สุดยอดชาวประมง - บทที่ 495 พรรควายุอัสนี
บทที่ 495 พรรควายุอัสนี
บทที่ 495 พรรควายุอัสนี
เวลาผ่านไปไวราวกับสายน้ำ เพียงพริบตาก็ผ่านไป 7 วันแล้ว ! ตลอด 7 วันที่ผ่านมาฉู่เหินไม่รู้ว่าตัวเองสุขหรือทุกข์กันแน่ ราวกับว่าทุก ๆ วันนั้นเต็มไปด้วยความสุขร่วมกับน้ำตา ! ร่างกายของเขาเจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไง แต่มันก็แลกมากับกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาคล้ายจะเข้าใจแล้วว่าอะไรที่เรียกว่าลำบากก่อนถึงจะสบาย !
เมื่อมาถึงวันที่ 7 ฉู่เหินก็ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว แม้ว่าน้ำนี้จะร้อน ๆ และมีกลิ่นแปลก ๆ แต่เขาก็นั่งอยู่อย่างนั้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนที่เขากำลังนั่งฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ อยู่นั่นเอง จู่ ๆ ฝาถังก็ถูกเปิดออก !
“ออกมาเถอะ นายคิดจะอู้อยู่อย่างนี้ทั้งชาติหรือไง !” เสียงของผู้นำตัวน้อยดังเข้ามาในหูของฉู่เหิน พอชายหนุ่มได้ยินแบบนั้น เขาก็กระโดดออกจากถัง และนั่นก็ทำให้เขารับรู้ได้ในทันทีว่าพลังวรยุทธ์ของตนนั้นฟื้นพลังกลับมาแล้ว !
อีกทั้งตอนนี้ฉู่เหินยังรู้สึกว่าร่างกายเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ราวกับเพียงยกมือนิดหน่อยก็มีพลังมากมายแล้ว ! เมื่อรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว มันก็ทำให้เขาอดที่จะอ้าปากค้างไม่ได้ ! เพราะเขาพบว่าพลังวรยุทธ์ของตัวเองในตอนนี้จากขั้นปราชญ์ดาราระดับต้นใกล้จะถึงระดับกลางแล้ว
ที่ทำให้เขาตกใจที่สุดก็คือกล้ามเนื้อของตัวเองที่ตอนนี้ก้าวหน้าอย่างมาก เพราะตอนนี้มันอยู่ในขั้นปราชญ์ระดับดารากลางเข้าไปแล้ว ! ทั้งหมดมันทำให้เขารู้สึกว่ากับอยู่ในฝัน ไม่กล้าที่จะเชื่อเลยสักนิด !
เห็นฉู่เหินยืนอย่างโง่งม ทำให้ผู้นำตัวน้อยอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ฝีมือการหลอมระดับฉัน บวกกับเลือดเซียนนั้นสามารถทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ! จำไว้ว่าพี่ชายติดหนี้คนของหมู่บ้านเล็ก ๆ นี้คนหนึ่ง หวังว่าในอนาคตถ้าหมู่บ้านเราไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายบ้าง ถึงตอนนั้นหวังว่าพี่ชายจะไม่ปฏิเสธนะ ! ”
ฉู่เหินได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างจริงจัง เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีบุญคุณต่อเขามากจริง ๆ เพราะทั้งหมดมันทำให้เขาประหยัดเวลาฝึกไปได้น่ากลัวว่าจะ 3-5 ปีเลยทีเดียว ! และใน 3 ถึง 5 ปีข้างหน้าเขาจะยิ่งพัฒนาการมากกว่านี้ไปอีกแน่ ! อีกทั้งถ้าไม่มีผู้นำตัวน้อย น่ากลัวว่าบาดแผลที่ได้รับคงยากที่จะหายดีในเร็ววันแบบนี้ !
ซึ่งต่อให้รักษาเสร็จ มันก็อาจจะมีอาการแทรกซ้อนร่วมด้วย และนั่นอาจทำให้การฝึกฝนพลังเป็นไปได้ไม่ราบรื่นนัก เพราะแบบนี้เขาถึงพยักหน้าให้อีกฝ่ายอย่างหนักแน่น ! ถ้าในวันข้างหน้าหมู่บ้านนี้ต้องการความช่วยเหลือจากเขาจริง ๆ ต่อให้บุกน้ำลุยไฟเขาก็จะมาให้ได้ !
ต่อมาผู้นำตัวน้อยก็ส่งแหวนมิติให้เขาวงหนึ่ง บอกว่าเอาไว้เตรียมใส่สมุนไพร ก่อนจะบอกว่าชายหนุ่มนั้นสามารถเก็บสมุนไพรในหมู่บ้านได้ทุกที่ เพียงแต่ต้องเก็บไว้ในแหวนนี่เท่านั้น ! ตอนที่ฉู่เหินกำลังเตรียมตัว เขาก็พูดถึงรูปปั้นหนูที่ให้ผู้นำตัวน้อยไปก่อนหน้า ! พอผู้นำตัวน้อยได้ยินดังนั้นเขาตกใจจนรีบโบกมือปฏิเสธไปมา !
“พี่ชายรีบเอามันไปเถอะ ของแบบนี้ฉันเลี้ยงไม่ไหวหรอก ! ฉันยังอยากให้ชาวบ้านยังมีชีวิตอยู่ มีอย่างหนึ่งที่ฉันยังไม่ได้เตือนพี่ชาย ถ้าพี่ชายคิดโยนเจ้ารูปปั้นนั่นทิ้งไป มันก็อาจเป็นไปได้ที่ว่าพี่ชายจะเจอหายนะในอนาคต ! แต่ถ้าพี่ชายเก็บเอาไว้กับตัว มันก็จะทำให้พี่ชายกลายเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกได้ ! ”
ได้ยินดังนั้นฉู่เหินก็ดวงตาเบิกกว้าง ทำไมเขารู้สึกเหมือนตัวเองหยิบเผือกร้อนมาซะได้ ! พอเห็นท่าทางของฉู่เหินผู้นำหมู่บ้านก็อดครุ่นคิดในใจไม่ได้
“แม้ว่ามันจะเป็นเผือกร้อน แต่สำหรับพี่ชายมันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ซะทีเดียว ถ้าพี่ชายใช้เป็น บางทีในอนาคต บนเส้นทางการเป็นผู้แข็งแกร่งของพี่ชาย เจ้ารูปปั้นอาจจะช่วยพี่ชายได้ ! แต่ถ้าพี่ชายอยากเป็นคนธรรมดา งั้นก็เสียใจด้วยเพราะตั้งแต่ที่พี่ชายเอาสิ่งนี้มา มันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว”
ฉู่เหินฟังแล้วก็เข้าใจ ตอนนี้ตัวเองมีทางเลือกสองทาง ทางหนึ่งคือกลายเป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน เมื่อถึงตอนนั้นตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องกลัวใครในโลกอีกแล้ว ส่วนอีกทางก็คือในกรณีที่เขาทำไม่สำเร็จ ถ้างั้นก็เตรียมใจตายได้เลย !
พอเก็บรูปปั้นเสร็จเขาก็กล่าวอำลาทันที ! แต่ก่อนที่จะไป ผู้นำตัวน้อยยังกำชับเขาอีกว่า ให้เขาเอาเลือดตัวเองอาบรูปปั้นให้ทั่ว หลังจากนั้นให้วางไว้ที่ใต้ดวงอาทิตย์ตากไว้กลางแดด ส่วนเพราะอะไรนั้นอีกฝ่ายไม่ได้บอก คำพูดพวกนั้นราวกับว่าจะมีข้อห้ามอยู่อีกอย่างไงอย่างงั้น !
เมื่อบอกลาเสร็จสิ้น ฉู่เหินก็มุ่งตรงกลับหมู่บ้านทันที เส้นทางขากลับราบรื่นมาก พอฉู่เหินเจอสัตว์ร้าย พวกมันก็พากันตกใจกลัวจนกระโดดหนีไปเอง กระทั่งขวางยังไม่กล้าเข้ามาขวาง อีกทั้งที่ทำให้เขางงที่สุดก็คือขากลับ เพราะมาครั้งนี้เขาไม่เห็นหน้าผาคุณธรรมอีกแล้ว !
เมื่อมาถึงที่นั่น เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าหน้าผานั่นน่าจะเป็นฝีมือของผู้ยอดยุทธที่ทำขึ้นเพื่อทดสอบจิตใจตัวเอง ชายหนุ่มเดินทางต่อเงียบ ๆ ไม่พูดจา ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวัน ในที่สุดเขาก็มาถึงบ้านของครูฝึกผู้นั้น ! ว่าแล้วชายหนุ่มก็หยิบยาที่ผู้นำตัวน้อยมอบให้อีกฝ่าย อีกทั้งยังอธิบายให้เขาฟังอย่างละเอียดรอบหนึ่ง
ครูฝึกคนนั้นพยักหน้าอย่างชื่นชม และในขณะที่ฉู่เหินกำลังจะจากไป อีกฝ่ายก็ได้บอกให้เขาไปหาหัวหน้าหมู่บ้านที่กำลังเรียกหาเขาอยู่ เมื่อได้ยินดังนั้นฉู่เหินก็ยิ่งสงสัย เพราะน้ำเสียงของครูฝึกดูจะเกรงใจตัวเขาแบบแปลก ๆ ราวกับว่ากำลังหวาดกลัวอยู่อย่างงั้นแหละ
เขาเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ แต่ก็ยังมาที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้าน พอหัวหน้าหมู่บ้านเห็นฉู่เหินกลับมา ชายแก่ก็ไม่ได้ทำหน้าซังกะตายอีก ทว่ากลับเผยยิ้มต้อนรับเต็มที่ ! เห็นฉากนี้เข้าไปฉู่เหินก็ยิ่งรู้สึกแปลกประหลาด เพราะแม้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านคนนี้กำลังยิ้ม แต่ใบหน้าคล้ายจะมีความรู้สึกอย่างอื่นอยู่ด้วย !
“ฉู่เหิน ในที่สุดนายก็กลับมาอย่างปลอดภัย! ฉันอยากจะถามความคิดเห็นนายสักหน่อยว่าคิดยังไงบ้างที่จะกระจายอำนาจพวกเรา” พอหัวหน้าหมู่บ้านเห็นฉู่เหินกลับมาแล้ว เขาก็ไม่รอให้อีกฝ่ายอ้าปาก รีบพูดขึ้นมาก่อน !
พอได้ยินดังนั้นฉู่เหินก็อดที่จะพยักหน้าไม่ได้ ! ทั้งที่จริงแล้วเขาไม่เข้าใจอะไรเลย ! ขณะเดียวกันใบหน้าเขาก็ยิ่งเผยความงุนงงมากขึ้นไปอีก
ต่อมาหัวหน้าหมู่บ้านก็อธิบายความเป็นมาของโลกใบนี้ กับดินแดนที่แยกเป็นแห่ง ๆ ! โลกนี้เรียกว่าอาณาจักรเทียนชิง อาณาจักรเทียนชิงกว้างใหญ่ไพศาล พวกเขาแบ่งออกเป็นสี่ทวีปใหญ่ ๆ ! นอกนั้นล้วนแล้วแต่ถูกยึดครองโดยปีศาจและขุนเขาสัตว์เทพ อย่าได้ดูถูกขุนเขาสัตว์เทพ เพราะพวกเขาเหล่านั้นถือครองพื้นที่ในทิศเหนือและใต้ของอาณาจักเทียนชิงแทบทั้งหมด !
ขุนเขาสัตว์เทพนั้นเต็มไปด้วยสมุนไพรวิญญาณหลากหลายชนิด อีกทั้งวัตถุดิบยังหลากหลายอีกด้วย ! ดังนั้นตลอดทั้งปี จึงมีนักเสี่ยงโชคเข้าไปลองของตลอด ! แต่ว่าสำหรับส่วนลึกของขุนเขาสัตว์เทพนั้นไม่มีใครกล้าเหยียบเข้าไปเพราะภายในมีสัตว์ที่มีพลังวรยุทธ์กล้าแกร่งมาก กระทั่งคนที่พลังขั้นเทพดารายังไม่กล้าที่จะล้อเล่น !
ขุนเขาสัตว์เทพฝั่งใต้ถูกเรียกว่าแดนใต้ แดนใต้นั้นมีลักษณะเป็นเกาะ ที่แห่งนั่นมีโจรค่อนข้างเยอะ ! คนจากพรรคต่าง ๆ ที่ต้องการจะขัดเกลาฝีมือ พวกเขาเหล่านั้นก็พากันไปที่แดนใต้ ถ้าสามารถรอดชีวิตกลับมา ต่อไปก็จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง !
ขุนเขาสัตว์เทพฝั่งเหนือถูกเรียกว่าแดนคนเหนือ คนที่นั้นดูที่พลังเป็นหลัก อีกทั้งเมื่อเทียบกันแล้วค่อนข้างสงบสุข เหมาะที่จะให้คนมาอยู่อาศัย ! เมื่อเทียบกับอีกสี่ส่วนในอาณาจักรเทียนชิง อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานะพวกเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับสี่ทวีป แต่ขึ้นอยู่กับการปกครองของคน ๆ หนึ่ง !
ถ้าต้องการขนานนามที่แห่งนี้สักชื่อละก็ งั้นพวกเขาก็คือดินแดนคนเถื่อนของทั้งสี่ทวีป ที่เรียกว่าดินแดนคนเถื่อนก็คือกลุ่มที่ไม่เคยมีวิวัฒนาการ ! ไม่ว่าจะด้วยความเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม อีกอย่างก็คือเรื่องพลังวรยุทธ์ขั้นมาตรฐานของพวกเขา ซึ่งต่างจากการคาดเดาของสี่ทวีปลิบลับ!
ภายในดินแดนคนเถื่อนนั้นมีขุมอำนาจอยู่ห้ากลุ่ม การแบ่งห้ากลุ่มอำนาจตอนนี้ก็เหมือนกับตอนราชวงค์เซี่ย คนที่จะได้เป็นฮ่องเต้ก็ย่อมต้องเป็นคนของพวกเขา ! ถัดจากฮ่องเต้ลงมาก็ยังมีอีกสี่ขุมอำนาจ แบ่งออกเป็น ‘ผู้ฝึกฝนพิษก็จะเข้าพรรคที่เกี่ยวกับพิษ ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณก็จะเขาพรรคพลังวิญญาณ’
‘ผู้ค้าขายก็จะเป็นชนชั้นพ่อค้า! และผู้ฝึกพลังวรยุทธ์ก็คือพรรควายุอัสนี’ การจะเข้าท้องพระโรงได้นั้น พลังวรยุทธ์คือสิ่งที่คัดอันดับแรก แต่กว่าจะได้นั้นยากแสนยาก ! ดังนั้นเมื่อเทียบกับอีกสี่ขุมอำนาจที่เหลือ ถ้าคุณคิดจะเอาดีด้านพลังวรยุทธ์ก็ต้องเลือกพรรควายุอัสนี !