวันแล้ว หากแต่เจ้าเปลวไฟนั้นก็ไม่ยอมเชื่อฟังเขาสักที ดังนั้นชายหนุ่มจึงทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย ต่อมาเขาก็เรียกหม้อใบหนึ่งออกมา หม้อนี้แม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่อะไร แต่ภายในนั้นก็มีน้ำที่ทำให้สิ่งมีชีวิตที่โดนไปตายในทันทีได้อยู่
โชคดีที่หม้อนี้ค่อนข้างจะว่าง่าย หลังฉู่เหินเรียกมันสักพักหม้อเซียนก็ปรากฏกายออกมา เนื่องจากฉู่เหินรู้ว่าชายชราคนนี้จะต้องมีฝีมือไม่ธรรมดาแน่ ในวันแต่งงานของเขา หญิงชราคนนั้นที่พาซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ไปก็มีพลังที่ใกล้เคียงกับคน ๆ นี้เหมือนกัน