สุดยอดชาวประมง - บทที่ 466 ประลองอีกรอบ
บทที่ 466 ประลองอีกรอบ
บทที่ 466 ประลองอีกรอบ
“ก็ได้ งั้นฉันจะถอยก้าวหนึ่ง เพียงแต่นายต้องสัญญาว่าจะหาของวิเศษมาให้ถ้าฉันต้องการ มีแต่แบบนี้เท่านั้นที่จะทำให้ฉันยอมทำสัญญาเสมอภาคกับนาย!” อัคคีสังสารวัฏพูดอย่างใจกว้าง หลังจากที่มันตัดสินใจจะยอมถอยหนึ่งก้าว
“นายฝันอยู่รึเปล่า แบบนี้มันเป็นสัญญาเสมอภาคตรงไหนกัน เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยน หลังจากวันนี้เป็นต้นไป หากฉันมีเรื่องอะไรให้นายช่วย ห้ามนายบ่ายเบี่ยงเด็ดขาด! แล้วก็เรื่องของวิเศษที่นายต้องการ หากสามารถช่วยนายรวบรวมมาได้ฉันก็จะช่วย แต่ถ้าไม่มีหนทางจริง ๆ ฉันก็คงช่วยนายไม่ได้เหมือนกัน! สุดท้าย ถ้าหากฉันพบเจอกับอันตราย แม้ว่านายจะหลับอยู่ก็ต้องตื่นมาช่วยฉัน!”
“ผายลมน่ะสิ นี้เรียกว่าเสมอภาคเหรอ? งั้นฉันก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เลี้ยงของนายเลยน่ะสิ อย่าแม้แต่จะคิดว่าฉันจะยอม เพราะมันเป็นไปไม่ได้!” เจ้าเปลวไฟ หรือก็คืออัคคีสังสารวัฏพอได้ยินประโยคนี้ก็พาลชักสีหน้า
“แล้วนายคิดว่าตัวเองเป็นอะไรไม่ทราบ? ไม่ทำสัญญาก็ช่าง งั้นฉันก็คงต้องกำจัดนายซะ ต่อให้ต้องตาย แต่ถ้ายังมีตัวอันตรายที่ควบคุมไม่ได้แบบนายอยู่ข้างในตัวฉันแบบนี้ งั้นฉันก็ยอม” หลังพูดจบก็เห็นฉู่เหินโบกมือหนึ่งที หม้อเซียนเผ่ากูได้ปรากฏขึ้นข้างลำตัวของอัคคีสังสารวัฏในทันที
ต่อมาฉู่เหินก็เปิดฝาหม้อเซียนเผ่ากู ทันได้นั้นก็ได้ปรากฏลมทำลายล้างพัดออกมา ทันทีที่เห็นแบบนั้นอัคคีสังสารวัฏก็เริ่มลนลาน! สรรพสิ่งในโลกนี้มีสิ่งที่เป็นทั้งส่งเสริมกันและหักล้างซึ่งกันและกัน แล้วก็บังเอิญที่ว่าอัคคีอย่างมันไม่ถูกกับน้ำแบบนี้พอดีเสียด้วย! อัคคีสังสารวัฏพอเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจะเอาน้ำในนั้นมาโดนตัวเองจริง ๆ มันก็กลัวแทบสิ้นสติแล้ว
“ไอ้หนุ่ม หยุด หยุดมือเดี๋ยวนี้นะ พวกเราพูดกันดี ๆ เถอะ นายฆ่าฉันนายก็จะไม่รอดเหมือนกัน!” ฉู่เหินเพียงแค่ทดลองดูเท่านั้น ตอนนี้เขาเชื่อแล้วว่าเขาสองคนมีความเชื่อมโยงกันจริง ๆ ดังนั้นชายหนุ่มจึงหยุดมือ หากแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา เขาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง
“เอาอย่างงี้ไหมล่ะ หลังจากที่พวกเราเซ็นต์สัญญากันแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องคอขาดบาดตาย นายก็ไม่ต้องมาก่อกวนฉัน ร่างกายของฉันนั้นพิเศษ มันทำให้ไม่สามารถช่วยนายได้ทุกเมื่อหรอกนะ ไม่สู้เอาแบบนี้ไหมล่ะ ทุกวันฉันจะให้ขีดจำกัดสูงสุด 3 ครั้ง ถ้ามากกว่านั้นจะต้องถูกสวรรค์ลงโทษแน่ อีกทั้งถ้านายเจอของวิเศษที่ฉันต้องใช้นายจะต้องช่วยฉันเก็บมา แน่นอนทำเท่าที่นายทำได้ก็พอ!”
“ถ้านายพูดอย่างนี้แต่แรกก็จบนานแล้ว! นายนึกว่าฉันเป็นดอกไม้ที่โตในห้องรึไง! ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ยังไงฉันก็ไม่ใช้นายหรอก” พออัคคีสังสารวัฏได้ยินที่ฉู่เหินพูดมันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เจ้าเปลวไฟนั้นกลัวว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธซะอีก!
ในเมื่อทั้งสองยินยอมด้วยดี งั้นขั้นต่อไปก็ง่ายขึ้นเยอะเลย ต่อมาก็เห็นเพียงอัคคีสังสารวัฏเคลื่อนไหว และก็เห็นว่าที่เหนือศีรษะของชายหนุ่มมีกระจกแปดเหลี่ยมอันหนึ่งลอยอยู่ ฉู่เหินศึกษาเรื่องค่ายกลมาก็มาก แต่เขานั้นก็ไม่เคยเห็นค่ายกลแบบนี้มาก่อนเลย!
แม้ว่าจะบอกว่าไม่รู้จัก แต่เขาก็รู้สึกว่าค่ายกลตรงหน้าให้ความเป็นงานเป็นการมาก! ทันใดนั้นกระจกแปดเหลี่ยมที่เชื่อฟังอัคคีตัวนั้นก็บอกให้ชายหนุ่มเอาเลือดของตัวเองหยดลงไป ฉู่เหินมองกระจกแปดเหลี่ยมนั้น เมื่อสัมผัสไม่ได้ถึงเจตนาร้ายอะไร เขาจึงหยดเลือดของตัวเองลงไป!
หลังเลือดของเขาหยดลงไป ฉู่หินและอัคคีสังสารวัฏก็เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน ขอเพียงฉู่เหินคิด เจ้าเปลวไฟก็จะสามารถรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายได้! และในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มเองก็จะรับรู้ได้ถึงความคิดของมันด้วยเช่นกัน! นี่ถือว่าเป็นความรู้สึกที่แปลกมากทีเดียว
“ฉู่เหิน…!” ขณะที่ฉู่เหินกำลังคิดเงียบ ๆ คนเดียว จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงที่ดูโกรธ ๆ ดังขึ้นที่ข้างหูตัวเอง ฉู่เหินลืมตามอง ก่อนที่เขาจะพบว่าคนตรงหน้านั้นไม่ใช่ใครอื่น หลิงหยุนจือนั่นเอง! เมื่อคิดสักพัก ชายหนุ่มก็เหมือนพึ่งจะรู้ตัวว่าตนนั้นทำอะไรลงไป ว่าแล้วเขาก็ชักอยากจะขอโทษอีกฝ่ายขึ้นมา
ที่สำคัญก็คือเรื่องระดับขั้น การที่ชายหนุ่มนั้นทำกับอีกฝ่ายแบบนี้ บวกกับสายตาคนนอกที่มองมาด้วยแล้ว เกรงว่าคงจะน่าอับอายพอตัว! เมื่อคิดถึงตรงนี้ฉู่เหินก็ก้มหัวขอโทษขอโพยทันที!
“หลิงหยุนจือ เรื่องเมื่อกี้ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นายก็รู้ใช่ไหมว่าเมื่อกี้ฉันเข้าไปในห้วงแห่งจิต ดังนั้นจะเกิดอะไรขึ้นด้านนอกนั้นฉันไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ! ถ้าเพราะเรื่องนี้ฉันไปสร้างความเดือดร้อนอะไรให้ก็ขอโทษด้วย”
เมื่อพูดจบฉู่เหินก็โค้งเป็นการขอโทษหลิงหยุนจือ การกระทำของฉู่เหินนั้นอยู่เหนือความคาดหมายของหลิงหยุนจือเช่นกัน! คุณต้องเข้าใจว่าคนที่ยืนอยู่จุดสูงสุดอย่างพวกเขา ทำไมจะไม่มีความหยิ่งผยองกัน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาโค้งให้กับศัตรูแบบนี้!
เพราะเหตุนี้ พอหลิงหยุนจือเห็นฉู่เหินทำแบบนี้ เขาก็พลันรู้สึกวุ่นวายใจ ไม่รู้ว่าตนควรทำยังไงดี เลยยืนเงียบอย่างโง่งมอยู่ตรงนั้น
“หลิงหยุนจือ การประลองเมื่อกี้ไม่ค่อยยุติธรรมกับนายเลย อีกทั้งนั้นก็ไม่ใช่ความสามารถที่แท้จริงของฉัน แต่กลับชนะซะงั้น ถ้านายไม่ว่าอะไร ฉันยินดีที่จะประลองกับนายอีกรอบหนึ่ง ไม่รู้ว่านายจะตกลงไหม”
ประโยคดังกล่าวของฉู่เหินยินทำให้หลิงหยุนจือตัวสั่นสะท้าน ตอนนี้หลิงหยุนจือคล้ายจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉู่เหินแล้ว แม้ว่าจะในสถานะของคู่ต่อสู้ก็เถอะ แต่เขาก็อดที่จะนับถือในตัวของฉู่เหินไม่ได้! และเพราะเรื่องนี้เขาถึงได้รู้สึกว่านิสัยจริง ๆ ของนั้นฉู่เหินมีเสน่ห์มาก!
“ตามหลักการแล้ว ฉันควรจะรู้หน้าที่ของตัวเอง และปล่อยให้มันจบไปซะ แต่ถ้าว่ากันตามความรู้สึกที่แท้จริง ฉันเองก็รู้สึกไม่ยอมรับเช่นกัน ดังนั้นฉันจะประลองกับนายอีกครั้ง ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะหวังว่าพวกเราสองคนจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน!” เพียงไม่กี่ประโยคของหลิงหยุนจือนั้นเป็นความรู้สึกที่ออกจากใจ ซึ่งฉู่เหินก็สัมผัสได้!
“ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ฉันฉู่เหินจะนับว่านายเป็นเพื่อนของฉัน!” หลังจบประโยคก็เห็นเพียงฉู่เหินโบกมือ ก่อนที่กระบองจตุรธาตุจะปรากฏขึ้นในมือของเขา
หลิงหยุนจือเองก็กลับมาถือกระบี่ยาวไว้ในมืออีกครั้ง หลังจากนั้นก็เห็นเพียงเขาขยับกระบี่ ก่อนที่เงาจันทราครึ่งเสี้ยวจะปรากฏขึ้นด้านหลัง! หลิงหยุนจือไม่อยากจะเสียเวลา เพียงอยากจะรู้ผลแพ้ชนะเร็ว ๆ !
ครั้งนี้ฉู่เหินไม่ได้เข้าสู่ห้วงจิต ดังนั้นจึงสามารถสัมผัสตัวตนของเงาจันทราครึ่งเสี้ยวได้อย่างชัดเจน ว่ามันปล่อยลมปราณที่อันตรายออกมาขนาดไหน! นี้ทำให้ฉู่เหินรู้สึกว่าตัวเองต้องระวังตัวให้มาก ๆ ไม่งั้นจันทราครึ่งเสี้ยวนี้คงสามารถเอาชีวิตเขาได้เลย ต่อมาชายหนุ่มก็รีบชักนำพลังธาตุทั้งสามของตัวเองใส่ไปในกระบองจตุรธาตุ
ในตอนนี้เองที่กระบองจตุรธาตุเปล่งแสงออกมา เห็นดังนั้นฉู่เหินจึงอัดฉีดพลังดวงดาวเข้าไปภายในเพิ่มเข้าไปอีก มันจึงทำให้แสงนั้นยิ่งสว่างขึ้นจนแสบตา! และในจังหวะนั้นเองที่บนอากาศเต็มไปด้วยสายฟ้า อัคคีรูปทรงกระบี่ และแท่งน้ำแข็ง
เมื่อพลังธาตุทั้งสามปรากฏขึ้น มันก็ยังไม่ได้ถูกยิงออกไปแต่อย่างใด หากแต่มันกลับทำการหลอมรวมกันแทน! หลังจากนั้นก็เห็นเพียงกลางอากาศมีวงเวทย์พิเศษบางอย่างปรากฏขึ้น มันกำลังก่อตัวเป็นสัตว์ร้ายที่แปลกมากตัวหนึ่ง เจ้าตัวนี้มีหัวเป็นมังกรร่างเป็นเสือ มีเขาอยู่กลางหัว และมีปีกขนาดใหญ่อยู่คู่หนึ่ง แค่เห็นเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนั้นที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศมันก็ทำเอาผู้คนโดยรอบรู้สึกหวาดกลัวแล้ว !
แต่ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกประหลาดก็คือ แม้ว่าสัตว์ตัวนี้จะดูดุร้าย แต่มันกลับขาดขาหลังสองข้างกับหางไป ดังนั้นมันจึงเป็นเพียงสัตว์ร้ายที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่แม้จะเป็นอย่างงั้น ทว่าร่างกายของมันก็ยังคงปล่อยพลังสะเทือนฟ้าสะเทือนดินออกมาอย่างต่อเนื่อง!
เมื่อผู้ชมด้านนอกเห็นการต่อสู้กำลังจะเริ่มต้น พวกเขาต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างออกรส! โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเห็นหลิงหยุนจือเอาวิชาก้นหีบของตัวเองออกมาใช้ ! เพราะทุกคนรู้ดีว่าชัยชนะที่ฉู่เหินได้เมื่อกี้นั้นยังไม่ใช่การแข่งขันที่แท้จริง
ดังนั้นพวกเขาเลยอยากจะลองดูว่าฉู่เหินจะใช้ความสามารถอะไรรับมือกับอีกฝ่าย? แน่นอนว่าบางคนก็คิดว่า “มองเห็นหรือยัง มองออกเลยว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาแตกหักขนาดไหน ทั้งสองโกรธแค้นกันอย่างแท้จริงแล้ว!”
“หา พูดอะไรของแกวะ ไม่ว่าจะหอเมฆาหรือว่าตระกูลฉู่ พวกเขาต่างก็ไม่ใช่สิ่งที่แกจะเอาไปพูดเล่นได้หรอกนะ ถ้าพวกเขารู้ว่าแกพูดลับหลังแบบนี้ระวังชีวิตของตัวเองไว้ให้ดีเถอะ!”
“ทำไมล่ะ พวกเราก็เห็นด้วยกันไม่ใช่หรือไงว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น แล้วแบบนี้จะไม่ให้พูดได้ยังไง!” คำพูดทั้งซ้ายทั้งขวา เข้ามาในหูของหอเมฆาและตระกูลฉู่ทำให้พวกเขาอดขมวดคิ้วแน่นไม่ได้! ถ้าไม่เพราะสถานที่ไม่อำนวยล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาคงระเบิดโทสะไปนานแล้ว